ผู้จัดการรายวัน-รัฐบาลสปป.ลาว เตรียมล้างไพ่ โครงการรับซื้อไฟฟ้าใหม่ เหตุต้นทุนค่าก่อสร้างพุ่ง ผู้ประกอบการที่เสนอราคาค่าไฟมาแล้วทำไม่ได้ ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินหงสาลิกไนต์ของบ้านปู มีสิทธิ์ชวดโครงการ มีเอกชนหลายรายจ่อจองคิว ด้านผู้ว่ากฟผ.เผย จะรับซื้อไฟฟ้ากับผู้ที่ให้ราคาดีกว่า
นายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านว่า จากที่รัฐบาลไทยได้ทำบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยูในการรับซื้อไฟฟ้าจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) จำนวน 7,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2558 นั้น ล่าสุดทางกระทรวงพลังงานได้เดินทางไปหารือกับทางรัฐบาลสปป.ลาวเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่า ทางรัฐบาลสปป.ลาว จำเป็นต้องเลื่อนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าออกไปจำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินหงสาลิกไนต์ ของบริษัท บ้านปู จำกัด(มหาชน) ร่วมกับบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) ขนาดกำลังการผลิต 1,653 เมกะวัตต์
โครงการเขื่อนน้ำเงี๊ยบ ของกลุ่มคันไซ จากญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ โครงการเขื่อนน้ำเทิน 1 ของบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด(มหาชน) ร่วมกับบริษัท กัมบูดา ของมาเลเซีย ขนาดกำลังการผลิต 523 เมกะวัตต์ และโครงการเขื่อนน้ำงึม 3 ของบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด ขนาดกำลังการผลิต 460 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ เป็นเหตุผลมาจากขณะนี้ภาวะเงินเฟ้อได้พุ่งสูงขึ้นมากจากภาวะราคาน้ำมัน ส่งผลให้ค่าวัสดุอุปกรณ์ค่าก่อสร้างได้เพิ่มขึ้นกว่า 30 % ทำให้ผู้ประกอบการที่เคยเสนอราคาค่าไฟฟ้าไปก่อนหน้านี้ไม่สามารถดำเนินโครงการได้ จึงได้ทำเรื่องเสนอทางรัฐบาลสปป.ลาว เพื่อจะขอทบทวนโครงการใหม่ ทางสปป.ลาว จึงทำเรื่องเสนอคณะอนุกรรมการรัฐซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีนายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เพื่อขอยุติเอ็มโอยูที่ได้เซ็นกันไว้ เพื่อให้มีการเจรจาเรื่องค่าไฟฟ้ากันใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอหนังสืออย่างเป็นทางการจากรัฐบาลสปป.ลาวอยู่
นายสมบัติ กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีการเจรจาค่าไฟฟ้ากันเมื่อใดนั้น ต้องขึ้นกับทางสปป.ลาวจะมีหนังสืออย่างเป็นทางการเมื่อใด และจะเปลี่ยนผู้ดำเนินการโครงการหรือไม่ เนื่องจากทางสปป.ลาวมีสิทธิ์ที่จะยกโครงการให้กับผู้ประกอบการรายใดก็ได้ที่มีความพร้อมมากกว่า โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินหงสาลิกไนต์ ที่กำหนดจ่ายไฟฟ้าในปี 2556 ที่มีผู้ประกอบการหลายรายให้ความสนใจ ซึ่งหากมีผู้เสนอในราคาค่าไฟฟ้าที่ดีกว่า กฟผ.ก็สามารถเลือกซื้อไฟฟ้าจากผู้ประกอบการรายใหม่ได้ ซึ่งรวมถึงโครงการอื่นๆ ด้วย ที่ผู้ประกอบการรายเดิมอาจจะถูกตัดสิทธิ์ออกไป หากไม่สามารถดำเนินโครงการได้ และเสนอค่าไฟฟ้าที่สูงกว่า
ส่วนกรณีของโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เกาะกง ประเทศกัมพูชานั้น รัฐบาลกัมพูชาได้แจ้งรายชื่อผู้ได้สิทธิ์การก่อสร้างไว้ ประกอบด้วย กลุ่มบริษัทเกาะกงเพาเวอร์ กลุ่มเอกชนของกัมพูชา ร่วมกับจีน และกลุ่มบริษัท ผลิตไฟฟ้าจำกัด(มหาชน) และอิตาเลียนไทย แต่กลุ่มใดจะเป็นผู้ดำเนินการนั้น ทางรัฐบาลกัมพูชายังไม่ได้ตัดสินใจ ขึ้นอยู่ผู้ประกอบการรายใดจะเสนอค่าไฟฟ้าที่เหมาะสม และจะต้องมาดูว่าประเทศมีความจำเป็นต้องรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการนี้หรือไม่ มีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด ประเทศมีทางเลือกหรือไม่ด้วย โดยโครงการนี้จะมีกำลังการผลิต 7,200 เมกะวัตต์ แบ่งการดำเนินการเป็น 2 เฟสๆ และ 3,600 เมกะวัตต์
นายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านว่า จากที่รัฐบาลไทยได้ทำบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยูในการรับซื้อไฟฟ้าจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) จำนวน 7,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2558 นั้น ล่าสุดทางกระทรวงพลังงานได้เดินทางไปหารือกับทางรัฐบาลสปป.ลาวเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่า ทางรัฐบาลสปป.ลาว จำเป็นต้องเลื่อนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าออกไปจำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินหงสาลิกไนต์ ของบริษัท บ้านปู จำกัด(มหาชน) ร่วมกับบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) ขนาดกำลังการผลิต 1,653 เมกะวัตต์
โครงการเขื่อนน้ำเงี๊ยบ ของกลุ่มคันไซ จากญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ โครงการเขื่อนน้ำเทิน 1 ของบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด(มหาชน) ร่วมกับบริษัท กัมบูดา ของมาเลเซีย ขนาดกำลังการผลิต 523 เมกะวัตต์ และโครงการเขื่อนน้ำงึม 3 ของบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด ขนาดกำลังการผลิต 460 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ เป็นเหตุผลมาจากขณะนี้ภาวะเงินเฟ้อได้พุ่งสูงขึ้นมากจากภาวะราคาน้ำมัน ส่งผลให้ค่าวัสดุอุปกรณ์ค่าก่อสร้างได้เพิ่มขึ้นกว่า 30 % ทำให้ผู้ประกอบการที่เคยเสนอราคาค่าไฟฟ้าไปก่อนหน้านี้ไม่สามารถดำเนินโครงการได้ จึงได้ทำเรื่องเสนอทางรัฐบาลสปป.ลาว เพื่อจะขอทบทวนโครงการใหม่ ทางสปป.ลาว จึงทำเรื่องเสนอคณะอนุกรรมการรัฐซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีนายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน เพื่อขอยุติเอ็มโอยูที่ได้เซ็นกันไว้ เพื่อให้มีการเจรจาเรื่องค่าไฟฟ้ากันใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอหนังสืออย่างเป็นทางการจากรัฐบาลสปป.ลาวอยู่
นายสมบัติ กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีการเจรจาค่าไฟฟ้ากันเมื่อใดนั้น ต้องขึ้นกับทางสปป.ลาวจะมีหนังสืออย่างเป็นทางการเมื่อใด และจะเปลี่ยนผู้ดำเนินการโครงการหรือไม่ เนื่องจากทางสปป.ลาวมีสิทธิ์ที่จะยกโครงการให้กับผู้ประกอบการรายใดก็ได้ที่มีความพร้อมมากกว่า โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินหงสาลิกไนต์ ที่กำหนดจ่ายไฟฟ้าในปี 2556 ที่มีผู้ประกอบการหลายรายให้ความสนใจ ซึ่งหากมีผู้เสนอในราคาค่าไฟฟ้าที่ดีกว่า กฟผ.ก็สามารถเลือกซื้อไฟฟ้าจากผู้ประกอบการรายใหม่ได้ ซึ่งรวมถึงโครงการอื่นๆ ด้วย ที่ผู้ประกอบการรายเดิมอาจจะถูกตัดสิทธิ์ออกไป หากไม่สามารถดำเนินโครงการได้ และเสนอค่าไฟฟ้าที่สูงกว่า
ส่วนกรณีของโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เกาะกง ประเทศกัมพูชานั้น รัฐบาลกัมพูชาได้แจ้งรายชื่อผู้ได้สิทธิ์การก่อสร้างไว้ ประกอบด้วย กลุ่มบริษัทเกาะกงเพาเวอร์ กลุ่มเอกชนของกัมพูชา ร่วมกับจีน และกลุ่มบริษัท ผลิตไฟฟ้าจำกัด(มหาชน) และอิตาเลียนไทย แต่กลุ่มใดจะเป็นผู้ดำเนินการนั้น ทางรัฐบาลกัมพูชายังไม่ได้ตัดสินใจ ขึ้นอยู่ผู้ประกอบการรายใดจะเสนอค่าไฟฟ้าที่เหมาะสม และจะต้องมาดูว่าประเทศมีความจำเป็นต้องรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการนี้หรือไม่ มีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด ประเทศมีทางเลือกหรือไม่ด้วย โดยโครงการนี้จะมีกำลังการผลิต 7,200 เมกะวัตต์ แบ่งการดำเนินการเป็น 2 เฟสๆ และ 3,600 เมกะวัตต์