ผู้จัดการรายวัน-คณะทำงานแก้ปัญหาก๊าซหุงต้ม เลื่อนปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) สำหรับภาคขนส่งและอุตสาหกรรมจากเดือนนี้เป็นส.ค.แทน อ้างต้องรอดูความพร้อมด้านความปลอดภัย ปตท.เผยตัวเลขนำเข้าแอลพีจีส.ค. ขยับขึ้นเป็น 8.8 หมื่นตัน หลังจากเดือน ก.ค.นำเข้าพุ่ง 1.09 แสนตัน ส่วนโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากลาวยังเจรจาค่าไฟฟ้าไม่ยุติ หลังต้นทุนก่อสร้างพุ่ง
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาขาดแคลนก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เปิดเผยว่า ขณะนี้การพิจารณาเตรียมพร้อมปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้มออกเป็น 2 ราคายังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากต้องพิจารณาเรื่องความพร้อมด้านความปลอดภัย ป้องกันการลักลอบถ่ายเทก๊าซแอลพีจีจากครัวเรือนไปใช้ในรถยนต์ โดยมีแนวโน้มว่าการศึกษาทั้งหมดอาจเสร็จสิ้นในเดือนส.ค. ซึ่งถือว่าไม่ล่าช้าไปกว่าเป้าหมายเดิม เพราะช่วงที่ประกาศนโยบาย 2 ราคาก๊าซแอลพีจีตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.นั้น ได้ประกาศว่าจะใช้ราคาใหม่ภายใน 6 เดือน ส่วนปริมาณการใช้แอลพีจีนั้น ยืนยันไม่ขาดแคลน เพราะปตท.มีการเข้าก๊าซแอลพีจีเพิ่มเพื่อสนองความต้องการใช้
“ขณะนี้ต้องดูเรื่องความปลอดภัยให้เข้มงวด ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเพื่อป้องกันอันตรายโดยเฉพาะคำสั่งนายกรัฐมนตรี เรื่องป้องกันการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ห้ามถ่ายเทก๊าซฯ ในครัวเรือนไปใช้ขนส่งโดยมีโทษจำคุก 10 ปีปรับไม่เกิน 1 แสนบาท”นายพรชัยกล่าว
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า หลังจากที่ปริมาณความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 ล้านตันต่อปี จากเดิมอยู่ที่ 3 ล้านตัน หรือประมาณ 14.2% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นจากการใช้ในรถยนต์ถึง 22.7% ทำให้ ปตท.ต้องปรับแผนการนำเข้าแอลพีจีในเดือนก.ค.ใหม่ เป็นการนำเข้าในปริมาณกว่า 109,800 ตัน จากแผนเดิมที่ต้องนำเข้า 8 หมื่นตัน หรือเพิ่มขึ้น 37.25% โดยวันที่ 2 ก.ค. 51 นำเข้าแอลพีจีในปริมาณ 2.3 หมื่นตัน ที่ท่าเรือคลังก๊าซเขาบ่อยา จ.ชลบุรี วันที่ 14 ก.ค. 51 นำเข้าอีก 4 หมื่นตัน และ 2.3 หมื่นตัน ที่ท่าเรือคลังก๊าซเขาบ่อ วันที่ 16 ก.ค. 51 นี้จะนำเข้าแอลพีจีในปริมาณ 1.8 พันตัน ที่ท่าเรือคลังก๊าซสงขลา จ.สงขลา และวันที่ 27 ก.ค. 51 นำเข้าแอลพีจีในปริมาณ 2.2 หมื่นตันที่ท่าเรือคลังก๊าซเขาบ่อยา
“วันนี้มีก๊าซหุงต้มเข้ามาเทียบท่าที่คลังก๊าซเขาบ่อยา จ.ชลบุรีแล้ว ในปริมาณ 4 หมื่นตัน และปริมาณ 2.3 หมื่นตัน และจะทยอยนำเข้าก๊าซหุงต้มตามแผนดังกล่าวข้างต้นต่อไป โดย ปตท. พร้อมที่จะจ่ายก๊าซแอลพีจีให้แก่ลูกค้าของ ปตท. และผู้ค้าตามมาตรา 7 และในเดือนส.ค.นี้ ปตท. มีแผนนำเข้าแอลพีจีอีกครั้งในปริมาณ 8.8 หมื่นตัน”นายชัยวัฒน์กล่าว
ส่วนการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างไทย-วปป.ลาวนั้น นายพรชัยกล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้ประชุมร่วมกัน โดยสปป.ลาว ได้เสนอขายไฟฟ้าทางใต้เพิ่มเติมรวมประมาณ 1 พันเมกะวัตต์ ในหลายโครงการกำลังผลิต 250-350 เมกะวัตต์ ส่วน 4 โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ได้มีการตกลงเบื้องต้นจะซื้อขายไฟฟ้า ได้แก่ โครงการน้ำเงี๊ยบ น้ำอู น้ำเทิน 1 น้ำงึม 3 รวมกำลังผลิตกว่า 1 พันเมกะวัตต์ ทางสปป.ลาว ยืนยันว่าจะจ่ายไฟฟ้าล่าช้า 1 ปี จากเดิมจะจ่ายไฟฟ้าในปี 2556 เนื่องจากปัญหาต้นทุนวัสดุก่อสร้าง เช่นเหล็ก ได้ปรับตัวสูงมาก จึงต้องมีการเจรจาเรื่องค่าไฟฟ้าใหม่ด้วย แต่จะไม่เกิดปัญหาไฟฟ้าขาดแคลนแต่อย่างใด
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาขาดแคลนก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เปิดเผยว่า ขณะนี้การพิจารณาเตรียมพร้อมปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้มออกเป็น 2 ราคายังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากต้องพิจารณาเรื่องความพร้อมด้านความปลอดภัย ป้องกันการลักลอบถ่ายเทก๊าซแอลพีจีจากครัวเรือนไปใช้ในรถยนต์ โดยมีแนวโน้มว่าการศึกษาทั้งหมดอาจเสร็จสิ้นในเดือนส.ค. ซึ่งถือว่าไม่ล่าช้าไปกว่าเป้าหมายเดิม เพราะช่วงที่ประกาศนโยบาย 2 ราคาก๊าซแอลพีจีตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.นั้น ได้ประกาศว่าจะใช้ราคาใหม่ภายใน 6 เดือน ส่วนปริมาณการใช้แอลพีจีนั้น ยืนยันไม่ขาดแคลน เพราะปตท.มีการเข้าก๊าซแอลพีจีเพิ่มเพื่อสนองความต้องการใช้
“ขณะนี้ต้องดูเรื่องความปลอดภัยให้เข้มงวด ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเพื่อป้องกันอันตรายโดยเฉพาะคำสั่งนายกรัฐมนตรี เรื่องป้องกันการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ห้ามถ่ายเทก๊าซฯ ในครัวเรือนไปใช้ขนส่งโดยมีโทษจำคุก 10 ปีปรับไม่เกิน 1 แสนบาท”นายพรชัยกล่าว
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า หลังจากที่ปริมาณความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 ล้านตันต่อปี จากเดิมอยู่ที่ 3 ล้านตัน หรือประมาณ 14.2% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นจากการใช้ในรถยนต์ถึง 22.7% ทำให้ ปตท.ต้องปรับแผนการนำเข้าแอลพีจีในเดือนก.ค.ใหม่ เป็นการนำเข้าในปริมาณกว่า 109,800 ตัน จากแผนเดิมที่ต้องนำเข้า 8 หมื่นตัน หรือเพิ่มขึ้น 37.25% โดยวันที่ 2 ก.ค. 51 นำเข้าแอลพีจีในปริมาณ 2.3 หมื่นตัน ที่ท่าเรือคลังก๊าซเขาบ่อยา จ.ชลบุรี วันที่ 14 ก.ค. 51 นำเข้าอีก 4 หมื่นตัน และ 2.3 หมื่นตัน ที่ท่าเรือคลังก๊าซเขาบ่อ วันที่ 16 ก.ค. 51 นี้จะนำเข้าแอลพีจีในปริมาณ 1.8 พันตัน ที่ท่าเรือคลังก๊าซสงขลา จ.สงขลา และวันที่ 27 ก.ค. 51 นำเข้าแอลพีจีในปริมาณ 2.2 หมื่นตันที่ท่าเรือคลังก๊าซเขาบ่อยา
“วันนี้มีก๊าซหุงต้มเข้ามาเทียบท่าที่คลังก๊าซเขาบ่อยา จ.ชลบุรีแล้ว ในปริมาณ 4 หมื่นตัน และปริมาณ 2.3 หมื่นตัน และจะทยอยนำเข้าก๊าซหุงต้มตามแผนดังกล่าวข้างต้นต่อไป โดย ปตท. พร้อมที่จะจ่ายก๊าซแอลพีจีให้แก่ลูกค้าของ ปตท. และผู้ค้าตามมาตรา 7 และในเดือนส.ค.นี้ ปตท. มีแผนนำเข้าแอลพีจีอีกครั้งในปริมาณ 8.8 หมื่นตัน”นายชัยวัฒน์กล่าว
ส่วนการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างไทย-วปป.ลาวนั้น นายพรชัยกล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้ประชุมร่วมกัน โดยสปป.ลาว ได้เสนอขายไฟฟ้าทางใต้เพิ่มเติมรวมประมาณ 1 พันเมกะวัตต์ ในหลายโครงการกำลังผลิต 250-350 เมกะวัตต์ ส่วน 4 โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ได้มีการตกลงเบื้องต้นจะซื้อขายไฟฟ้า ได้แก่ โครงการน้ำเงี๊ยบ น้ำอู น้ำเทิน 1 น้ำงึม 3 รวมกำลังผลิตกว่า 1 พันเมกะวัตต์ ทางสปป.ลาว ยืนยันว่าจะจ่ายไฟฟ้าล่าช้า 1 ปี จากเดิมจะจ่ายไฟฟ้าในปี 2556 เนื่องจากปัญหาต้นทุนวัสดุก่อสร้าง เช่นเหล็ก ได้ปรับตัวสูงมาก จึงต้องมีการเจรจาเรื่องค่าไฟฟ้าใหม่ด้วย แต่จะไม่เกิดปัญหาไฟฟ้าขาดแคลนแต่อย่างใด
