เอเชียน วอลล์สตรีท เจอร์นัล – สำนักงานพลังงานสากล (International Energy Agecy :IEA) ได้เปิดเผยว่า หากรัฐบาลจีนตัดสินใจจะหยุดการอุดหนุนภาษีนำเข้าน้ำมันหลังจากที่ได้ปรับขึ้นราคาน้ำมันสำเร็จรูปในเดือนที่ผ่านมา อาจจะก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำมันในประเทศขึ้นอีกระลอกได้
ในขณะนี้รัฐบาลจีนยังไม่ได้ประกาศว่า หลังจากเดือนมิ.ย.ไปแล้วจะให้มีการขยายช่วงเวลานโยบายคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับการนำเข้าน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปหรือไม่ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมานี้จีนมีการคืนภาษีน้ำเข้าสำหรับน้ำมันดิบให้กับผู้ประกอบการ 75% ในขณะที่น้ำมันสำเร็จรูปนั้นมีการคืนภาษีให้เต็มจำนวน
ซึ่งแม้ว่าเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ประกาศให้มีการปรับขึ้นราคาน้ำมันสำเร็จรูปทั้งเบนซินและดีเซลในอัตราตันละ 1,000 หยวน และทำให้วิสาหกิจรัฐอย่างปิโตร ไชน่า และไชน่า ปิโตรเลียม แอนด์ เคมิคอล คอร์ป หรือซิโนเปกได้ประโยชน์กันไปเต็มๆ ทว่าหากมีการยกเลิกการคืนภาษีนำเข้า สิ่งที่เพิ่งจะได้รับมาก็คงจะถูกหักกลบไปจนหมดสิ้น
ทางไออีเอได้ระบุว่า หากการปรับขึ้นราคาน้ำมัน เป็นอัตราที่มากพอที่จะทำให้ผู้ประกอบการปลายน้ำสามารถมีผลกำไรละก็ การยกเลิกนโยบายให้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล ทว่าในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น ดังนั้น เมื่อทำเช่นนี้อาจจะเป็นการกดดันให้ทางโรงกลั่นต้องพยายามหาหนทางที่จะเสียหายน้อยที่สุด จนอาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำมัน เว้นแต่ว่าทางรัฐบาลจะเลือกที่จะอุดหนุนโดยตรงหรือปรับราคาเพิ่มขึ้นอีก
นอกจากนั้น เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลที่นำเข้าจากสิงคโปร์แล้ว ราคาหน้าโรงงานของจีนต่อให้รวมภาษีและค่าขนส่งไปแล้วก็ยังถูกกว่าในอัตราราว 37% และ 44%ตามลำดับ ซึ่งสำนักงานพลังงานสากลได้คาดว่า ในปี 2008 จีนจะมีอุปสงค์น้ำมันอยู่ที่วันละ 8 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากปี 2007 ราว 5.6% และในปี 2009 ก็น่าจะขยายตัวขึ้นในอัตราใกล้เคียงกัน โดยมีอุปสงค์น้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 8.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเพื่อรักษาอุปทานน้ำมัน การปรับขึ้นราคาจึงเป็นสิ่งที่จีนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเซี่ยงไฮ้หรือปักกิ่ง และอีกหลายๆเมืองในประเทศก็เริ่มจะปรากฏปัญหาขาดแคลนน้ำมันให้ได้เห็น และสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบในด้านลบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนเอง
ไออีเอได้ระบุว่า ขณะนี้ตลาดในประเทศเริ่มไม่มีความมั่นใจ จนเกิดผลกระทบและเกิดเป็นข่าวลือต่างๆนานาขึ้น เช่นข่าวที่ว่าอาจจะมีการยกเลิกการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือไม่ก็ลือว่าเนื่องจากทางการต้องการลดการขาดทุนและเพิ่มการนำเข้า อีกไม่นานจะมีการปรับลดภาษีนำเข้าจาก 3% มาเหลือเพียง 1% โดยเฉพาะลือกันในหมู่โรงกลั่นขนาดเล็ก ซึ่งมีกำลังการผลิตคิดเป็น 10% ของกำลังการกลั่นทั้งประเทศ ซึ่งในปัจจุบันโรงกลั่นเหล่านี้ได้ทำการกลั่นกันเพียง 30% ของศักยภาพที่มี
ข่าวลือเช่นนี้ได้ก่อนให้เกิดผลลัพธ์ที่เหนือกว่าความคาดหมาย มีโรงกลั่นบางแห่งหยุดการนำเข้าน้ำมันชั่วคราว และแม้ว่าราคาน้ำมันขายปลีกจะมีการปรับขึ้นไปแล้ว ทว่าคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงปัญหาอุปทานในระยะเวลาอันสั้นได้
ก่อนหน้าที่จีนจะมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันสำเร็จรูปค้าปลีกในครั้งที่ผ่านมา ทางไออีเอได้เคยเปิดเผยว่า เมื่อเดือนพ.ค.จีนมีอุปสงค์การต้องการใช้น้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.6% ในขณะที่อุปสงค์ของน้ำมันดีเซลในเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 7.4% ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์กันเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ไออีเอได้ระบุว่า จีนได้พึ่งพาการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปเนื่องจากอุปสงค์เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากตั้งแต่เดือนเม.ย.เป็นต้นมา โรงกลั่นจึงได้แสวงหาวิธีป้องกันตนเอง ทำให้อัตราในการกลั่นน้ำมันลดลง 0.4%
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางการจีนได้ประกาศปรับขึ้นราคาค้าปลีกน้ำมันสำเร็จรูปทั้งดีเซลและเบนซินตันละ 1,000 หยวนหรือปรับขึ้นราว 18% พร้อมสั่งปรับราคาค่าไฟ 0.25 หยวนต่อหน่วย หรือปรับขึ้นประมาณ 4.7% โดยให้เหตุผลว่าเป็นการปรับสมดุลราคาของน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปสืบเนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูง พร้อมออกมาตรการชดเชยเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและการคมนาคม