xs
xsm
sm
md
lg

อสส.รับลังเลฟ้องคดีให้คตส.เหตุมีที่มาจากการยึดอำนาจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นาย บรรเจิด สิงคะเนติ อดีต คณะกรรมการ คตส.กล่าวในการเสวนา เรื่อง ธรรมาภิบาลในกระบวนการยุติธรรม กรณีศึกษาองค์กรอัยการ ตอนหนึ่งว่า อัยการจะต้องมีความเป็นอิสระไม่ว่าจะเป็นการสั่งคดี ซึ่งถือเป็นดุลพินิจของอัยการสูงสุดแต่ปัจจุบันมีสิ่งที่ไม่เอื้อให้เป็นอิสระโดยที่อัยการ ไปนั่งในบอร์ดรัฐวิสาหกิจหรือรัฐหลายบอร์ด ซึ่งทำให้เกิดความมักคุ้นกับฝ่ายบริหาร การให้ความเห็นในเรื่องต่างๆ ต่อบอร์ดแล้วถูกฟ้องร้อง ถามว่าอัยการจะตัดสินใจอย่างไรในคดีเหล่านี้ อัยการจะวางสถานะของตนเองอย่างไร แม้บอกว่า เป็นมติจาก ครม. แต่ก็จะมีโอกาสเกิดความขัดแย้งในผลประโยชน์สูงมาก ดังนั้นอัยการควรจะต้องออกจากความเป็นบอร์ด เพื่อให้การสั่งคดีเป็นอิสระและมีความสง่างาม ภาคภูมิกับการวินิจฉัยที่ปราศจากข้อครหาในส่วนที่เกี่ยวข้องผลประโยชน์เพื่อสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้องคดี อย่างไรก็ตามคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้นทางเราเปลี่ยนให้ ป.ป.ช. ปลายทางให้ศาลฎีกา แต่ตรงกลางถือเป็นจุดเปราะบาง อาจจะให้บุคคลคนเดียวตัดสิน
ขณะที่ นายชัยเกษม นิติศิริ อัยการสูงสุด (อสส.) กล่าวว่า ที่นายบรรเจิดระบุว่าขณะนี้ช่วงบน ช่วงล่างเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่ช่วงกลางคืออัยการไม่ยอมเปลี่ยนเพราะเป็นการตัดสินใจของคนๆเดียว แต่ข้อเท็จจริง กฎหมายเป็นอย่างนั้น ยอมรับว่าหนักใจทุกเรื่องที่เกี่ยวกับคดีอาญาของนักการเมือง ดังนั้นหากจะปรับระบบก็ทำเลย
“ตอนเข้ามารับตำแหน่งได้รับการขอร้องจากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองในหลายระดับ ระดับนายกฯและคมช.ก็มาฝากให้ช่วยดูแลในส่วนที่ข้าราชการซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามมติ ครม. โดนกล่าวหากว่า 30-40 คน แล้วบ้านเมืองจะบริหารไปได้อย่างไร ดังนั้นผมจึงไม่สามารถส่งคนขึ้นศาลได้ถ้าปราศจากความละเอียดรอบคอบ”
นายชัยเกษมกล่าว่า ส่วนเรื่องการแก้ต่างแทนผู้ถูกฟ้อง ถ้าเป็นเรื่องที่อัยการฟ้องจะไม่แก้ต่างเด็ดขาด แต่ถ้าเป็นเรื่องที่คตส.ฟ้องส่วนตัวยังลังเล เพราะรู้อยู่ว่า คตส.มีที่มาอย่างไร กระบวนการมาจากที่ใด เป็นองค์กรพิเศษเฉพาะกิจ อัยการไม่กลัวถูกฟ้อง แต่ไม่สบายใจ อยากให้วุฒิสภาตั้งคณะกรรมาธิการศึกษากระบวนการทำงาน ของอัยการและ คตส. แต่ไม่ขอพูด พูดไปจะเหมือนไปท้าตีท้าต่อย ไม่อยากตอบโต้ ให้เกิดความขัดแย้ง แต่ที่ผ่านมา ป.ป.ช.และอัยการทำงานร่วมกันมามานาน ไม่เคยมีความขัดแย้ง คุยกันรู้เรื่อง มีเหตุ มีผล การที่คตส..ไปฟ้องเองก็ไม่ว่าอะไร แต่น้อยใจเหมือนกัน แต่เราไม่ทำตามกระแส ไม่เช่นนั้นประชาชนจะเดือดร้อนมากมาย
นาย จุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า ศาลวินิจฉัยอะไรออกมาต้องยอมรับ แต่ตำรวจ พนักงานสอบสวน และ คตส.ไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับ อัยการก็ต้องเป็นกลาง การพิจารณาฟ้องคดีจะต้องรอบคอบ คดีที่ คตส.ส่งมาแล้วอัยการไม่ฟ้องนั้นต้องให้ความยุติธรรม อย่างคดีหวยบนดินที่ฟ้อง ครม.ยกชุด พ่วงข้าราชการรกว่า 80 คนเราทำใจไม่ได้ เพราะเห็นใจข้าราชการ ไม่ต้องการให้ยกเข่งแบบนี้ ต้องมีความเป็นกลางในหัวใจ จะมุ่งฟาดฟันไม่ได้ คดีอาญาของนักการเมืองต้องเอานักการเมืองก่อน จากนั้นจึงไปดำเนินการกับผู้อื่น
กำลังโหลดความคิดเห็น