คตส.เตรียมฟันอาญา “แม้ว” พร้อมพวกฐานใช้อำนาจออก พ.ร.ก.สรรพสามิตโทรคมนาคม เอื้อประโยชน์ตัวเองจนบ้านเมืองเสียหาย ขณะที่ “บรรเจิด” เดินเครื่องส่งสำนวนทุจริตกล้ายางให้ คตส.ฟ้องเอง แฉเริ่มส่งกลิ่นคดีรถดับเพลิงฉาว หลังผู้ถูกกล่าวหาวิ่งเต้นหนักล็อบบี้ “นาม” จับตา “อภิรักษ์” รอดไม่รอด หวั่นกระทบคดีอื่นๆ
วานนี้ (15 มิ.ย.) นายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีการจัดซื้อพันธุ์กล้ายางพารา 90 ล้านต้นของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่อัยการสูงสุดไม่ความเห็นไม่สั่งฟ้องในคดีดังกล่าว และคืนสำนวนคดีมาให้ คตส.แล้ว ที่ประชุม คตส.ได้มีมติส่งฟ้องเอง โดยแต่งตั้งทีมทนายความจากสภาทนายความเข้ามาดูแลสำนวนให้นั้น ล่าสุดปรากฏว่าขณะนี้ทีมทนายความดังกล่าวได้ร่างสำนวนการฟ้องเสร็จแล้ว ดังนั้นในการประชุม คตส.วันจันทร์ที่ 16 มิ.ย.นี้ ตนจะนำสำนวนการส่งฟ้องดังกล่าว เสนอให้ที่ประชุมพิจารณา หากไม่มีปัญหาก็จะสามารถยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งได้เลย
“นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการไต่สวนกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจตนเอง ครอบครัวและพวกพ้อง จะนำผลสรุปการไต่สวนเกี่ยวกับคดีอาญาเสนอเข้าที่ประชุม คตส.วันที่ 16 มิ.ย.นี้ด้วย เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดสั่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป โดยในคดีนี้จะมีผู้ถูกชี้มูลหลายคน หนึ่งในนั้นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ฐานใช้อำนาจในการออกกฎเกณฑ์ คือออก พ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิต เกี่ยวกับกิจการโทรคมนาคม ทำให้เกิดความเสียหาย” นายบรรเจิด กล่าว
นอกจากนี้ นายบรรเจิดยังเป็นอนุกรรมการไต่สวนคดีการทุจริตจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงของ กทม. ได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการไต่สวนว่า ขณะนี้ผลการไต่สวนฯ ใกล้เสร็จแล้ว เรียกได้ว่าใกล้ถึงเส้นชัย จึงมั่นใจว่าจะสามารถสรุปผลการไต่สวนเสนอต่อที่ประชุม คตส.เพื่อให้มีมติส่งต่ออัยการสูงสุดเพื่อส่งฟ้องต่อศาลได้ทันในวาระของ คตส.ที่จะหมดภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้อย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีผู้ถูกกล่าวหารายใดหลุดข้อกล่าวหาหรือไม่ ทั้งนี้หากที่ประชุม คตส.มีมติส่งต่ออัยการแล้ว เมื่อ คตส.หมดวาระก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าคดีจะมีปัญหา เพราะทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติก็จะรับคดีไปดูแลต่อ
แหล่งข่าวระดับสูงจาก คตส.เปิดเผยความคืบหน้าการไต่สวนคดีการทุจริตการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง ของ กทม.ที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.เป็นประธาน ว่าในวันจันทร์ ที่ 16 มิ.ย.นี้ เวลา 08.00 น.นายนาม ได้เรียกประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาว่าจะมีใครหลุดในคดีนี้บ้าง และใครผิดบ้าง เนื่องจากขณะนี้คดีดังกล่าวได้มีการพยายามเร่งการพิจารณาการไต่สวนให้เสร็จทันอายุ คตส.ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ทั้งนี้ ในคดีนี้กลุ่มผู้ถูกกล่าวหายังคงจำนวนเดิม แต่มีแนวโน้มสูงว่านายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่า กทม.หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาจะหลุดจากการเป็นผู้ถูกกล่าวหา
“การประชุมด่วน และพิเศษแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อน และไม่เคยปรากฏในคดีการตรวจสอบไต่สวนคดีอื่นๆ ที่ คตส.ตรวจสอบโดยให้พิจารณาความผิดของผู้ถูกกล่าวหาให้เสร็จในวันเดียว และการเร่งพิจารณาคดีดังกล่าวให้เร็วที่สุด คาดว่าจะเป็นคำตอบให้นายอภิรักษ์ ได้ตัดสินใจว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อชิงตำแหน่งผู้ว่า กทม.อีกครั้งหรือไม่” แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าวคนเดิมกล่าวอีกว่า ยอมรับว่าในคดีการทุจริตการจัดซื้อรถดับเพลิง-เรือดับเพลิง มันเริ่มมีกลิ่นไม่ดี เนื่องจากได้มีการวิ่งเต้นหนักมาก โดยมีการวิ่งเต้นผ่าน คตส.หลายคน ทั้งที่ผู้ถูกกล่าวหาคนนี้เขารู้ดีอยู่แล้วว่าการจัดซื้อดังกล่าวมีการทุจริต แต่ก็ยังให้มีการเปิดแอลซีต่อไป ซึ่งเรื่องนี้คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ มีหลักฐานชัดเจนยืนยัน เรื่องนี้สังคมต้องจับตามองให้ดี เพราะในส่วนของคุณหญิงณฐนนท ทวีสิน อดีตปลัด กทม. หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา ถือว่าหลักฐานความผิดมันบางมาก แต่ยังถูกตั้งข้อกล่าวหาเอาผิด แต่อีกคนมีหลักฐานความผิดหนามากชัดเจนมาก แต่กลับไม่โดนเอาผิดได้
“หากคดีนี้มีการสรุปไม่เอาผิดผู้ถูกกล่าวหาคนนี้จริง ก็จะเกิดปัญหาตามมาอีกมาก เพราะถือว่าไม่เป็นธรรม ตนเชื่อว่า คตส.เองคงตอบสังคมไม่ได้แน่หากนายอภิรักษ์ ไม่ผิด และ คตส.เองก็จะถูกแรงกระแทกอัดกลับมาอีกระรอกแน่ เพราะจะเป็นช่องโหว่ให้ฝ่ายที่จ้องจะเล่นงานโจมตีพฤติกรรมของ คตส. เอาไปต่อสู้ในคดีอื่นๆ ที่ คตส.ทำมาอีกหลายคดี อาจส่งผลให้คดีอื่นมีปัญหาได้