xs
xsm
sm
md
lg

"คตส.-อัยการสูงสุด"ขัดแย้งหนัก ปชป.เตรียมขอเปิดซักฟอก"สุธา"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (23เม.ย.) นายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อกล้ายาง 90 ล้านต้น ของกรมวิชาการการเกษตร กล่าวถึงกรณีที่ นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ออกมาระบุว่า สำนวนของคตส.ในเรื่องกล้ายางนี้ยังไม่สมบูรณ์ และอาจมีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้ว่า คตส.ยืนยันว่าจะฟ้องคดีนี้ต่อศาลต่อไป
ส่วนการออกมาแถลงข่าวของอัยการ มองว่าเป็นความเห็นที่แตกต่างในเรื่องข้อกฎหมาย เพราะฝ่ายอัยการพยายามเอาระบบทั่วไปอย่างกฎหมาย ป.วิอาญา มาใช้ ในระบบพิเศษ ขณะที่ คตส. เห็นว่าไม่ถูกต้อง เพราะกฎหมาย ป. วิอาญา เป็นเรื่องระบบทั่วไป แต่คตส.เป็นระบบพิเศษเฉพาะ มันไม่ได้ ตรงนี้คือ กุญแจสำคัญ ซึ่งนำมาสู่ความแตกต่างในเรื่องข้อเท็จจริงในสำนวนต่างๆ
ส่วนกรณีที่อัยการระบุว่า การรีบด่วนฟ้องคดี ทั้งที่รู้ว่าสำนวนมีข้อบกพร่อง ส่อให้เห็นเจตนาว่า จะล้มคดีในชั้นศาลในคดีกล้ายางนั้น ก็ต้องพิจารณาว่าการดำเนินการของ คตส. ในการตั้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่ผู้ถูกกล่าวหาในภายหลัง มีคำพิพากษาศาลฎีการองรับหรือไม่ การพูดของอัยการไม่ค่อยตรงประเด็น ประเด็นที่ขัดแย้งจริง ไม่หยิบมาพูด ความขัดแย้งจริงคือ อัยการต้องการจะเอากฏหมาย ป. วิอาญามาใช้ ต้องการจะเป็นคนพูดคนสุดท้าย ในเรื่องการสั่งหรือไม่สั่งคดี แต่มันผิดระบบ ตรงนี้ ไม่หยิบมาพูด กลับเอาอีกส่วนหนึ่งมาพูด เพื่อที่จะให้กระทบ ตนคิดว่าเป็นการกระทำที่ไม่ตรงไปตรงมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า อัยการยืนยันว่า คตส. จะต้องแจ้งข้อกล่าวหาให้ครบถ้วน นายบรรเจิด กล่าวว่า เรื่องนี้มีคำพิพากษาศาลฎีการองรับว่า สามารถดำเนินการได้ เพราะ คตส.แจ้งพฤติการณ์ให้ผู้ถูกกล่าวหารับทราบครบถ้วนแล้ว และที่สำคัญผู้ถูกกล่าวหา ที่มีปัญหาในเรื่องนี้ มีอยู่ไม่กี่รายเท่านั้น จึงยืนยันว่า คตส.มีอำนาจในการยื่นเรื่องฟ้องคดีได้เอง โดยไม่ต้องรอให้อัยการสั่งคดี เพราะเป็นการดำเนินการตามข้อกำหนดใน มาตรา 11 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งต้องเดินตาม มาตรา 11 (2) ที่ระบุว่า หากคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการ และคตส. ไม่สามารถหาข้อยุติได้ ให้ คตส.ฟ้องคดีเอง
"มาตรา 11 (2) กำหนดอย่างไร ก็ต้องเดินไปตามนี้ ไม่ใช่ย้อนไปกฎหมายอื่น ส่วนที่อัยการทำอยู่ จะสมควรหรือไม่พิจารณากันเอง" นายบรรเจิดกล่าว
ด้านนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคตส. กล่าวว่า ตนได้ลงนามในหนังสือเพื่อแจ้งไปยังอัยการสูงสุดแล้ว(23 เม.ย.) เพื่อขอให้ยืนยันการแถลงข่าวของนายธนพิชญ์ ว่า มีข้อเท็จจริงตามที่สื่อมวลชนนำเสนอหรือไม่ เพื่อจะได้นำข้อมูลเรื่องนี้ ไปหารือต่อที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่ว่า จะดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร
เมื่อถามว่าจะมีการฟ้องหมิ่นประมาทอัยการในเรื่องนี้หรือไม่ นายนาม กล่าวว่า"คงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะยังไม่ทราบรายละเอียดที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร มันเหมาะสมและถูกต้องหรือไม่ เพื่อที่จะได้ให้สังคมได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริง" เมื่อถามย้ำว่า คตส.มีความคิดที่จะล้มคดีตัวเองในชั้นศาลตามที่ถูกระบุหรือไม่ นายนาม ตอบอย่างมีอารมณ์ว่า "ใครจะทำเพื่อล้มคดี ทำมากันด้วยความเหนื่อยยาก จะมาล้มคดีได้ยังไง พูดเกินเลยไป ไม่มีเหตุอะไรที่เราต้องไปทำแบบนั้น แล้วที่เขาบอกว่าการทำแบบนี้ อาจจะเข้าข่ายปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อยากถามว่า ใครกันแน่ที่ละเว้นปฎิบัติหน้าที่ เรื่องนี้ขอให้ประชาชนช่วยตัดสินด้วย ตอนนี้ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเมื่อก่อนตอนที่ คตส.ทำงานกับอัยการสูงสุดคนเก่า ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่เดี๋ยวนี้ มีปัญหาทุกเรื่อง ทั้งที่ คตส. ก็เป็นชุดเก่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย" นายนามกล่าว

**"วัฒนา" ดอดชี้แจงคดีบ้านเอื้อฯ
นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการ คตส. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีบ้านเอื้ออาทร เปิดเผยว่านายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดีบ้านเอื้ออาทร ในส่วนการทุจริตระบบโควต้า ได้เดินทางมาขอใช้สิทธิชี้แจงข้อกล่าวหาคดีนี้ต่อคณะอนุฯแล้ว ซึ่งในภาพรวมก็เป็นไปด้วยดี ทำให้อนุกรรมการเข้าใจมากขึ้น
ส่วนการเรียกรับสินบน นายวัฒนาได้ปฎิเสธว่าไม่รู้เรื่อง "เขานักเลงดี บอกว่า ที่ผ่านมาเขาไม่เคยโต้แย้งไม่เคยรบกวนพยาน ตอนนี้ก็เดือนร้อน คนมองว่าไม่ดี ลูกถูกมอง ท่านก็บอกว่าไม่เป็นไร ถ้าคตส.ไม่ตรวจ ป.ป.ช.ก็ตรวจ แต่ก็ขอให้รีบหน่อย จะได้รู้เรื่องเด็ดขาดสักที ช้าไปจะไม่ยุติธรรมสำหรับท่าน ซึ่งผมก็สงสารเขาเหมือนกัน" นายแก้วสรร กล่าวว่า สำหรับคดีบ้านเอื้ออาทร ในส่วนการทุจริตระบบโควต้า ขณะนี้ ถือว่าเสร็จสิ้นกระบวนการชี้แจงข้อกล่าวหาแล้ว มีผู้ถูกกล่าวหา มี 20 ราย มาใช้สิทธิแก้ข้อกล่าวหา 13 ราย หลังจากนี้คณะอนุฯ จะทำการสรุปสำนวนการไต่สวน เพื่อเสนอให้ที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่พิจารณา ก่อนสิ้นเดือนมิ.ย.นี้
**ปชป.จะขอเปิดซักฟอก"สุธา"
นายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และสื่อมวลชน เพื่อขอให้เปิดสภาอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุธา ชันแสง รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เกี่ยวกับเงินงบประมาณที่ช่วยเหลือผู้ยากไร้บ้านเอื้ออาทร รังสิต คลองหนึ่ง จำนวน 200 ล้านบาท ที่มีการให้โควตาที่อาจจะไม่โปร่งใส พร้อมกับขอให้ตรวจสอบสัญญาจะซื้อขายห้องชุดบ้านเอื้ออาทรทั่วประเทศ โดยสัญญาไม่เป็นธรรม เอารัดเอาเปรียบและมีผลประโยชน์แอบแฝงและเป็นการรบกวนการครอบครองมิเตอร์น้ำละเมิดสิทธิและเสรีภาพสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ซื้อบ้าน
กำลังโหลดความคิดเห็น