xs
xsm
sm
md
lg

สภาวะแตกหัก-ตายเป็นตาย!

เผยแพร่:   โดย: แสงแดด

สถานการณ์บ้านเมืองนับแต่นี้เป็นต้นไป ต้องป่าวประกาศดังๆ ให้คนไทยทุกคน “ระมัดระวังตัวกันได้แล้ว!” เนื่องด้วย “ความตึงเครียด” จนถึงขั้นวิกฤตและแน่นอนกำลังเดินหน้าสู่ “สภาวะแตกหัก” อย่างแน่นอน!

ดังที่ได้มีการคาดการณ์มาล่วงหน้าโดยตลอดว่า “ความตึงเครียด” จนถึงขั้น “วิกฤต-แตกหัก” ได้เพียรพยายามกำหนดให้เกิดขึ้นมาโดยตลอด 1-2 เดือนที่ผ่านมา แต่ก็ไม่มีใคร และ/หรือกลุ่มใคร “ตกหลุม-ตกหล่ม” จาก “กับดัก” ที่ขุดไว้มาโดยตลอด หรือกล่าวอย่างตรงไปตรงมาก็หมายความว่า ได้มีความพยายามของ “ฝ่ายเสียเปรียบ-เสียประโยชน์” ที่ต้องการให้เกิดการ “ปะทะ” จนถึงขั้น “นองเลือด” กันเพื่อจะได้มีการ “ยุติ” ด้วย “การเข้าขั้นปราบปราม” จนในที่สุด “การยึดอำนาจ-รัฐประหาร” ต้องเกิดขึ้นให้ได้ และเมื่อนั้นก็จะ “เข้าทาง” ฝ่ายที่ต้องการให้มี “การยึดอำนาจซ้ำ-ยึดอำนาจซ้อน” ด้วยการโปะเงินจำนวนก้อนโตกับ “กลุ่มคณะรัฐประหาร” พูดง่ายๆ คือ “กลุ่มทหาร” ที่ทำการยึดอำนาจเพื่อตนเองและพวกจะกลับกลายเป็น “ผู้ชนะ” ในที่สุด!

เมื่อได้เป็น “ผู้ชนะ” แล้วเราต่างก็ตระหนักและรู้ดีว่า “ผู้ชนะคือผู้ชี้นิ้วบงการ” ที่จะสามารถกำหนดสรรพสิ่งบันดาลใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายสำคัญคือ “ล้มล้างกระบวนการยุติธรรม” ทั้งหมด และ “การล้างมลทินความผิด” ก็จะเกิดขึ้นในที่สุด

ดังคำโบราณกล่าวมาโดยตลอดว่า “ผู้ชนะคือ พระเจ้าที่กำหนดชะตาชีวิตได้ทุกอย่าง!” หรือ “ผู้ที่มีทองคำมากที่สุด คือผู้ที่กำหนดกฎเกณฑ์ทั้งปวง” ภาษาอังกฤษกล่าวว่า “Who Has The Most Gold Makes The Golden Rule!”

ความพยายามได้ถูก “กำหนดวางแผน” มาโดยตลอด ด้วยการกระทำทั้ง “ใต้ดิน-บนดิน” กล่าวคือ การสร้างกลุ่มมือที่ 3 ในการสร้างความปั่นป่วน ต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ จนให้มีการปะทะถึงขั้นนองเลือด แต่ก็ไม่เป็นผล ตลอดจนมีความพยายามยั่วยุอย่างต่อเนื่อง แต่ประชาชนโดยทั่วไปที่เฝ้าติดตามดูสถานการณ์ต่างไม่ตก “หลุมพราง-กับดัก” สถานการณ์จึงเป็นเพียงแค่การปะทะทางวาจาและโยนปาข้าวของ ไข่ ขวด เท่านั้น

อย่างไรก็ดี กลุ่มที่น่าชื่นชมที่สุด คือ “กองทัพ” โดยเฉพาะ “กองทัพบก” ที่ตั้งมั่นอยู่กับที่ในกรมกอง ในรั้ว ไม่ยอมแตกแถวออกมาปราบปรามกลุ่มยั่วยุ พูดง่ายๆ คือ “ไม่หลงกล” กับ “กลุ่มยั่วยุ” ที่พยายาม “ขุดหลุม” ให้กองทัพออกมากระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อ “เข้าทาง” ให้มีการยึดอำนาจในที่สุด เสมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน 19 กันยายน 2549

ถามว่า กองทัพและกลุ่มแกนนำทางความคิด “ระดับสูง” ล่วงรู้เท่าทัน “กลุ่มไอ้โม่ง!” ที่ “บัญชาการ-บงการ” อย่างแยบยลเบื้องหลังหรือไม่ ก็ตอบแบบฟันธงเลยว่า “รู้เท่าทัน” กับ “แผนการชั่วร้าย” นี้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้น สถานการณ์ถึงยังคงสภาพเช่นนี้ต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ดำเนินกลยุทธ์อยู่ใน “กรอบสิทธิ-กรอบแบบแผน” ตลอดเวลา ตลอดจนไม่ล่วงละเมิดกับการ “ทำลาย-ทำร้าย” ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและหน่วยราชการแต่ประการใด

ทั้งนี้ นับแต่นี้เป็นต้นไป “แสงแดด” ขอฟันธงเลยว่า “การก่อกวน-การสร้างสถานการณ์” ทั้ง “บนดิน-ใต้ดิน” จะเริ่มเอาจริงเอาจังมากขึ้น มิใช่ “ลับ-ลวง-พราง” อย่างเช่น 2-3 เดือนที่ผ่านมา ด้วยการประกาศ “แตกหัก!” อย่างชัดเจน ชนิดที่เรียกว่า “ตายเป็นตาย-ตายกันไปข้าง” กันเลยทีเดียว ห้ามกะพริบตาเด็ดขาดว่าเกิดขึ้นได้ทุกชั่วโมง!

เริ่มจากการที่ “ลุงหมัก” นายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช ประกาศลั่นทั้งในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” และบนเวทีที่เมืองทองธานี เมื่อช่วงเทศกาลหยุดยาวทางศาสนาว่า “ตายเป็นตาย...พวกเขาพยายามฆ่าพวกผมมาเยอะแล้ว...ต่อแต่นี้ไปพวกผมจะเริ่มฆ่าพวกมันบ้างแล้ว!” อะไรทำนองนั้น

จากการประกาศกร้าวและชัดเจนเช่นนั้น ต้องเรียนว่า “ไม่น่าจะเป็นการขู่” แต่เป็นการแสดงส่อนัยชัดเจนว่า “แค้น” พร้อมทั้งสนองนโยบาย “นายใหญ่” ในการ “พร้อมรบเผชิญหน้า-ทำศึก” กับฝ่ายตรงข้าม ชนิด “ตาต่อตา-ฟันต่อฟัน” ไอ้ที่แบบว่าจะเป็น “สงครามกองโจร” เพียงแค่ปั่นป่วน ก่อกวน จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแล้ว หรือกล่าวอย่างภาษาชาวบ้านว่า “โจ๋งครึ้ม!” กันแล้ว ในการเปิดฉากปะทะกันไม่มีการปิดบัง ปิดกั้นใดๆ ทั้งสิ้น

ถามว่า ในอดีตเราเคยมี “การบ้านการเมือง” ในลักษณะเช่นนี้หรือไม่ ต้องตอบว่า ในประวัติศาสตร์ชาติไทยเราไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ที่สังคมไทย “แตกแยก” และ “แบ่งขั้ว-แบ่งค่าย” กันชัดเจนขนาดนี้ และไม่สำคัญเท่ากับว่า “ผู้นำ” แทนที่จะสร้างความปองดอง สมานฉันท์ แต่กลับสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งต้องขอบอกได้เลยว่า “ผิดธรรมชาติ”

ทั้งนี้ เพื่อความเป็นธรรมและไม่มั่นใจ พร้อมไม่เชื่อว่า คนอย่าง “ลุงหมัก” ซึ่งเป็น “คนจงรักภักดี-รักชาติบ้านเมือง” จะกล้าประกาศเสียงดังฟังชัดเช่นนั้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานะของตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้

ดังนั้น จึงมั่นใจได้เลยว่า ต้องได้รับ “การสนับสนุน-ยาดี-ลูกยุ” จากใครและกลุ่มใดอย่างแน่นอนว่า “ต้องถึงขั้นแตกหักนองเลือด ตายเป็นตายกันได้แล้ว มิฉะนั้น การกระทำหยุดการนองเลือดจากกองทัพจะไม่เกิด!?!”

เราไม่ต้องดูอื่นไกล จากการที่เกิดปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านกัมพูชา กรณี “ประสาทพระวิหาร” และ “พื้นที่ทับซ้อน” จนความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา “ตึงเครียด” ถึงขนาดนำอาวุธยุทโธปกรณ์และหน่วยทหารมาประชิดประชันกันที่ชายแดนแล้ว

และเกิดการปะทะกันเองระหว่าง “กลุ่มพันธมิตรฯ” กับประชาชน ผสมโรงโดย “กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ” ด้วยการจัดตั้งของนักการเมืองคนดังคุมพื้นที่อีสานตอนใต้ได้ทั้งหมด ที่บริเวณเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นภาพที่น่าสลดใจอย่างยิ่งที่คนไทยทำร้ายกันเองจนหัวร้างข้างแตก!

ถามว่า สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา ขณะนี้เกิดจากใคร เราทุกคนต่างรู้คำตอบกันดี และต้องเฝ้าติดตามว่า “ผลประโยชน์ทับซ้อน” ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ในที่สุดก็จะปรากฏโฉมออกมา

ปัญหาที่น่าสะเทือนใจมากเกิดจาก “ความเห็นแก่ตัว” จนไม่คำนึงถึงว่า “คนไทยจะฆ่ากันเอง” ตลอดจน “สงครามแย่งพื้นที่” อาจเกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา การลงทุนตั้งแต่ระดับพ่อค้าแม่ขายจนถึงโครงการสร้างสาธารณูปโภค สาธารณูปการระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ไทยในกัมพูชา อาจต้องชะงักลง สร้างความเสียหายมูลค่ามหาศาล

และไม่สำคัญเท่ากับว่า “ความสัมพันธ์อันดี!” ระหว่างทั้งสองประเทศอาจจะขาดสะบั้นลง เพียงเพื่อตอบสนองกิเลสตัณหาของนักธุรกิจกลุ่มทุนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น หรือเข้าทำนอง “ประเทศชาติฉิบหายไม่ว่า แต่ข้าฯ และพวกข้าฯ ต้องได้ผลประโยชน์!?!”

ขอย้อนว่า ทั้งสองกรณี ไม่ว่าการประกาศลั่นของ “ลุงหมัก” ที่ได้รับใบสั่งจากใครแน่นอน กับการจัดการกับใครก็ตามที่ขวางหน้า อุปสรรคผลประโยชน์ทั้งทางการเมืองและธุรกิจ “ต้องตายกันไปข้าง!” และ “ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ที่ตึงเครียด” ซึ่งอาจจะนำพาไปสู่ “สงครามพื้นที่” เหมือน “สงครามร่มเกล้า” ระหว่างไทยกับลาว เมื่อปี 2530-2531 ก็เป็นได้ ที่มีแต่ความสูญเสีย

ล่าสุด “การประกาศแก้รัฐธรรมนูญ” เมื่อสภาสมัยนิติบัญญัติเปิดการประชุมในต้นเดือนสิงหาคมว่า “แก้แน่นอน!” ยิ่งจะก่อให้เกิดความขัดแย้งและเผชิญหน้าเช่นเดียวกัน เปรียบเสมือนเป็นการ “ราดน้ำมันบนกองไฟ!” ของกลุ่มแกนนำรัฐบาล จนแม่ทัพนายกอง นักธุรกิจภาคเอกชน นักวิชาการ สื่อมวลชน และประชาชนโดยทั่วไป ต่างวิพากษ์วิจารณ์และแสดงความคิดเห็นว่า “ไม่เห็นด้วย” อย่างอื้ออึง!

การเปิดโปงและจ้องเอาเรื่องในการถือหุ้น และ/หรือเป็นหุ้นส่วนกับธุรกิจที่เป็นสัมปทานกับภาครัฐ กับบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จากทั้งฝ่ายรัฐบาล ตลอดจนสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวนหลายสิบคน ก็จะเป็นปัญหามหึมา

ตลอดจน การไล่ล่ารายชื่อสมาชิกรัฐสภาในการถอดถอน 4 องค์กรอิสระ ได้แก่ ป.ป.ช. สตง. ศาลรัฐธรรมนูญ ว่า “ถูกแต่งตั้งไม่ชอบธรรม” จาก “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)”

พูดง่ายๆ คือ “เปิดศึกล้มล้าง-รอบด้าน” ชนิดที่เรียกว่า “เอาคืน!” อย่างเปิดเผย และไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งสิ้น รับประสาอะไรกับความรู้สึกของสังคมคนไทยโดยทั่วไป

“การประกาศชน” เช่นนี้ ขอรับรองเลยว่าเป็นการ “ยั่วยุ” ด้วยการ “ขุดหลุมพราง” เพื่อก่อให้เกิดการปะทะจนถึงขั้น “นองเลือด” โดยมีเป้าหมายสำคัญ ที่ต้องการให้ “กองทัพ” ออกมา “จัดการ” อย่างใดอย่างหนึ่ง และ “ยึดอำนาจ” ในที่สุด ด้วยการ “ทับซ้อน” กับการจ่ายแหลก “เบิ้ล” จนฝ่ายแพ้กลับเป็นฝ่ายชนะ เพื่อล้มล้างมลทิน “กระบวนการยุติธรรม” และ “หวนคืนสู่อำนาจ” อีกวาระหนึ่ง!

“ลุงหมัก” น่ะรู้เท่าทัน แต่เพียง “น้ำท่วมปาก” ยอมเดินตามเกม ทั้งนี้ ความหวังของความสงบสุขในชาติบ้านเมือง เราขอฝากความหวังไว้กับท่านนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช เพียงท่านเดียวที่สมควรก้าวลงจากเวทีการเมืองเมื่อถึงเวลาและวาระด้วยความสง่างามและสดุดีจากประชาชน!
กำลังโหลดความคิดเห็น