นับถอยหลัง ฯพณฯ หอกหัก

การที่นักการเมืองคนหนึ่งสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ น่าจะถือว่า เป็นการประสบความสำเร็จในชีวิตการเมือง เป็นเกียรติประวัติ เป็นความภาคภูมิของนักการเมืองคนนั้นๆ รวมทั้งเผ่าพงษ์วงศ์ตระกูลก็พลอยมีเกียรติยศชื่อเสียงไปด้วย

แต่ดูเหมือนจะมิใช่กรณีของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่นคนปัจจุบัน ที่อายุการเป็นนายกรัฐมนตรีน้อยลงทุกวัน ขณะนี้

5-6 เดือนของการเป็นนายกรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช ตัวเขาเองก็รู้ตัวว่าถูกดูหมิ่นดูแคลนจากประชาชน สื่อมวลชน และนักการเมืองด้วยกันเองอยู่เสมอมา ซึ่งนายสมัคร สุนทรเวช แก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ด้วยการบอกว่า เขาก็มีความรู้ มีความสามารถเหมือนกัน คิดได้ คิดเป็นเหมือนกัน ขอร้องว่าอย่าดูหมิ่นดูแคลนกันนัก

ดูเหมือนคำขอร้องมิให้ดูหมิ่นดูแคลนของนายสมัคร สุนทรเวช จะไม่ได้ผล เพราะในขณะที่นายสมัคร สุนทรเวช ขอร้องมิให้ใครดูหมิ่นดูแคลนนั้น เขาก็ทำตัวของเขาให้ตกต่ำ ให้ผู้คนทั้งหลายทั้งปวงดูหมิ่นดูแคลนยิ่งขึ้น ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ควรจะมีเกียรติยศอยู่บ้าง กลับไม่มีเหลือ ซ้ำจะหนักหนาสาหัสกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่น อาจจะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของการดูหมิ่นดูแคลน เพราะคิดแต่เพียงว่า การมาถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือการประสบความสำเร็จ ถ้าหากไม่ดีพอก็คงไม่มาถึงตำแหน่งนี้ ความจริงก็คือ

1. เขามาถึงตำแหน่งนี้เพราะเลวได้ระดับ เป็นระดับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญยุบไปมองเห็นว่า นายสมัคร สุนทรเวช นี่แหละเหมาะที่จะเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน จึงได้ติดต่อทาบทามขอร้องให้รับงานเป็นหัวหน้าพรรค

นายสมัคร สุนทรเวช ขณะนั้นหมดอนาคตทางการเมืองแล้วกระโดดรับทันที เพราะนี่เท่ากับทำให้เขาได้เกิดใหม่ และนี่เป็นหนทางเดียวที่เหลือที่จะทำให้เขาได้ไต่ขึ้นไปสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่เขามุ่งหมาย นับตั้งแต่เริ่มเล่นการเมืองในระดับท้องถิ่น ไต่ขึ้นมาสู่สภาผู้แทนราษฎรกับพรรคประชาธิปัตย์

2. เมื่อนายสมัคร สุนทรเวช ตกลงใจเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เขาก็ตกอยู่ในสภาพของมือปืนรับจ้างทางการเมือง นับตั้งแต่บัดนั้นเกียรติยศเกียรติภูมิในฐานะของคนที่เคยเป็นหัวหน้าพรรคประชากรไทย ที่พอจะมีอยู่บ้างก็ไม่มีเหลือให้เห็น

ต้องไม่ลืมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นเข้าสู่การเมืองโดยการเชื้อเชิญของ พลตรีจำลอง ศรีเมือง แห่งพรรคพลังธรรม

ต้องไม่ลืมว่าพรรคประชากรไทยของนายสมัคร สุนทรเวช นั้นขับเคี่ยวกับพรรคพลังธรรมในเวทีกรุงเทพฯ

ต้องไม่ลืมว่า เมื่อนายสมัคร สุนทรเวช หมดอาลัยตายอยากกับการเมืองเวทีใหญ่ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครนั้น มีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แห่งพรรคไทยรักไทยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ส่งเข้าแข่งขัน

มาถึงวันนี้ นายสมัคร สุนทรเวช กลายมาเป็นมือปืนรับจ้างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้อย่างไร

3. เมื่อนายสมัคร สุนทรเวช อดีตหัวหน้าพรรคประชากรไทยที่เคยเก่งกล้าสามารถทอดตัวลงไปเป็นมือปืนรับจ้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็จำเป็นที่จะต้องคล้อยตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เกือบทุกเรื่อง ทุกกรณี ตั้งแต่การเตรียมผู้สมัครรับเลือกตั้ง จะให้ใครลงสมัครเขตไหนอย่างไร นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนรับจ้างแทบจะไม่มีบทบาท

ครั้นได้เสียงข้างมาก จะจัดตั้งคณะรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช ซึ่งเคยอยู่ในสภาพที่ฮึกห้าวเหิมหาญกลับไม่มีปาก ไม่มีเสียง

บ่นได้อย่างเดียวว่า “ขี้เหร่ไปหน่อย”

4. สภาพของมือปืนรับจ้างทางการเมืองอย่างนายสมัคร ทำให้เขาต้องยอมรับรัฐมนตรีที่พรรคพลังประชาชนส่งมา บางคนจะมีพฤติกรรมชั่วช้าสามานย์อย่างไร นายสมัคร สุนทรเวช ก็ต้องยอมรับ

คณะรัฐมนตรีส่วนใหญ่ของนายสมัคร สุนทรเวช จึงไม่ได้มีฝีไม้ลายมือในการบริหารประเทศ

หากแต่เป็นรัฐมนตรีเพื่อหวังว่าจะเป็นเกียรติยศแก่ชีวิตหรือวงศ์ตระกูล เช่นเดียวกับที่นายสมัคร สุนทรเวช รับเป็นมือปืนรับจ้างเท่านั้นเอง

5. เมื่อตกอยู่ในสภาพมือปืนรับจ้าง ก็ต้องปฏิบัติการทุกอย่างตามที่นายจ้างสั่ง ภารกิจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องการก็คือ แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องขึ้นศาลในคดีที่ คตส.ตรวจสอบ และส่งเรื่องให้อัยการส่งฟ้อง

ต้องให้ คตส.ไม่มีบทบาท และเมื่อ คตส.หมดอายุโอนงานให้ ป.ป.ช.นายสมัคร สุนทรเวช และบรรดาลูกกระเป๋ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงประสานเสียงกันว่า ต้องยุบ ป.ป.ช.ในขณะนี้

นอกจากนี้ก็จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เขียนเอาไว้อย่างเข้มงวดเพื่อที่จะไม่ให้มีการซื้อสิทธิขายเสียง และทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอื่นๆ

นายสมัคร สุนทรเวช มือปืนรับจ้าง และบรรดาลิ่วล้อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงถือเป็นภารกิจสำคัญยิ่งที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้ในหลายๆ มาตราที่พวกเขามองว่า เป็นกับดักที่จะเล่นงานพวกเขา

พวกเขาลืมคิดไปว่า รัฐธรรมนูญนั้นร่างกันอย่างเปิดเผย มีคณะกรรมการร่างฯ มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และมีการลงประชามติ

รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้เพื่อที่จะเอาผิดพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งโดยเฉพาะ หากพรรคใดทำผิด เช่น มีรองหัวหน้าพรรคจ่ายเงินให้กำนันเพื่อให้ช่วยพรรคของตัว พวกพ้องของตัว ศาลก็พิจารณาลงโทษไปตามนั้น

6. เพราะการที่เป็นมือปืนรับจ้าง ทำให้นายสมัคร สุนทรเวช ที่เคยมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง มีความฮึกห้าวเหิมหาญกลายสภาพเป็นคนที่เชื่อถือไม่ได้ วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอย่าง หรือไม่ก็ใช้ความเก๋าความเชี่ยวชาญในการทำงานรัฐสภาเอาตัวรอด แต่กลับไม่รอด เป็นต้นว่า เจอนักการเมืองรุ่นเด็กกว่าก็จะข่มว่า อายุเท่าไร ตอนที่เกิดเหตุเรื่องนี้เกิดหรือยัง หรือยังเด็กนัก ผู้พูดไม่รู้เรื่อง เช่น เหตุการณ์ 6 ตุลา มีคนตายคนเดียว เหตุการณ์ที่ตากใบคนตายเพราะไม่กินอาหาร ฯลฯ

หรือล่าสุดบอกว่า มีคนบ้า 3 ตัวเข้าไปในดินแดนของเขมรเพื่อให้เขาจับ ทั้งที่คนที่บ้าคือนายสมัคร สุนทรเวช เอง

ทั้งหลายทั้งปวงนี้นำมาซึ่งเหตุแห่งการดูถูกดูแคลนนายสมัคร สุนทรเวช ของประชาชนวงการต่างๆ

นายสมัคร สุนทรเวช โอดครวญว่า กำลังจะถูกฆ่า ซึ่งเขาคงหมายถึงการที่ศาลต่างๆ กำลังพิจารณาคดีพวกเขาอยู่

เป็นต้นว่า ศาลอุทธรณ์อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีที่เขาหมิ่นประมาทนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.

ศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะพิจารณากรณีที่เขาไปจัดรายการโทรทัศน์ชิมไปบ่นไป

เขาลืมคิดไปว่า ถ้าหากเขาและพวกเขาไม่ได้ทำผิด หรือไม่มีกรณีที่เสี่ยงต่อการที่จะทำผิดหรือไม่ผิด ศาลก็จะไม่มีโอกาสได้พิจารณาคดีเลย

อยู่ๆ ศาล (ใดก็ตาม) ไม่สามารถที่จะหยิบเรื่องนั้นเรื่องนี้มาพิจารณาได้เลย หากไม่มีใครทำผิด และทำผิดแล้วก็ต้องมีคนฟ้องร้อง ต้องอยู่ในอำนาจของศาล ต้องมีกฎหมายให้ลงโทษ

เข้าใจหรือยัง?

สมัครเอย นับถอยหลังได้แล้ว เริ่มเสียแต่ตอนนี้