ผู้จัดการรายวัน – แกนนำกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึงถูกคนร้ายลั่นกระสุนหมายสังหาร หลังเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการโรงถลุงเหล็กเครือสหวิริยา ที่บางสะพาน จน สผ.ชะลอการพิจารณาอีไอเอ และการลงทุนหยุดชะงัก
วานนี้ (20 ก.ค.) เวลาประมาณ 02.30 น. ขณะที่นายสุพจน์ ส่งเสียง แกนนำชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง เดินทางกลับเข้าบ้านพักหลังจากการประชุมกลุ่มชาวบ้านที่ ต.ธงชัย อ.บางสะพาน ได้ไม่นาน ได้มีกลุ่มคนร้ายยิงปืนเข้าใส่บ้านพัก จำนวน 6 นัด โดยวิถีกระสุนห่างจากจุดที่นายสุพจน์ อยู่ประมาณ 1 เมตร โดยตัวนายสุพจน์ และครอบครัวปลอดภัย
จากนั้น เมื่อเวลา 03.30น. นายสุพจน์ ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว และชาวบ้านกำลังรอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานเพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้ก่อเหตุ
กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง เคลื่อนไหวคัดค้านโครงการโรงถลุงเหล็กของกลุ่มสหวิริยา ที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาอย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมาเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันระหว่างชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ และกลุ่มมวลชนที่จัดตั้งโดยบริษัทฯเพื่อสนับสนุนโครงการ เป็นระยะๆ โดยเหตุการณ์รุนแรงสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2551 ที่สองฝ่ายเผชิญหน้า จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งราย
การเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการของกลุ่มอนุรักษ์ฯ ที่ผ่านมา ส่งผลให้ที่ดินบริเวณป่าพรุ ซึ่งเครือสหวิริยาอ้างกรรมสิทธิ์เหนือผืนดินดังกล่าวถูกเพิกถอนบางส่วน อย่างไรก็ตาม เครือสหวิริยาให้เหตุผลว่าต้องการลดความขัดแย้งในพื้นที่จึงปรับเปลี่ยนผังพื้นที่ลงทุนใหม่ ซึ่งทำให้บริษัทต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ใหม่ นอกจากนั้น เครือสหวิริยา ยังต้องยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอใหม่ เนื่องจากโครงการไม่สามารถดำเนินการลงทุนตามกำหนดเวลาได้
นายวิน วิริยะประไพกิจ ผู้บริหารระดับสูงของเครือสหวิริยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนไปกับโครงการนี้แล้วประมาณ 4,000 ล้านบาท และเขายังเชื่อว่าโครงการฯจะได้รับการสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ให้เดินหน้าไปได้
ขณะที่การดำเนินโครงการโรงถลุงเหล็กของ เครือสหวิริยา ต้องกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทั้งเรื่องอีไอเอและการขอบีโอไอ ทำให้การเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มคัดค้านและกลุ่มสนับสนุนโครงการในพื้นที่ เป็นไปอย่างตึงเครียดยิ่งขึ้น แม้ว่าฝ่ายบริษัทจะตั้ง “กลุ่มสมานฉันท์” เพื่อให้ภาพความสามัคคีของคนในพื้นที่ปรากฏสู่สาธารณะผ่านการจัดงานเลี้ยงโต๊ะจีน ฯลฯ แต่ในทางความเป็นจริงกลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม
แกนนำกลุ่ม 5 พันธมิตรสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประกอบด้วย กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด กลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก กลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก และกลุ่มรักบ้านเกิด ต.อ่าวน้อย ไม่ว่าจะเป็น นายวิฑูรย์ บัวโรย และ นายสุพจน์ ส่งเสียง นางจินตนา แก้วขาว หรือ นางสุนีรัตน์ แต้ชูตระกูล ต่างตกเป็นเป้าหมายในการข่มขู่คุกคามมาโดยตลอด และหวังผลถึงขั้นเอาชีวิต ดังกรณีที่เกิดขึ้นล่าสุดที่เกิดขึ้นกับนายสุพจน์ ส่งเสียง
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 ระหว่างที่ชาวบ้านเดินทางไปยื่นหนังสือที่สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคณะกรรมการผู้ชำนาญการ มีการประชุมพิจารณาอีไอเอโครงการโรงถลุงเหล็กฯ ได้มีกลุ่มบุคคลขับรถกระบะดักขว้างปาลูกตะกั่วขนาดน้ำหนักต่อลูกประมาณครึ่งกิโลกรัม และโปรยเรือใบสกัดกั้นการเดินทางหวังผลให้เกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ
การเข้าให้ข้อมูลของกลุ่มพันธมิตรสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบฯ ทำให้การพิจารณาอีไอเอของ สผ.ได้ยืดเวลาออกไปโดยคณะกรรมการผู้ชำนาญการ ต้องใช้เวลาพิจารณาข้อมูลใหม่อย่างรอบด้าน และทาง สผ. รับข้อเสนอของชาวบ้านว่า ก่อนที่จะมีการพิจารณาอีไอเอในครั้งต่อไป จะต้องรอให้มีการจัดตั้งองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มาตรา 67 ให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน
การชะลอการพิจารณาอีไอเอออกไป ย่อมส่งผลให้การดำเนินการของโครงการต้องหยุดชะงักไปด้วย ทั้งที่ก่อนนี้บริษัทคาดหมายว่า อีไอเอจะผ่านการพิจารณาทั้งด้วยข้อมูลใหม่ที่นำเสนอต่อ สผ. และด้วยการทำงานมวลชนอย่างหนักในพื้นที่ของผู้จัดการงานมวลชนคนใหม่
ต่อมา เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ชาวบ้านบ้านเขาแดง อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้จัดเวทีให้ข้อมูลชาวบ้านในพื้นที่เกี่ยวกับการก่อโรงสร้างโครงการโรงถลุงเหล็กที่ สภาพัฒน์ มีแผนว่าจะมีการก่อสร้าง มีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 1,000 คน โดย 5 พันธมิตรสิ่งแวดล้อม จ.ประจวบฯ เข้ามาร่วมให้ข้อมูลและอภิปรายถึงผลกระทบจากโครงการโรงถลุงเหล็ก นิคมอุตสาหกรรม และฉายวีดีทัศน์เรื่องผลกระทบจากนิคมอุตสาหกรรม จ.ระยอง
จนกระทั่งเวทีเลิกในเวลา 23.00 น. และระหว่างทางที่ชาวบ้านกลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางกลับได้มีรถกระบะสองคันติดตามขบวนของชาวบ้านมาตลอดทางทำให้ชาวบ้านหวั่นเกรงว่า จะเกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนคราวที่เดินทางไปให้ข้อมูลที่ สผ.จึงประสานงานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านบริเวณห้วยยาง อ.ทับสะแก สกัดจับแต่ไม่สามารถจับได้
การข่มขู่คุกคาม ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ยังคงมองไม่เห็นหนทางยุติ ตราบใดที่ต่างฝ่ายต่างยืนอยู่บนเส้นทางคู่ขนานของการพัฒนา
วานนี้ (20 ก.ค.) เวลาประมาณ 02.30 น. ขณะที่นายสุพจน์ ส่งเสียง แกนนำชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง เดินทางกลับเข้าบ้านพักหลังจากการประชุมกลุ่มชาวบ้านที่ ต.ธงชัย อ.บางสะพาน ได้ไม่นาน ได้มีกลุ่มคนร้ายยิงปืนเข้าใส่บ้านพัก จำนวน 6 นัด โดยวิถีกระสุนห่างจากจุดที่นายสุพจน์ อยู่ประมาณ 1 เมตร โดยตัวนายสุพจน์ และครอบครัวปลอดภัย
จากนั้น เมื่อเวลา 03.30น. นายสุพจน์ ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว และชาวบ้านกำลังรอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานเพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้ก่อเหตุ
กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง เคลื่อนไหวคัดค้านโครงการโรงถลุงเหล็กของกลุ่มสหวิริยา ที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาอย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมาเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันระหว่างชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ และกลุ่มมวลชนที่จัดตั้งโดยบริษัทฯเพื่อสนับสนุนโครงการ เป็นระยะๆ โดยเหตุการณ์รุนแรงสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2551 ที่สองฝ่ายเผชิญหน้า จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งราย
การเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการของกลุ่มอนุรักษ์ฯ ที่ผ่านมา ส่งผลให้ที่ดินบริเวณป่าพรุ ซึ่งเครือสหวิริยาอ้างกรรมสิทธิ์เหนือผืนดินดังกล่าวถูกเพิกถอนบางส่วน อย่างไรก็ตาม เครือสหวิริยาให้เหตุผลว่าต้องการลดความขัดแย้งในพื้นที่จึงปรับเปลี่ยนผังพื้นที่ลงทุนใหม่ ซึ่งทำให้บริษัทต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ใหม่ นอกจากนั้น เครือสหวิริยา ยังต้องยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอใหม่ เนื่องจากโครงการไม่สามารถดำเนินการลงทุนตามกำหนดเวลาได้
นายวิน วิริยะประไพกิจ ผู้บริหารระดับสูงของเครือสหวิริยา กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนไปกับโครงการนี้แล้วประมาณ 4,000 ล้านบาท และเขายังเชื่อว่าโครงการฯจะได้รับการสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ให้เดินหน้าไปได้
ขณะที่การดำเนินโครงการโรงถลุงเหล็กของ เครือสหวิริยา ต้องกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทั้งเรื่องอีไอเอและการขอบีโอไอ ทำให้การเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มคัดค้านและกลุ่มสนับสนุนโครงการในพื้นที่ เป็นไปอย่างตึงเครียดยิ่งขึ้น แม้ว่าฝ่ายบริษัทจะตั้ง “กลุ่มสมานฉันท์” เพื่อให้ภาพความสามัคคีของคนในพื้นที่ปรากฏสู่สาธารณะผ่านการจัดงานเลี้ยงโต๊ะจีน ฯลฯ แต่ในทางความเป็นจริงกลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม
แกนนำกลุ่ม 5 พันธมิตรสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประกอบด้วย กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด กลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก กลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก และกลุ่มรักบ้านเกิด ต.อ่าวน้อย ไม่ว่าจะเป็น นายวิฑูรย์ บัวโรย และ นายสุพจน์ ส่งเสียง นางจินตนา แก้วขาว หรือ นางสุนีรัตน์ แต้ชูตระกูล ต่างตกเป็นเป้าหมายในการข่มขู่คุกคามมาโดยตลอด และหวังผลถึงขั้นเอาชีวิต ดังกรณีที่เกิดขึ้นล่าสุดที่เกิดขึ้นกับนายสุพจน์ ส่งเสียง
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 ระหว่างที่ชาวบ้านเดินทางไปยื่นหนังสือที่สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งคณะกรรมการผู้ชำนาญการ มีการประชุมพิจารณาอีไอเอโครงการโรงถลุงเหล็กฯ ได้มีกลุ่มบุคคลขับรถกระบะดักขว้างปาลูกตะกั่วขนาดน้ำหนักต่อลูกประมาณครึ่งกิโลกรัม และโปรยเรือใบสกัดกั้นการเดินทางหวังผลให้เกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ
การเข้าให้ข้อมูลของกลุ่มพันธมิตรสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบฯ ทำให้การพิจารณาอีไอเอของ สผ.ได้ยืดเวลาออกไปโดยคณะกรรมการผู้ชำนาญการ ต้องใช้เวลาพิจารณาข้อมูลใหม่อย่างรอบด้าน และทาง สผ. รับข้อเสนอของชาวบ้านว่า ก่อนที่จะมีการพิจารณาอีไอเอในครั้งต่อไป จะต้องรอให้มีการจัดตั้งองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มาตรา 67 ให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน
การชะลอการพิจารณาอีไอเอออกไป ย่อมส่งผลให้การดำเนินการของโครงการต้องหยุดชะงักไปด้วย ทั้งที่ก่อนนี้บริษัทคาดหมายว่า อีไอเอจะผ่านการพิจารณาทั้งด้วยข้อมูลใหม่ที่นำเสนอต่อ สผ. และด้วยการทำงานมวลชนอย่างหนักในพื้นที่ของผู้จัดการงานมวลชนคนใหม่
ต่อมา เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ชาวบ้านบ้านเขาแดง อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้จัดเวทีให้ข้อมูลชาวบ้านในพื้นที่เกี่ยวกับการก่อโรงสร้างโครงการโรงถลุงเหล็กที่ สภาพัฒน์ มีแผนว่าจะมีการก่อสร้าง มีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 1,000 คน โดย 5 พันธมิตรสิ่งแวดล้อม จ.ประจวบฯ เข้ามาร่วมให้ข้อมูลและอภิปรายถึงผลกระทบจากโครงการโรงถลุงเหล็ก นิคมอุตสาหกรรม และฉายวีดีทัศน์เรื่องผลกระทบจากนิคมอุตสาหกรรม จ.ระยอง
จนกระทั่งเวทีเลิกในเวลา 23.00 น. และระหว่างทางที่ชาวบ้านกลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางกลับได้มีรถกระบะสองคันติดตามขบวนของชาวบ้านมาตลอดทางทำให้ชาวบ้านหวั่นเกรงว่า จะเกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนคราวที่เดินทางไปให้ข้อมูลที่ สผ.จึงประสานงานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านบริเวณห้วยยาง อ.ทับสะแก สกัดจับแต่ไม่สามารถจับได้
การข่มขู่คุกคาม ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ยังคงมองไม่เห็นหนทางยุติ ตราบใดที่ต่างฝ่ายต่างยืนอยู่บนเส้นทางคู่ขนานของการพัฒนา