ป.ป.ช.ประชุมนัดพิเศษแบ่งงานที่รับโอนจาก คตส. 9 ก.ค.นี้ พร้อมตั้ง กก.ร่วมกับอัยการ กรณีสำนวนไม่สมบูรณ์ ระบุหากตกลงกันไม่ได้ ก็พร้อมฟ้องเอง เผยหนังสืออัยการสูงสูดตีกลับความไม่สมบูรณ์สำนวนคดี ซีทีเอ็กซ์ 9000 เสมือนเป็นการแก้ต่างให้ผู้ถูกกล่าวหา ทั้งๆ ที่มีข้อมูลชัดจากความร่วมมือทางอาญา ไทย-สหรัฐ ที่กระทรวงยุติธรรมมะกันฟ้องคดีทุจริตจน "อินวิชั่น" ยอมรับผิดจ่ายค่าปรับ 5แสนดอนล่าร์แล้ว
รายงานข่าวจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ป.ป.ช.จะประชุมนัดพิเศษ เพื่อแบ่งมอบงาน ที่ได้รับจากโอนมาจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหาย แก่รัฐ(คตส.) ให้กรรมการ ป.ป.ช.แต่ละคนรับผิดชอบ โดยประเด็นสำคัญที่จะมีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาคือการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่าง ป.ป.ช.กับอัยการ เพื่อพิจารณาความไม่สมบูรณ์สำนวนการตรวจสอบและไต่สวน คดี คดีทุจริต โครงการปรับปรุงระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ 9000 ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และคดีขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 76,621 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน
หลังจากนั้นจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมกันระหว่าง ป.ป.ช.และอัยการ เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อไม่สมบูรณ์ทั้ง 2 คดีว่าแต่ละฝ่ายมีความเห็นเป็นอย่างไร หากไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ ป.ป.ช.ก็คงฟ้องคดีเองเหมือนกับที่คตส. เคยยื่นฟ้องเองไปแล้วหลายคดี
รายงานข่าวแจ้งว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าหนังสือแจ้งความไม่สมบูรณ์ของอัยการที่แจ้งให้กับคตส.มีหลายประเด็นที่มีลักษณะเป็นการแก้ต่างแทนผู้ถูกกล่าวหา โดยเฉพาะหนังสือแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ในคดีซีทีเอ็กซ์ 9000 ที่ทางอัยการมีหนังสือ แจ้งข้อไม่สมบูรณ์ให้ คตส.พิจารณา 5 ประเด็น ได้แก่ 1.ข้อไม่สมบูรณ์เกี่ยวกับค่าเสียหาย ค่าดำเนินการ ราคาค่าจ้างจัดหาติดตั้งระบบสานพานลำเลียงและสินค้า ที่คตส.ให้อัยการสูงสุดยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหาเป็นคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง และให้เรียกเงินจำนวน 6,937 ล้านบาท แทนบริษัทท่าอากาศยานสากล กรุงเทพแห่งใหม่(บทม.) ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43
ทางอัยการสูงสุดอ้างว่า ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าค่าปรับเปลี่ยนระบบสานพาน ลำเลียงกระเป๋ามีจำนวน 4,335,289 ล้านบาทเท่านั้น แต่จำนวน ความเสียหายที่ คตส.เรียกจำนวน 6,937 ล้านบาท เป็นการนำค่าระบบสานพานเดิมมารวมไว้ด้วย ทางอัยการสูงสุดจึงเห็นว่าไม่สามารถดำเนินการได้
นอกจากนี้อัยการสูงสุดยังอ้างว่า การที่จะเรียกค่าเสียหายให้แก่ บทม. เป็นการเรียกจากการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ การที่ คตส.จะมีอำนาจสอบวนดำเนินคดีนี้ จะต้องมีการร้องทุกข์จากผู้เสียหายและผู้เสียหายจะต้องยืนยันด้วยว่าได้รับความเสียหายจากการถูกฉ้อโกงเป็นจำนวนเท่าใด เพื่อที่พนักงานอัยการจะยื่นฟ้อง และมีคำขอต่อศาลให้ทีการคืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินจำนวนดังกล่าวแก่ผู้เสียหาย แต่ยังไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานผู้เสียหายได้ดำเนินการร้องทุกข์ในส่วนนี้
รายงานข่าวระบุด้วยว่า อัยการยังอ้างความไม่สมบูรณ์เกี่ยวกับพยานบุคคล และพยานเอกสารของ คตส.ในหลายประเด็น ทั้ง กรณี Mr.Bille Hale Vincent ซึ่งเป็นประธานบริหารของเอเอสไอ หน่วยงานที่รัฐบาลสหรัฐรับรองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ เรื่องระบบตรวจสอบวัตถุระเบิด และถือพยานปากสำคัญในคดีนี้ว่าอาจเป็น ผู้มีส่วนได้เสียในการเสนองาน
รวมทั้งกรณีอีเมล ที่นาย วี ฮอกกี ใช้ติดต่อกับบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องว่าอีเมลล์ดังกล่าวยังไม่มีการพิสูจน์ความแท้จริงและความถูกต้องของเอกสาร ทั้งที่อีเมลล์ฉบับดังกล่าวอยู่ในรายงานผลการตรวจสอบของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐที่ส่งมาให้อัยการสูงสุดใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และมีนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุดลงนามรับรองความถูกต้องในเอกสารว่าได้มาจากการอาศัยความร่วมมือทางอาญาระหว่างไทยกับสหรัฐ
นอกจากนี้อัยการยังอ้างความไม่สมบูรณ์กรณีที่ คตส.กล่าวหาว่า บทม.เชิดตัวเองเข้าไปเป็นคู่สัญญากับบริษัท จีอีอินวิชั่น ว่าเป็นการช่วยเหลือไอทีโอ ว่ายังไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นการช่วยเหลือไอทีโอ อย่างไรและไอทีโอได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นหรือไม่ จึงให้มีการไต่สวนพยานเพิ่มเติมว่าการทำสัญญาซื้อตรงจากอินวิชั่น บทม.ได้หรือเสียประโยชน์อย่างไร หากบทม.ไม่สามารถจัดหาเครื่องซีทีเอ็กซ์ เข้ามาติดตั้งได้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเปิดดำเนินงานหรือไม่ และความเสียหาย จากการไม่สามารถจัดหาเครื่องซีทีเอ็กซ์เข้ามาติดต้องความเสียหายจะเกิดแก่บทม. หรือไอทีโอ ฝ่ายไหนมากน้อยกว่ากัน
"เป็นที่น่าสังเกตมากที่สุดคือกรณีที่อัยการขอให้ไต่สวนเจ้าหน้าที่การเงินของ บทม.ว่า การที่สามารถเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมินั้น ทำให้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือทอท.มีรายได้สูงกว่ารายได้ที่เคยได้รับจากการใช้สนามบิน ดอนเมืองปีละเท่าใด และเป็นเงินภาษีให้แก่รัฐเพิ่มขึ้นปีละเท่าใด ซึ่งในประเด็นนี้ทางอัยการไม่น่าจะมีการตั้งข้อสังเกตในลักษณะดังกล่าว เพราะรายได้ที่ ทอท.ได้รับเพิ่มกับการทำนิติกรรมอำพรางเพื่อให้ได้เครื่องซีทีเอ็กซ์มาติดตั้งโดยที่ไอทีโอไม่ต้องจ่าย ค่าปรับให้ทอท.ที่ส่งมอบงานล่าช้า" แหล่งข่าวกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่าอีกประเด็นที่น่าสังเกตคือกรณีผลการสอบสวนสหรัฐที่ระบุว่า บริษัท อินวิชั่นยอมรับความผิดตามที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฟ้องร้อง โดยยอมจ่าย ค่าปรับทางแพ่งเป็นเงิน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐนั้น ทางอัยการเห็นว่าข้อความ ในเอกสารดังกล่าวไม่ได้หมายความว่า อินวิชั่นยอมรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ถูกฟ้อง แต่อย่างใด และก็ไม่ปรากฏในเอกสารว่ามีการสั่งให้คืนส่วนกำไรจากการกระทำความผิดตามที่คตส.สรุปแต่อย่างใด ทางอัยการจึงให้ตรวจสอบเอกสาร ภาษาต่างประเทศทุกฉบับได้แปลเป็นภาษาไทยครบหรือไม่ หากเอกสารฉบับใดยังไม่แปลให้แปลให้ครบแล้วนำมารวมไว้ในสำนวน
ส่วนข้อไม่สมบูรณ์ในคดีที่ขอให้ศาลยึดทรัพย์ พ..ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 76,621 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดินนั้น อัยการให้เหตุผลของความไม่สมบูรณ์ ในสำนวนว่า คตส.ไม่ได้ระบุถึงการเปลี่ยนแปลงของหุ้นและมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น หรือลดลงผิดปกติ ว่ามีจำนวนเท่าใด และมีมูลค่าหุ้นและทรัพย์สินผิดปกติอย่างไร นอกจากนี้ยังอ้างว่าไม่มีพยานหลักฐานที่ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ถือหุ้นแทน พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 20 ล้านหุ้น รวมทั้งประเด็นที่คตส. ไม่ได้แจ้งว่าเงินที่คตส.ไม่สามารถอายัดได้อีกจำนวน 9,858 ล้านบาทนั้นอยู่ที่ใด
รายงานข่าวจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ป.ป.ช.จะประชุมนัดพิเศษ เพื่อแบ่งมอบงาน ที่ได้รับจากโอนมาจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหาย แก่รัฐ(คตส.) ให้กรรมการ ป.ป.ช.แต่ละคนรับผิดชอบ โดยประเด็นสำคัญที่จะมีการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาคือการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่าง ป.ป.ช.กับอัยการ เพื่อพิจารณาความไม่สมบูรณ์สำนวนการตรวจสอบและไต่สวน คดี คดีทุจริต โครงการปรับปรุงระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ 9000 ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และคดีขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 76,621 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน
หลังจากนั้นจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมกันระหว่าง ป.ป.ช.และอัยการ เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อไม่สมบูรณ์ทั้ง 2 คดีว่าแต่ละฝ่ายมีความเห็นเป็นอย่างไร หากไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ ป.ป.ช.ก็คงฟ้องคดีเองเหมือนกับที่คตส. เคยยื่นฟ้องเองไปแล้วหลายคดี
รายงานข่าวแจ้งว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าหนังสือแจ้งความไม่สมบูรณ์ของอัยการที่แจ้งให้กับคตส.มีหลายประเด็นที่มีลักษณะเป็นการแก้ต่างแทนผู้ถูกกล่าวหา โดยเฉพาะหนังสือแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ในคดีซีทีเอ็กซ์ 9000 ที่ทางอัยการมีหนังสือ แจ้งข้อไม่สมบูรณ์ให้ คตส.พิจารณา 5 ประเด็น ได้แก่ 1.ข้อไม่สมบูรณ์เกี่ยวกับค่าเสียหาย ค่าดำเนินการ ราคาค่าจ้างจัดหาติดตั้งระบบสานพานลำเลียงและสินค้า ที่คตส.ให้อัยการสูงสุดยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหาเป็นคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง และให้เรียกเงินจำนวน 6,937 ล้านบาท แทนบริษัทท่าอากาศยานสากล กรุงเทพแห่งใหม่(บทม.) ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43
ทางอัยการสูงสุดอ้างว่า ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าค่าปรับเปลี่ยนระบบสานพาน ลำเลียงกระเป๋ามีจำนวน 4,335,289 ล้านบาทเท่านั้น แต่จำนวน ความเสียหายที่ คตส.เรียกจำนวน 6,937 ล้านบาท เป็นการนำค่าระบบสานพานเดิมมารวมไว้ด้วย ทางอัยการสูงสุดจึงเห็นว่าไม่สามารถดำเนินการได้
นอกจากนี้อัยการสูงสุดยังอ้างว่า การที่จะเรียกค่าเสียหายให้แก่ บทม. เป็นการเรียกจากการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ การที่ คตส.จะมีอำนาจสอบวนดำเนินคดีนี้ จะต้องมีการร้องทุกข์จากผู้เสียหายและผู้เสียหายจะต้องยืนยันด้วยว่าได้รับความเสียหายจากการถูกฉ้อโกงเป็นจำนวนเท่าใด เพื่อที่พนักงานอัยการจะยื่นฟ้อง และมีคำขอต่อศาลให้ทีการคืนหรือใช้ราคาทรัพย์สินจำนวนดังกล่าวแก่ผู้เสียหาย แต่ยังไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานผู้เสียหายได้ดำเนินการร้องทุกข์ในส่วนนี้
รายงานข่าวระบุด้วยว่า อัยการยังอ้างความไม่สมบูรณ์เกี่ยวกับพยานบุคคล และพยานเอกสารของ คตส.ในหลายประเด็น ทั้ง กรณี Mr.Bille Hale Vincent ซึ่งเป็นประธานบริหารของเอเอสไอ หน่วยงานที่รัฐบาลสหรัฐรับรองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ เรื่องระบบตรวจสอบวัตถุระเบิด และถือพยานปากสำคัญในคดีนี้ว่าอาจเป็น ผู้มีส่วนได้เสียในการเสนองาน
รวมทั้งกรณีอีเมล ที่นาย วี ฮอกกี ใช้ติดต่อกับบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องว่าอีเมลล์ดังกล่าวยังไม่มีการพิสูจน์ความแท้จริงและความถูกต้องของเอกสาร ทั้งที่อีเมลล์ฉบับดังกล่าวอยู่ในรายงานผลการตรวจสอบของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐที่ส่งมาให้อัยการสูงสุดใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี และมีนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุดลงนามรับรองความถูกต้องในเอกสารว่าได้มาจากการอาศัยความร่วมมือทางอาญาระหว่างไทยกับสหรัฐ
นอกจากนี้อัยการยังอ้างความไม่สมบูรณ์กรณีที่ คตส.กล่าวหาว่า บทม.เชิดตัวเองเข้าไปเป็นคู่สัญญากับบริษัท จีอีอินวิชั่น ว่าเป็นการช่วยเหลือไอทีโอ ว่ายังไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นการช่วยเหลือไอทีโอ อย่างไรและไอทีโอได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นหรือไม่ จึงให้มีการไต่สวนพยานเพิ่มเติมว่าการทำสัญญาซื้อตรงจากอินวิชั่น บทม.ได้หรือเสียประโยชน์อย่างไร หากบทม.ไม่สามารถจัดหาเครื่องซีทีเอ็กซ์ เข้ามาติดตั้งได้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเปิดดำเนินงานหรือไม่ และความเสียหาย จากการไม่สามารถจัดหาเครื่องซีทีเอ็กซ์เข้ามาติดต้องความเสียหายจะเกิดแก่บทม. หรือไอทีโอ ฝ่ายไหนมากน้อยกว่ากัน
"เป็นที่น่าสังเกตมากที่สุดคือกรณีที่อัยการขอให้ไต่สวนเจ้าหน้าที่การเงินของ บทม.ว่า การที่สามารถเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมินั้น ทำให้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือทอท.มีรายได้สูงกว่ารายได้ที่เคยได้รับจากการใช้สนามบิน ดอนเมืองปีละเท่าใด และเป็นเงินภาษีให้แก่รัฐเพิ่มขึ้นปีละเท่าใด ซึ่งในประเด็นนี้ทางอัยการไม่น่าจะมีการตั้งข้อสังเกตในลักษณะดังกล่าว เพราะรายได้ที่ ทอท.ได้รับเพิ่มกับการทำนิติกรรมอำพรางเพื่อให้ได้เครื่องซีทีเอ็กซ์มาติดตั้งโดยที่ไอทีโอไม่ต้องจ่าย ค่าปรับให้ทอท.ที่ส่งมอบงานล่าช้า" แหล่งข่าวกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่าอีกประเด็นที่น่าสังเกตคือกรณีผลการสอบสวนสหรัฐที่ระบุว่า บริษัท อินวิชั่นยอมรับความผิดตามที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฟ้องร้อง โดยยอมจ่าย ค่าปรับทางแพ่งเป็นเงิน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐนั้น ทางอัยการเห็นว่าข้อความ ในเอกสารดังกล่าวไม่ได้หมายความว่า อินวิชั่นยอมรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ถูกฟ้อง แต่อย่างใด และก็ไม่ปรากฏในเอกสารว่ามีการสั่งให้คืนส่วนกำไรจากการกระทำความผิดตามที่คตส.สรุปแต่อย่างใด ทางอัยการจึงให้ตรวจสอบเอกสาร ภาษาต่างประเทศทุกฉบับได้แปลเป็นภาษาไทยครบหรือไม่ หากเอกสารฉบับใดยังไม่แปลให้แปลให้ครบแล้วนำมารวมไว้ในสำนวน
ส่วนข้อไม่สมบูรณ์ในคดีที่ขอให้ศาลยึดทรัพย์ พ..ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 76,621 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดินนั้น อัยการให้เหตุผลของความไม่สมบูรณ์ ในสำนวนว่า คตส.ไม่ได้ระบุถึงการเปลี่ยนแปลงของหุ้นและมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น หรือลดลงผิดปกติ ว่ามีจำนวนเท่าใด และมีมูลค่าหุ้นและทรัพย์สินผิดปกติอย่างไร นอกจากนี้ยังอ้างว่าไม่มีพยานหลักฐานที่ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ถือหุ้นแทน พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 20 ล้านหุ้น รวมทั้งประเด็นที่คตส. ไม่ได้แจ้งว่าเงินที่คตส.ไม่สามารถอายัดได้อีกจำนวน 9,858 ล้านบาทนั้นอยู่ที่ใด
