รอง อสส.ยันคณะทำงานอัยการยังไม่ฟ้องยึดทรัพย์ทักษิณ 7.6 หมื่นล้าน ขอตั้งคณะทำงานร่วม คตส.หลังพบสำนวนข้อไม่สมบูรณ์เรื่องการแยกทรัพย์สินก่อน-หลังกระทำผิด ส่วนคดี ซีทีเอ็กซ์ 9000 สั่งตั้งคณะทำงานร่วมอีกตามเคย หลังพบยังขาดเอกสารหลักฐานที่สมบูรณ์จากต่างประเทศ
วันนี้ (27 มิ.ย.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด สนามหลวง นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด หัวหน้าคณะทำงานอัยการคดีคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีมติส่งหนังสือถึง นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.ให้ตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างอัยการกับ คตส.เพื่อสอบสวนเพิ่มเติมคดีแพ่งที่ คตส.ส่งสำนวนให้ นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุดขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอายัดทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นจำนวน 76,671,603 ,061บาท เนื่องจากมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ
นายวัยวุฒิ กล่าวว่า คณะทำงานอัยการพิจารณาคดีอายัดทรัพย์ฯ ร่วมกันแล้วมีความเห็นแตกเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งเห็นว่าควรสอบสวนเพิ่มเติมเพราะมีข้อไม่สมบูรณ์จากการที่ คตส.ไม่ได้แยกจำนวนทรัพย์สินที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีมาก่อนถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติมีเท่าไร และหลังการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป มีทรัพย์สินเป็นจำนวนเท่าไร เพราะหากยื่นอายัดทรัพย์สินทั้งหมด 76,671,603,061 บาท อาจจะไม่เป็นธรรมและทำให้ผู้ถูกกล่าวหาโต้แย้งในชั้นศาลได้ จึงเสนอให้ คตส.สอบสวนเพิ่มเติม ส่วนอัยการอีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่าควรยื่นฟ้องต่อศาลเพราะจะครบกำหนด 30 วันที่อัยการสูงสุดต้องมีคำสั่งคดีในวันที่ 29 มิ.ย.
“คดีนี้มีความเห็นแตกเป็นสองฝ่ายผมเป็นหัวหน้าคณะทำงานไม่สามารถชี้ขาดได้ จึงทำความเห็นเสนอ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุดซึ่งรักษาการตำแหน่งอัยการสูงสุดเพื่อให้ชี้ขาดว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้องภายในวันที่ 27 มิ.ย.เพราะวันที่ 29 มิ.ย.ครบกำหนด 30 วันตรงกับวันหยุด เมื่อนายจุลสิงห์พิจารณาแล้วเห็นด้วยกับอัยการฝ่ายที่พบข้อไม่สมบูรณ์ที่ต้องให้มีการแยกทรัพย์สินก่อนและหลังกระทำผิดจึงสั่งให้ผมทำหนังสือถึงประธาน คตส.ขอตั้งคณะทำงานร่วมขึ้นมาพิจารณา” นายวัยวุฒิ กล่าว
นายวัยวุฒิ กล่าวด้วยว่า คดีอายัดทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคดีแพ่งเรื่องแรกที่จะให้อัยการสูงสุดฟ้องต่อศาลฎีกาฯ ตามกฎหมายเมื่อตัวความ คือ คตส.ยืนยันให้ฟ้องอัยการสูงสุดก็ต้องฟ้องให้อยู่แล้ว อัยการไม่อาจบิดพลิ้วสั่งเป็นอย่างอื่น เพียงแต่เมื่อจะฟ้องก็ต้องให้สำนวนสมบูรณ์ผู้ถูกกล่าวหาไม่อาจโต้แย้งได้ ส่วนปัญหาระยะเวลายื่นฟ้อง นายจุลสิงห์เห็นว่ากรณีคดีแพ่งอายัดทรัพย์กฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาตรา 81 กำหนดให้อัยการสูงสุดมีเวลาพิจารณาสั่งคดี 90 วัน ดังนั้นจึงยังเหลือเวลาสั่งคดีมากกว่า 2 เดือน ระหว่างนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอถอนการอายัดทรัพย์เพราะเป็นช่วงเวลาการพิจารณาคดีของอัยการ
“ผมคิดว่าเมื่ออัยการขอตั้งคณะทำงานร่วม คตส.ซึ่งจะหมดวาระ 30 มิ.ย.น่าจะส่งเรื่องให้ ปปช.ซึ่งมีหน้าที่รับงานต่อจาก คตส.มาร่วมพิจารณากับอัยการเพื่อไม่ให้เสียเวลา และตามกฎหมายถ้า ปปช.ไม่เห็นด้วยกับอัยการสูงสุด ก่อนจะครบกำหนดเวลา 90 วัน ปปช.สามารถตั้งทนายความยื่นฟ้องได้เหมือน คตส.ทำ” รองอัยการสูงสุด กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 พ.ค. นายแก้วสรร อติโพธิ คตส.ส่งมอบสำนวนชี้มูลความผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดทรัพย์ จำนวน 76,671,603,061 บาท ซึ่งเป็นเงินค่าขายหุ้นและเงินปันผลโดยมีเงินจำนวน 6.2 หมื่นล้านบาทที่ คตส.สั่งอายัดไว้ได้แล้ว
นายวัยวุฒิ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ นายจุลสิงห์ ยังเห็นชอบกับมติคณะทำงานอัยการที่เห็นควรเสนอประธาน คตส.ตั้งคณะทำงานร่วมพิจารณาคดีทุจริตจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 เนื่องจากเกิดข้อไม่สมบูรณ์ที่จำเป็นต้องมีการสอบเพิ่มเติมมากถึง 10 หน้ากระดาษ เช่น เอกสารจากกระทรวงยุติธรรมประเทศสหรัฐอเมริกายืนยันมาว่าไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินสินบน นอกจากนั้นยังมีพยานหลักฐานทั้งในไทยและต่างประเทศอีกมากที่ไม่สมบูรณ์ ประกอบกับระหว่างพิจารณาผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมมามาก จึงเห็นว่าคดีนี้ควรจะต้องสอบเพิ่มเติมร่วมกัน