xs
xsm
sm
md
lg

คตส.ระดมเช็กบิลแก๊งแม้ว อสส.ยื้อยึดทรัพย์ 7.6 หมื่น ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คตส.ทิ้งทวนระดมฟ้อง"ทักษิณ" และพวก ปล่อยกู้พม่าเอื้อชินฯ และทุจริตกล้ายาง ต่อศาลฎีกานักการเมือง พร้อมส่งสำนวนฟ้องทักษิณร่ำรวยผิดปกติ ด้านอัยการสูงสุดยังเล่นแง่ตามเคย ยื้อฟ้องยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน และตีกลับซีทีเอ็กซ์ 9000 เสนอตั้งคณะทำงานร่วม อ้างเหตุเอกสารหลักฐานไม่สมบูรณ์ ด้านคตส.โวยแหลก หลอกให้เตรียมเอกสารเก้อ แต่กลับลำกระทันหัน ระบุมีพิรุธ ส่วนคดีบ้านเอื้ออาทร ส่งให้ อสส. วันจันทร์นี้ เผย 9 รายชื่อเตรียมโดนเชือด

วานนี้ (27 มิ.ย.) เวลา 11.00 น.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางเมือง สนามหลวง นายสิทธิโชค ศรีเจริญ ทนายความซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ( คตส.) นำคำฟ้องจำนวน 65 หน้า พร้อมสำนวนพยานหลักฐานการทุจริตจำนวน 7 ลัง รวม 1,887 หน้า ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยต่อศาลฯ ในความผิดฐานใช้อำนาจหน้าที่กระทำผิด กรณีเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น และผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และ 157 ที่เห็นชอบให้เอ็กซิมแบงก์ อนุมัติปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับรัฐบาลพม่า วงเงิน 4,000 ล้านบาท ในโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมของพม่า เพื่อหวังประโยชน์ในธุรกิจดาวเทียมที่มีการสั่งซื้ออุปกรณ์ จากบริษัทชินแซทเทิลไลท์ บริษัทในเครือชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของตระกูลชินวัตร

โดย คตส. ขอให้ศาลฯ พิพากษาลงโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยให้นับโทษ ต่อจากคดีทุจริตซื้อ-ขายที่ดินรัชดาภิเษก คดีหมายเลขดำที่ อม.1/2550 ของศาล

นายสิทธิโชค ศรีเจริญ ทนายความของคตส. กล่าวว่า หลังจากนี้ตามกฎหมายกำหนดให้ภายใน 14 วัน จะต้องทำการประชุมใหญ่ศาลฎีกา เพื่อเลือกองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา 9 คน เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดี อย่างไรก็ตาม การที่ศาลจะมีคำสั่งรับฟ้องในคดีหรือไม่คงต้องรอดูผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องอำนาจหน้าที่ในการฟ้องคดีของเสีย คตส.ก่อน จึงจะเริ่มกระบวนพิจารณาคดีต่อไปได้

ส่งฟ้องเองคดีทุจริตกล้ายาง

ต่อมาเวลา 14.00 น. นายเจษฎา อนุจารี ทนายความซึ่งได้รับมอบหมาย จาก คตส.นำคำฟ้อง รวม 50 หน้า พร้อมสำนวนพยานหลักฐาน 39 แฟ้ม ในคดีทุจริตการจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้น มูลค่า 1,440 ล้านบาท ของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรฯ ยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหารวม 44 ราย ประกอบด้วย กลุ่มคณะรัฐมนตรี , กลุ่มคณะกก.กลั่นกรองเสนอโครงการต่อครม. คณะที่ 2 , กลุ่มคณะกก.นโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ( คชก.) , กลุ่มคณะกก.บริหารโครงการ ( กำหนดทีโออาร์) และคณะกก.พิจารณาผลประกวดราคา ซึ่งเป็นกลุ่มข้าราชการ และกลุ่มบริษัทเอกชน ที่มี 3 ราย ประกอบด้วย บริษัท เจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ จำกัด ในเครือซีพี , บริษัท รีสอร์ทแลนด์ จำกัด และ บริษัท เอกเจริญการเกษตร จำกัด

ส่งสำนวนทักษิณร่ำรวยผิดปกติ

ต่อมาเวลา 14.30 น. วานนี้ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายธรรมนูญ เรืองดิษฐ์ เจ้าพนักงานปราบปรามการทุจริต ระดับ 9 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ในฐานะอนุกรรมการ คตส.ไต่สวนคดีร่ำรวยผิดปกติได้นำสำนวนการสอบสวนพร้อมสำเนา จำนวน 20 แฟ้ม รวม 7,537 หน้า พร้อมชี้มูลความผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกกล่าวหาว่า ปกปิดการกระทำกันเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของตนเอง และพวกพ้อง ,กรณีการกระทำอันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม และกรณีทุจริตต่อหน้าที่แปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต ทำให้เกิดความเสียหายกว่า 6.5 หมื่นล้านบาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 ,157 และอื่นๆ มาส่งให้กับ นายรุธ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 พิจารณา

นายรุจ เขื่อนสุวรรณ กล่าวว่า จะนำเสนอให้นายนายเศกศรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษทราบ เพื่อรายงานให้นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นพิจารณาเพื่อสั่งคดีภายใน 30 วัน ตามกฎหมาย

อสส.เล่นแง่ยังไม่ฟ้องยึดทรัพย์

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด สนามหลวง นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด หัวหน้าคณะทำงานอัยการคดีที่คตส. มีมติส่งหนังสือถึงนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.ให้ตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างอัยการกับ คตส. เพื่อสอบสวนเพิ่มเติมคดีแพ่งที่ คตส.ส่งสำนวนให้ นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อายัดทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ

นายวัยวุฒิ กล่าวว่า คณะทำงานอัยการพิจารณาคดีอายัดทรัพย์ฯ ร่วมกันแล้วมีความเห็นแตกเป็น 2 ฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งเห็นว่าควรสอบสวนเพิ่มเติม เพราะมีข้อไม่สมบูรณ์จากการที่ คตส.ไม่ได้แยกจำนวนทรัพย์สินที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีมาก่อนถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติว่ามีเท่าไร และหลังการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป มีทรัพย์สินเป็นจำนวนเท่าไร เพราะหากยื่นอายัดทรัพย์สินทั้งหมด 7.6 หมื่นล้านบาท อาจจะไม่เป็นธรรม และทำให้ผู้ถูกกล่าวหาโต้แย้งในชั้นศาลได้ จึงเสนอให้ คตส.สอบสวนเพิ่มเติม

ส่วนอัยการอีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่า ควรยื่นฟ้องต่อศาล เพราะจะครบกำหนด 30 วัน ที่อัยการสูงสุดต้องมีคำสั่งคดีในวันที่ 29 มิ.ย.

"คดีนี้มีความเห็นแตกเป็นสองฝ่าย ผมเป็นหัวหน้าคณะทำงานไม่สามารถชี้ขาดได้ จึงทำความเห็นเสนอนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด รักษาการตำแหน่งอัยการสูงสุดเพื่อให้ชี้ขาดว่า จะฟ้องหรือไม่ฟ้อง ภายในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ เพราะวันที่ 29 มิ.ย. ครบกำหนด 30 วัน ตรงกับวันหยุด เมื่อนายจุลสิงห์ พิจารณาแล้วเห็นด้วยกับอัยการฝ่ายที่พบข้อไม่สมบูรณ์ที่ต้องให้มีการแยกทรัพย์สินก่อนและหลังกระทำผิด จึงสั่งให้ผมทำหนังสือถึงประธาน คตส. ขอตั้งคณะทำงานร่วมขึ้นมาพิจารณา" นายวัยวุฒิ กล่าว

อ้างสำนวนไม่สมบูรณ์

นายวัยวุฒิ กล่าวด้วยว่า คดีอายัดทรัพย์สิน พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคดีแพ่งเรื่องแรกที่จะให้อัยการสูงสุดฟ้องต่อศาลฎีกาฯ ตามกฎหมายเมื่อตัวความ คือ คตส. ยืนยันให้ฟ้องอัยการสูงสุดก็ต้องฟ้องให้อยู่แล้ว อัยการไม่อาจบิดพลิ้วสั่งเป็นอย่างอื่น เพียงแต่เมื่อจะฟ้องก็ต้องให้สำนวนสมบูรณ์ ผู้ถูกกล่าวหาไม่อาจโต้แย้งได้ ส่วนปัญหาระยะเวลายื่นฟ้อง นายจุลสิงห์ เห็นว่า กรณีคดีแพ่งอายัดทรัพย์ กฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 81 กำหนดให้อัยการสูงสุดมีเวลาพิจารณาสั่งคดี 90 วัน ดังนั้นจึงยังเหลือเวลาสั่งคดีมากกว่า 2 เดือน ระหว่างนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอถอนการอายัดทรัพย์ เพราะเป็นช่วงเวลาการพิจารณาคดีของอัยการ

"ผมคิดว่าเมื่ออัยการขอตั้งคณะทำงานร่วม คตส.ซึ่งจะหมดวาระ 30 มิ.ย. น่าจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ซึ่งมีหน้าที่รับงานต่อจาก คตส. มาร่วมพิจารณากับอัยการ เพื่อไม่ให้เสียเวลา และตามกฎหมายถ้า ป.ป.ช.ไม่เห็นด้วยกับอัยการสูงสุด ก่อนจะครบกำหนดเวลา 90 วัน ป.ป.ช.สามารถตั้งทนายความยื่นฟ้องได้เหมือน คตส.ทำ" รองอัยการสูงสุด กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 พ.ค.นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการ คตส. ส่งมอบสำนวนชี้มูลความผิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดทรัพย์ จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินค่าขายหุ้น และเงินปันผลโดยมีเงินจำนวน 6.2 หมื่นล้านบาทที่ คตส.สั่งอายัดไว้ได้แล้ว

เสนอตั้งคณะทำงานร่วมซีทีเอกซ์

นายวัยวุฒิ กล่าวด้วยว่า นายจุลสิงห์ ยังเห็นชอบกับมติคณะทำงานอัยการ ที่เห็นควรเสนอประธาน คตส. ตั้งคณะทำงานร่วมพิจารณาคดีทุจริตจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 เนื่องจากเกิดข้อไม่สมบูรณ์ที่จำเป็นต้องมีการสอบเพิ่มเติมมากถึง 10 หน้ากระดาษ เช่น เอกสารจากกระทรวงยุติธรรมประเทศสหรัฐอเมริกา ยืนยันมาว่าไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินสินบน นอกจากนั้น ยังมีพยานหลักฐานทั้งในไทยและต่างประเทศอีกมากที่ไม่สมบูรณ์ ประกอบกับระหว่างพิจารณาผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นคนไทย และชาวต่างชาติซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมมามาก จึงเห็นว่าคดีนี้ควรจะต้องสอบเพิ่มเติมร่วมกัน

คตส.เดือด ถูกอสส.หักหลัง

ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีการประชุมคณะกรรมการ คตส. ซึ่งถือเป็นนัดสุดท้ายของการทำงาน ในการพิจารณาคดีความต่างๆ เนื่องจากในวันจันทร์ ที่ 30 มิ.ย. ที่เป็นหมดวาระ คตส. ไม่มีวาระพิจารณาคดีความ

ภายหลังการประชุม นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. แถลงถึงความคืบหน้าในการส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณาส่งฟ้องต่อศาลแพ่ง เพื่อยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท ในคดีการออกนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง และพวกพ้อง ว่า คตส.รู้สึกตกใจ เมื่อได้รับหนังสือของอัยการสุงสุด แจ้งถึงความไม่สมบูรณ์ของสำนวน และเสนอตั้งคณะทำงานร่วม โดยสาเหตุที่ต้องตกใจ เพราะตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย. คตส.ได้รับการประสานจาก นายเสกสรร บางสมบุญ อธิบดีกรมอัยการพิเศษ ว่าให้ส่งเอกสารการไต่สวนในคดีดังกล่าว 12 ชุด ไปให้ในวันที่ 26 มิ.ย. เพื่อใช้ยื่นฟ้องต่อศาล ในวันที่ 27 มิ.ย. แต่คตส. ทำให้ไม่ทัน พอเช้าวันที่ 27 มิ.ย. กลับประสานมาอีกว่า ให้ คตส.นำเอกสารไปส่งให้ที่ศาลฎีกาเลย จะได้ไม่เสียเวลา และมีการเปลี่ยนแปลงอีกในช่วงสาย ให้ไปส่งให้ที่สำนักงานอัยการสุงสุด โดยทางสำนักงานอัยการสูงสุด จะส่งศาลเอง เมื่อเจ้าหน้าที่นำไปส่ง ได้รับแจ้งว่า ได้เสนอเรื่องต่ออัยการสูงสุดแล้ว แต่อัยการสูงสุด ยังไม่สั่งการลงมา ไม่แน่ใจว่าจะยื่นฟ้องต่อศาลได้ทันหรือไม่ จนในที่สุดก็มาทราบว่า อัยการสูงสุดแจ้งถึงความไม่สมบูรณ์ของสำนวน จึงทำให้ คตส.มีมติว่าไม่สามารถที่จะพิจารณาตั้งคณะทำงานร่วมได้ทัน จึงมีมติมอบให้ ป.ป.ช. รับคดีต่อไป

นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการ คตส. กล่าวว่า สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับอัยการสูงสุด เพราะมีคนหนึ่งแจ้งมาแล้ว แต่มากลับลำในภายหลัง ไม่เข้าใจว่าสำนวนไม่สมบูรณ์ตรงไหน เนื่องจากมีหลักฐานเชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ร่ำรวยผิดปกติจริง เมื่อมีข้อสงสัยอัยการสูงสุดแทบไม่ต้องทำอะไร แต่เป็นหน้าที่ของพ.ต.ท.ทักษิณที่จะต้องไปพิสูจน์กับศาลเอง

แหล่งข่าวจาก คตส.เปิดเผยว่า หนังสือแจ้งความไม่สมบูรณ์ครั้งนี้ นายชัยเกษม ได้มอบหมาย นายสุทธิ ภู่เอี่ยม รองอัยการสูงสุด นำหนังสือมาส่งที่ฝ่ายกฎหมายของ สตง. โดยหลังจากเจ้าหน้าที่รับเอกสารแล้วก็นำไปรายงานให้ที่ประชุมคตส. รับทราบ ทำให้คตส.บางคนถึงกับพูดว่า "ทำอย่างนี้หักหลังกันนี่หว่า"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากคตส.ได้รับทราบหนังสือดังกล่าวทำให้คตส.หลายคนอึ้ง และได้มีการยกกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 82 วรรค 2 มาหารือโดยมีความเห็นว่า คดีที่เกี่ยวกับการพิจารณาอายัดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดินในฐานะทนายของแผ่นดิน มีหน้าที่ที่จะต้องส่งฟ้องต่อศาลเพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มาพิสูจน์ทรัพย์สินในชั้นศาล แต่ที่ผ่านมา คตส.ได้เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มาพิสูจน์ทรัพย์สิน แต่ผู้ถูกล่าวหากลับเพิกเฉย โดยทิ้งระยะเวลาเพื่อใช้ข้ออ้างพ้นกำหนดระยะ 1 ปี แต่ คตส.ได้ปฎิบัติตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ซึ่งคำสั่งอายัดทรัพย์ไม่มีกำหนดระยะเวลาจนกว่าจะสิ้นสุดในชั้นศาล

ส่ง อสส.เชือดคดีบ้านเอื้อฯจันทร์นี้

นายแก้วสรร เปิดเผยว่านอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีมติ ชี้มูลสำนวนคดีการทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยจะส่งสำนวนให้อัยการสุงสุดภายในวันจันทร์ 30 มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการทำงานของคตส. โดยคดีดังกล่าวมีหลักฐานชัดเจน แน่นหนา โดยพบว่า นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พัฒนาสังคมฯ ตั้งเรื่องทุจริตขึ้นมาเองในการเรียกรับสินบนกว่า 1.4 พันล้านบาท และมีกระบวนการเรียกทวง รับและฟอกเงิน ผ่าน 9 บริษัท ซึ่งคตส. ตรวจสอบให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้ว ในกรณี บ.พาสทิญ่า ว่ามีความผิดชัดเจน

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า มีผู้ที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้ 8 ราย ประกอบด้วย นายวัฒนา เมืองสุข นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร น.ส. รัตนา แซ่เฮ้ง น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว น.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา และ บริษัทเพรสซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด โดยมีความผิดอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือ จูงใจเพื่อให้บุคคลใด มอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แก่ตนเอง หรือผู้อื่น หรือเป็นผู้สนับสนุนใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 ประมากอบมาตรา 86

นายแก้วสรร ยังกล่าวถึงคดีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงกทม.ว่า อนุกรรมการไต่สวนที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธานได้สรุปสำนวนเสนอให้ที่ประชุมคตส.พิจารณาตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากมีเวลาจำกัดและสำนวนที่เสนอมามีจำนวนมากและซับซ้อนคตส.จึงพิจารณาไม่ทันจึงต้องส่งให้ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ และป.ป.ช.สามารถมีมติสั่งฟ้องได้เลย หรืออาจตั้งอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวนเพิ่มเติมได้
กำลังโหลดความคิดเห็น