คตส.ถกนัดสุดท้าย โวยอัยการสูงสุดตุกติกเตะถ่วงคดียึดทรัพย์ “แม้ว” 7.6 หมื่นล้าน แฉส่งหนังสือโยกโย้ตลอดแถมให้เปลี่ยนแปลงสถานที่ส่งมอบสำนวนตลอดจนกระทั่งล่าสุดตีกลับให้ตั้งกรรมการร่วมในนาทีสุดท้ายเพื่อให้คตส.พิจารณาไม่ทันเพราะหมดวาระในวันจันทร์นี้ ยังไม่เข็ดคดีบ้านเอื้ออาทรฟัน “วัฒนา” จันทร์นี้ ส่วนคดีดับเพลิงสรุปไม่ทันส่งต่อปปช.
วันนี้ (27 มิ.ย.) ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งถือว่าเป็นนัดสุดท้ายของการทำงานในการพิจารณาคดีความต่างๆ เนื่องจากในวันจันทร์ที่ 30 มิ.ย.คตส.จะหมดวาระ ไม่มีวาระพิจารณาคดีความ มีเพียงการเตรียมการไปพูดในเวทีอภิปรายเรื่อง “เงินแผ่นดินนั้นคือเงินของประชาชนทั้งชาติ”
ภายหลังการประชุม นายสัก กอแสงเรือง ในฐานะโฆษก คตส.แถลงถึงความคืบหน้าในการส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณาส่งฟ้องต่อศาลแพ่ง เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท ในคดีการออกนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้องว่า คตส.รู้สึกตกใจเพราะได้มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดว่าจะเกิดกับวงราชการ คือในช่วงบ่ายทางคตส.ได้รับหนังสือของอัยการสุงสุดแจ้งถึงความไม่สมบูรณ์และขอเสนอตั้งคณะทำงานร่วม โดยสาเหตุที่ต้องตกใจ เพราะตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย. คตส.ได้รับการประสานจากนายเสกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีกรมอัยการพิเศษ ว่าให้ส่งเอกสารการไต่สวนในคดีดังกล่าว 12 ชุด ไปให้ในวันที่ 26 มิ.ย. เพื่อใช้ยื่นฟ้องต่อศาลในวันที่ 27 มิ.ย. แต่คตส.ทำให้ไม่ทัน พอเช้าวันที่ 27 มิ.ย. กลับประสานมาอีกว่าให้คตส.นำเอกสารไปส่งให้ที่ศาลฎีกาเลย จะได้ไม่เสียเวลา และมีการเปลี่ยนแปลงอีกในช่วงสายให้ไปส่งให้ที่สำนักงานอัยการสุงสุด โดยทางสำนักงานอัยการสูงสุดจะส่งศาลเอง
เมื่อเจ้าหน้าที่นำไปส่ง ได้รับแจ้งว่าได้เสนอเรื่องต่ออัยการสูงสุดแล้ว แต่อัยการสูงสุดยังไม่สั่งการลงมา ไม่แน่ใจว่าจะยื่นฟ้องต่อศาลได้ทันในวันนี้หรือไม่ จนในที่สุดก็มาทราบว่าอัยการสูงสุดแจ้งถึงความไม่สมบูรณ์ของสำนวน จึงทำให้คตส.มีมติว่าไม่สามารถที่จะพิจารณาตั้งคณะทำงานร่วมได้ทัน จึงมีมติมอบให้ ป.ป.ช.รับคดีต่อไป
นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการ คตส.กล่าวว่า สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับอัยการสูงสุด เพราะมีคนหนึ่งแจ้งมาแล้วแต่มากลับลำในภายหลัง ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุในลักษณะนี้มาก่อน ไม่เข้าใจว่าสำนวนไม่สมบูรณ์ตรงไหน เนื่องจากมีหลักฐานเชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณร่ำรวยผิดปกติจริง เมื่อมีข้อสงสัยอัยการสูงสุดแทบไม่ต้องทำอะไร แต่เป็นหน้าที่ของพ.ต.ท.ทักษิณที่จะต้องไปพิสูจน์กับศาลเอง
แหล่งข่าวจาก คตส.เปิดเผยว่า หนังสือแจ้งความไม่สมบูรณ์ครั้งนี้ นายชัยเกษมได้มอบหมาย นายสุทธิ ภู่เอี่ยม รองอัยการสูงสุด นำหนังสือมาส่งที่ฝ่ายกฎหมายของ สตง. โดยหลังจากเจ้าหน้าที่รับเอกสารแล้วก็นำไปรายงานให้ที่ประชุมคตส.ชุดใหญ่รับทราบ ทำให้คตส.บางคนถึงกับพูดว่า “ทำอย่างนี้หักหลังกันนี่หว่า”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก คตส.ได้รับทราบหนังสือดังกล่าวทำให้ คตส.หลายคนอึ้ง และได้มีการยกกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 82 วรรค 2 มาหารือโดยมีความเห็นว่า คดีที่เกี่ยวกับการพิจารณาอายัดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดินในฐานะทนายของแผ่นดินมีหน้าที่ที่จะต้องส่งฟ้องต่อศาลเพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มาพิสูจน์ทรัพย์สินในชั้นศาล แต่ที่ผ่านมา คตส.ได้เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มาพิสูจน์ทรัพย์สิน แต่ผู้ถูกล่าวหากลับเพิกเฉยโดยทิ้งระยะเวลาเพื่อใช้ข้ออ้างพ้นกำหนดระยะ 1 ปี แต่ คตส.ได้ปฎิบัติตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ซึ่งคำสั่งอายัดทรัพย์ไม่มีกำหนดระยะเวลาจนกว่าจะสิ้นสุดในชั้นศาล
นายแก้วสรร เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีมติชี้มูลสำนวนคดีการทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยจะส่งสำนวนให้อัยการสุงสุดภายในวันจันทร์ 30 มิ.ย.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการทำงานของ คตส. โดยคดีดังกล่าวมีหลักฐานชัดเจน แน่นหนา โดยพบว่านายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้งเครื่องทุจริตขึ้นมาเองในการเรียกรับสินบนกว่า 1.445 พันล้านบาท และมีกระบวนการเรียกทวง รับและฟอกผ่าน 9 บริษัท ซึ่งคตส.ตรวจสอบให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้ว ในกรณี บ.พาสทิญ่า ว่ามีความผิดชัดเจน
แหล่งข่าวจาก คตส.เปิดเผยว่า สำหรับผู้ที่ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าวมีจำนวน 8 ราย ประกอบด้วย นายวัฒนา เมืองสุข นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว น.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา และ บริษัทเพรสซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด โดยมีความผิดอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือ จูงใจเพื่อให้บุคคลได มอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แก่ตนเอง หรือผู้อื่น หรือเป็นผู้สนับสนุนใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 ประมากอบมาตรา 86
นายแก้วสรร ยังกล่าวถึงคดีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง กทม.ว่า อนุกรรมการไต่สวนที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธานได้สรุปสำนวนเสนอให้ที่ประชุม คตส.พิจารณาตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากมีเวลาจำกัดและสำนวนที่เสนอมามีจำนวนมากและซับซ้อนคตส.จึงพิจารณาไม่ทันจึงต้องส่งให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ และป.ป.ช.สามารถมีมติสั่งฟ้องได้เลย หรืออาจตั้งอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวนเพิ่มเติมได้
เมื่อถามว่า สาเหตุที่ไม่สามารถพิจารณาได้เพราะเกี่ยวข้องกับปัญหาลูกชายนายนาม หรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า นายนามได้มาชี้แจงในคณะอนุกรรมการ และหลังจากฟังการชี้แจงแล้วคณะอนุกรรมการไม่ได้ติดใจ ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเรื่องดังกล่าวส่งไปที่ ป.ป.ช.แล้ว นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.สามารถลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ได้หรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า คดียังไม่ได้อยู่ในชั้นศาล และนายอภิรักษ์ก็ยังไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหา ถ้าต้องการจะสมัครผู้ว่าฯ กทม.ก็สามารถทำได้