ปธ.คตส.ยืนยัน อสส.จะเป็นเจ้าภาพยื่นคำฟ้อง “ทักษิณ” ในคดีแพ่งพ่วงให้ศาลยึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน เมินเหลี่ยมฟ้องศาล รธน.ตีความอำนาจ มอบหมายทนายความยื่นฟ้อง “ทักษิณ” ต่อศาลฎีกาคดีกรณีเอ็กซ์ซิมแบงก์ทุจริตเพิ่มวงกู้ให้พม่า
วันนี้ (27 มิ.ย.) นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากอัยการสูงสุดแล้วว่า จะเป็นผู้ยื่นคำฟ้องในคดีแพ่ง กรณีที่ คตส.กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจหน้าที่ปฏิบัติราชการแผ่นดินโดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจของตนเองและพวกพ้อง ในข้อหาคงถือไว้ซึ่งหุ้นสัมปทาน และร่ำรวยผิดปกติ โดยจะให้ศาลยึดทรัพย์จำนวน 76,000 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน ภายหลังจากที่ คตส.ได้ยื่นเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเป็นเวลาเกือบ 30 วัน ตามกำหนด โดยในครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่าง คตส.และอัยการสูงสุด เพราะมีความเห็นที่ตรงกัน
สำหรับบรรยากาศโดยทั่วไปที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิ (สตง.) ภายหลังอัยการสูงสุดแจ้งว่าจะรับเป็นผู้ฟ้องร้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อศาล เพื่อให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินนั้น เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมเอกสารหลักฐานจำนวนหลายกล่อง เพื่อนำไปส่งให้ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ใช้ประกอบการยื่นฟ้องต่อไป
นายสิทธิโชค ศรีเจริญ ทนายความ ซึ่งรับมอบอำนาจจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้กิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) นำเอกสารสำนวนคดีจำนวน 7 ลังใหญ่ มามอบให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดหรือดูแลกิจการใด แล้วเข้ามามีส่วนได้เสียเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง/และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จากกรณีสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซิมแบงก์ เพิ่มวงเงินกู้ให้ประเทศพม่าจาก 3,000 ล้านบาท เป็น 4,000 ล้านบาท สำหรับพัฒนาระบบโทรคมนาคม ในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าทุน อีกทั้งยังขยายการปลดชำระหนี้จาก 2 ปี เป็น 5 ปี เพื่อผลประโยชน์ของบริษัทชินแซทเทิลไลท์ จำกัด มหาชน ทำให้กระทรวงการคลังเสียหายเป็นเงิน 140 ล้านบาท และเอ็กซิมแบงก์เสียหายรวม 670 ล้านบาท
ทั้งนี้ ศาลฎีกาจะประชุมเลือกองค์คณะผู้พิพากษา 9 คน เพื่อพิจารณาสำนวน ก่อนนัดฟังคำสั่งคดีต่อไป
นายสิทธิโชค กล่าวด้วยว่า แม้ขณะนี้อำนาจของ คตส.กำลังอยู่ในระหว่างการตีความของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ทุกคดีที่ คตส.ส่งฟ้องศาล ยังดำเนินไปตามปกติ ไม่ได้ได้หยุดชะงัก เพื่อรอฟังผลการตีความของศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด
