อัยการแถลงโต้ คตส.ใจร้อน สร้างภาพรีบฟ้องคดี ทั้งที่เตรียมฟ้องศาลให้แล้ว ระบุที่ผ่านมา คตส.ถือตนเป็นอาจารย์ เห็นอัยการเป็นนักกฎหมายเด็กๆไม่เคยรับฟังความเห็น
วันนี้ (2 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด สนามหลวง นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะทำงานอัยการพิจารณาสำนวนคดีของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมคณะ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่ คตส.ได้แถลงสรุปผลการดำเนินงานต่อสาธารณชนที่ห้องประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับคดีของ คตส.ที่ส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณา ซึ่งมีข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อน
นายวัยวุฒิ กล่าวว่า คตส.ได้ส่งรายงานการตรวจสอบไต่สวนให้ อสส.พิจารณารวม 11 คดี ซึ่ง อสส.ได้มีคำสั่งฟ้องและยื่นฟ้องไปแล้ว 2 คดี ได้แก่ คดีหลีกเลี่ยงภาษีฯ และคดีที่ดินรัชดาภิเษก ส่วนที่ อสส.แจ้งข้อไม่สมบูรณ์ ได้แก่ คดีหวยบนดิน คดีกล้ายาง คดีเอ็กซิมแบงก์ คดีซีทีเอ็กซ์ และคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 76,000 ล้านบาท สำหรับคดีแอมเพิลริช คดีท่อร้อยสายไฟ คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้เครือกฤษฎามหานคร และคดีบ้านเอื้ออาทร อยู่ระหว่างการพิจารณา คตส.ไม่น่าใจร้อนฟ้องคดีหวยบนดิน คดีกล้ายาง และคดีเอ็กซิมแบงก์เอง ซึ่งเป็นการข้ามขั้นตอนควรรอให้ อสส.มีความเห็นก่อน ไม่น่าสร้างกระแส ควรคุยกันด้วยเหตุผล
นายวัยวุฒิ กล่าวว่า คดีที่ อสส.แจ้งข้อไม่สมบูรณ์ไปยัง คตส.ดังกล่าวทั้งหมด ไม่ใช่เป็นกรณีที่ อสส.มีความเห็นหรือคำสั่งไม่ฟ้องผู้ถูกกล่าวหา หรือได้มีความเห็นแย้งหรือแตกต่างกับ คตส.จึงมิใช่เป็นการตัดสะพานเชื่อเพื่อมิให้คดีขึ้นสู่ศาล การแจ้งข้อไม่สมบูรณ์เพื่อต้องการรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์เพื่อพิสูจน์ความผิดของผู้ถูกกล่าวหาตามข้อกล่าวหา อีกทั้งเป็นการปฏิบัติตามาอำนาจหน้าที่ปกติ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 ม.11
นายวัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ข้อไม่สมบูรณ์ไม่ใช่เป็นข้อที่ไม่อาจปฏิบัติได้ และไม่ใช่เป็นกรณีที่ไม่เคยปฏิบัติมาก่อน แต่เป็นข้อไม่สมบูรณ์ที่คณะทำงานร่วมระหว่างผู้แทน อสส.และ คตส. สามารถรวมรวบให้สมบูรณ์ได้โดยง่าย เพื่อส่งให้ อสส.พิจารณาสั่งคดีและฟ้องได้ทันก่อนหมดอายุของ คตส. ยกเว้นคดีเอ็กซิมแบงก์ และคดีซีทีเอ็กซ์ ที่ คตส.ส่งมาให้พิจารณาในภายหลัง ในคดีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น อสส.ก็เคยแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ให้ ป.ป.ช.ทราบเป็นปกติประจำ
“คตส.มองอัยการเป็นนักกฎหมายเด็กๆ แต่ตัวเองเป็นอาจารย์กฎหมายระดับมหาวิทยาลัย ในการประชุมคณะทำงานร่วมไม่ว่าอัยการจะเสนออะไร คตส.เห็นเป็นไม่เข้าท่า ชี้แจงประเด็นไหนเห็นตรงข้ามตลอด ถ้าอัยการไม่มีดุลพินิจกลั่นกรอง ก็เปรียบเหมือนไปรษณีย์ส่งสาร อย่างนั้นไม่ต้องมีอัยการก็ได้” นายวัยวุฒิ กล่าว และว่าการยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อสส.ต้องส่งสำนวนการตรวจสอบไต่สวนของ คตส. ต่อศาลในวันยื่นฟ้อง เพื่อศาลจะได้ใช้เป็นหลักในการพิจารณาไต่สวนหาข้อเท็จจริง พยานหลักฐานใดที่ไม่สมบูรณ์อาจทำลายความน่าเชื่อถือของพยาน และอาจเป็นพยานหลักฐานที่อาจรับฟังไม่ได้ การแจ้งข้อไม่สมบูรณ์จึงเป็นการปิดข้อปกพร่องของคดีเพื่อมิให้เกิดความเสียหาย ที่อาจเป็นเหตุให้ศาลพิพากษายกฟ้อง การที่จะเอาคนเข้าคุก ต้องยึดข้อนี้เป็นหลัก
นายวัยวุฒิ กล่าวว่า แม้ก่อนหน้านี้จะมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับอำนาจของ คตส.และเป็นเวลาที่อยู่ระหว่างรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีเหตุผูกพันทุกคดีที่ คตส.ส่งสำนวนให้ อสส.พิจารณา แต่ อสส.ก็ได้พิจารณาสำนวนไปตามกรอบระยะเวลาของกฎหมาย ไม่เคยที่จะตัดอำนาจของ คตส.ไม่ว่าจะเป็นอำนาจตรวจสอบไต่สวนหรืออำนาจฟ้อง การที่ อสส.ตั้งคณะทำงานพิจารณาคดีของ คตส.เพื่อให้การพิจารณา สำนวนคดีของ คตส.เป็นไปอย่างรอบครอบทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างถูกต้องและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย บางคดี อสส.เตรียมจะยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหาต่อศาลโดยบางสำนวนได้ร่างคำฟ้องไว้แล้ว แต่ คตส.กลับขอสำนวนคืนแล้วนำคดีไปยื่นฟ้องเอง อัยการก็ไม่ได้รับแก้ต่างให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกฟ้องเป็นจำเลย แม้จำเลยจะมีหนังสือร้องขอมาก็ตาม เพราะเห็นว่า คตส.เป็นหน่วยงานของรัฐเช่นกัน
“ที่ คตส.ตั้งข้อสังเกตว่าถูกอัยการหลอกในคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยให้ คตส.ถ่ายเอกสารไปให้ อสส.เพื่อยื่นคำร้องขอให้ยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน แต่ อสส.กลับไม่ยื่นคำร้องให้นั้น ถือเป็นเรื่องปกติที่ คตส.ซึ่งเป็นตัวความจะต้องจัดเตรียมเอกสารให้ อสส.สำหรับส่งต่อศาลในวันยื่นคำร้อง และ อสส.ก็เตรียมยื่นคำร้องให้แล้ว แต่ยังมีข้อไม่สมบูรณ์เรื่องจำนวนเงินให้ยึด 76,000 ล้าน แต่อายัดไว้ 69,000 ล้าน ส่วนที่เหลือไม่ปรากฏแล้วอัยการจะร่างฟ้องอย่างไร” นายวัยวุฒิกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การชี้แจ้งข้อไม่สมบูรณ์เปรียบเสมือนการชี้ช่องข้อต่อสู้ให้จำเลยหรือไม่ นายวัยวุฒิ กล่าวว่า การฟ้องร้องคดีอัยการต้องนำสืบพยาน ถ้าบกพร่องก็ต้องอุด การฟ้องคดีศาลฎีกาใช้ระบบไต่สวน ถ้ามีข้อไม่สมบูรณ์แล้วศาลไม่สอบถามเพิ่มเติม แล้วแพ้คดี อัยการก็ต้องรับถูกกล่าวหาว่าไม่ใช่ความระมัดระวัง อัยการปฏิบัติหน้าที่ราชการเป็นความลับมาโดยตลอด หลังแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ให้ คตส.สอบเพิ่มเติม ไม่ทราบว่าสื่อมวลชนรู้ได้อย่างไร รู้แม้กระทั่งเลขหนังสือคำสั่ง ตนสุดแสนจะรันทด ทำงานมาตลอดชีวิตจนจะเกษียณ ข้อมูลไม่เคยหลุด