"สนธิ"จุดประกายความคิดล้างระบบการเมืองเก่า ก้าวสู่"การเมืองใหม่" ต้องสลายระบบทุน ระบบแก๊งพรรคการเมือง เพื่อสกัดการเข้ามาหาผลประโยชน์ ชี้ต้องทำให้ทุกภาคส่วนของประเทศมีส่วนร่วมในการกำหนดชะตาประเทศไทย ไม่ใช่ส.ส.ที่ถูกผูกขาดจากทุนพรรคการเมือง ระบุทหาร ต้องไม่อยู่ในอาณัตินายกรัฐมนตรี และทหารพร้อมเข้ามาบริหาร หากรัฐบาลขาดคุณธรรม คอร์รัปชั่น ลั่น การเมืองใหม่ ทำให้ประชาชนทั่วประเทศอยู่ดีมีสุข บิ๊กทหารอัด "หมัก"ไร้จิตสำนึกรักษาอธิปไตย
นายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการนำประเทศไทยไปสู่การเมืองใหม่ ว่า ปัจจุบันพรรคการเมืองต่างๆ ก็เปรียบเสมือน บริษัทจำกัด ที่ต้องมีผู้ถือหุ้น ไม่ว่าจะเป็นพรรคนายพินิจ จารุสมบัติ คุมอีสานเหนือ พรรคนายสุวัฒน์ ลิปตพัลลภ คุมอีสานใต้ พรรคนายบรรหาร ศิลปอาชา คุมภาคกลาง กลุ่มเหล่าจะว่าไปแล้วไม่ใช่พรรคการเมืองแต่เป็น "แก๊งการเมือง" การเมืองเก่า คือ แก๊งอัทธพาล ระบบก๊วน ดังนั้น วันนี้ เราต้องทำลายระบบการเมืองเก่าให้พินาจ ไม่ใช่เพียงแค่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรติดคุกและรัฐบาลออกไป นั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่เราต้องเปลี่ยนแปลงการเมืองแบบเก่า
"คงไม่มีใครจะบ้านำเงินมา 30-40 ล้านบาท เพื่อหาเสียงแล้วเข้าไปนั่งเป็นส.ส. เพื่อหวังกินเงินเดือนเพียงไม่กี่แสนบาท ไม่เชื่อ ถ้าไม่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ นั้นหมายความว่า ทุกวันนี้ สภาพพรรคการเมือง คือ บริษัท จำกัด การเมืองเก่า คือ ทุน ใครมีเงินเราก็ไปกราบไหว้ ใครทำอะไรจัญไร ก็ถูกซ้อน และหากจะให้ประเทศไทยคือ ผลประโยชน์ก้อนหนึ่ง ผลประโยชน์ก้อนนี้ จะต้องถูกจัดสรรปันผลให้เท่าเทียมกัน แต่ถูกวันนี้ ผลประโยชน์ทุกวันนี้ ไม่ได้ถูกกระจายออกมา แต่ถูกผูกขาดเพียงคนไม่กลุ่มในขณะนี้ ทุกๆครั้ง ที่มีการเลือกตั้ง เพียงไม่ถึง 4 วินาที ก็จบ คนที่ได้รับเลือกตั้ง ก็ไม่สนใจพี่น้องแล้ว ประชาชนที่โดนหลอก ได้ไป 300-500 บาทแล้ว สุดท้ายก็เป็นคนรับใช้ และเมื่อเข้ามามีอำนาจแล้ว ก็ย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด ย้ายตำรวจ เอางบประมาณมาลด แลก แจก แถม แล้วอ้างว่าประชาชนเลือกตั้งเข้ามา ดูอย่างเขาพระวิหาร ก็ต้องยกให้เขมร แลกผลประโยชน์แหล่งแก๊ส "นายสนธิกล่าว และยืนยันว่า การเมืองแบบเก่า ผมยังไม่เห็นอะไรดีขึ้นเลย ตอนนี้ ลงลึกถึงอปท. อบต. ถ้าไม่มีเงินมา ก็จะไม่เซ็นงานออกไป
นายสนธิ กล่าวตั้งคำถามว่า "ประเทศไทย" คืออะไร ประเทศไทย คือ ที่รวบรวมของคนทุกชนชั้น ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา มาร่วมกันอยู่ ภายใต้สัญญาณของชาติ อันมีพระมหากษัตริย์ของเราที่ดำรงอยู่คู่ประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ตำรวจ ทหาร พ่อค้า เราก็ไม่สามารถลบเค้าออกจากสังคมได้
"การที่เราไม่เล่นการเมือง เพราะการเมืองเก่าสกปรก ไม่เปิดโอกาสให้คนจิตใจดี คนตั้งใจทำงาน เข้าไปทำงาน ด้วยเหตุนี้ เราจะทำอย่างไรที่จะออกแบบการเมืองแบบใหม่ ที่ให้ทุกส่วนของสังคมมีสิทธิ์ในผลประโยชน์ร่วมกัน"นายสนธิ กล่าว
โดยการเมืองใหม่ที่ว่า จะต้องมีหลักการ มีสิทธิเสรีภาพในการทำมาหากินเท่าเทียมกัน ไม่ใช่บริษัทขนาดใหญ่ได้สิทธิ์กู้เงินจากสถาบันการเงินในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าคนอื่น แต่เราต้องทำให้เท่าเทียมกัน เสมอภาค เนื่องจากเงิน คือ ทรัพย์กร ที่ทุกคนต้องได้รับเท่าเทียมกัน การเมืองใหม่ หากทำธุรกิจสีเทา ต้องเสียภาษีแพงกว่าเรา การเมืองใหม่ ต้องก่อตั้งมหาลัยเปิดอีก 8 แห่ง ให้เรียนฟรี เข้าเรียนง่ายแต่จบยาก การเมืองใหม่ เวลาประมูลรถไฟรางคู่ ต้องเปิดเผย ต้องถ่ายทอด การเมืองใหม่จะไม่ซื้อรถเมล์ใหม่ 6 พันคัน แต่จะซื้อรถร้อน และรถราคาด้วย และจะไม่ต้องมีเงินละล้านเข้าสู่กระเป๋านักการเมือง การเมืองใหม่ ทำให้บ้านราคาถูกลงได้ ทำให้ค่าครองชีพถูกลง ทำให้น้ำมันถูกลง ทำให้ประเทศไทยคงอยู่ ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ได้"นายสนธิ ล่าว
หรือแม้แต่ การกำหนดสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์(ส.ส.)นั้น ทำไหมต้องนับจำนวนประชากร แล้วบอกว่าจ.นี้มีส.ส.กี่คน เล่นง่ายๆไปเลย จังหวัดหนึ่งมีส.ส.1 คนเหมือนส.ว.ไปเลย การเมืองใหม่จะทำให้น้ำมันถูกลง เพราะการเมืองใหม่จะไม่ผูกขาดโดยสภา นายทุนจะมาบอกให้ประเทศไทยหันซ้ายหันขวาไม่ได้แล้ว การเมืองใหม่ คือ การมีส่วนร่วมของประชาชนทุกส่วน การเมืองใหม่ ควรให้ตำรวนนครบาล ควรอยู่กับกทม. ถ้าตำรวจรังแกประชาชนก็ไม่ต้องเลือกผู้ว่ากทม.มา ส่วนตำรวจภาค ก็ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวน หรือแม้แต่แทุกวันนี้ที่พี่น้องมาร่วมชุมนุม คือ การเมืองใหม่ คือ การมีเวทีใหม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทำนโยบายและบริหารประเทศ
ทหารกับการเมืองใหม่ ต้องขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แต่ทหารมีสิทธิ์เข้ามาบริหารประเทศ หากรัฐบาลมีการทุจริตคอรัปชัน รัฐบาลบริหารโดยขาดคุณธรรม ถ้ามีการยกอธิปไตรของประเทศ ทหารก็มีสิทธิ์เข้ามาบริหารประเทศทันที ที่เหลือนอกจากนี้ ทหารไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว แต่วันนี้ ทหารอยู่ใต้การเมือง
อัด"หมัก"ไร้จิตสำนึกรักษาอธิปไตย
วานนี้ (4 ก.ค.) ที่เวทีพันธมิตรฯ ในช่วงรู้ทันประเทศไทย ดำเนินรายการโดยนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และ นายสันติสุข มะโรงศรี โดยมีวิทยากร คือพล.อ.อ.เทอดศักดิ์ สัจจรักษ์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการลำน้ำโขง(นปข.) รวมทั้งอดีตผู้บัญชาการเรือรบ ซึ่งปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยสะท้อนท่าทีของทหารในกองทัพเวลานี้
พล.ร.ท.ประทีป ย้ำว่า ระดับผู้บัญชาการ และรมว.กลาโหม ต้องมีความสำนึกรักชาติ แต่เสียใจที่เห็นคนที่เป็น รมว.กลาโหม ถึงกล้าพูดว่า ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมรมานานตั้ง 45 ปีแล้ว ถ้าพูดแบบนี้ ถือว่าจิตสำนึกในการรักษาอธิปไตยของชาติบกพร่อง เพราะถือว่าเป็นพวกเดียวกับ พวกบกพร่องโดยสุจริต
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวว่า ปัญหาเขตแดนวันนี้ ส่วนใหญ่มีปัญหามาจากการที่ฝรั่งเศส ใช้อำนาจบาตรใหญ่เอาเปรียบไทย ซึ่งมีผลทำให้เกิดข้อพิพาทในเรื่องประสาทพระวิหาร และเนื้อที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรแล้ว ยังมีพื้นที่ในทะเลอีก 2 หมื่นตารางกิโลเมตร และมีทรัพยากรน้ำมันและก๊าซอีกมหาศาล ซึ่งต่อมาเขมรได้ใช้แผนที่ของฝรั่งเศส ที่กำหนดให้ลากเส้นเริ่มจากหลัก กม.ที่ 43 ที่ อ.คลองใหญ่ ต.ตราด ลากลงทะเล ซึ่งจะทำให้กินพื้นที่เกาะกูดเกือบครึ่งเกาะ
อดีตนายทหารเรือผู้นี้ ยังระบุว่า ที่ผ่านมา มีนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งได้พยายามเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาอยู่ตลอดเวลา และนี่คือเป้าหมายในการเข้าครอบครองอำนาจให้ได้
เมื่อถามว่า แล้วทหารทำไมถึงยังทนได้ พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ กล่าวว่า ตนเองไม่เข้าใจทหารระดับผู้บังคับบัญชาในยุคปัจจุบันคิดอะไรกันอยู่ อย่างไรก็ตามไม่ควรไปตำหนิทหารชั้นผู้น้อย แต่ที่ควรตำหนิ คือ ผู้บังคับบัญชา และขอตำหนิเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆว่า พวกท่านไม่เอาไหน ที่ผ่านมา คมช.ไม่เอาไหนมีการรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 มีอำนาจแต่ไม่ทำอะไรเลย
ส่วนขณะนี้กองทัพยังเป็นหนึ่งเดียวกันหรือไม่ พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องอธิปไตยของชาติ เป็นหนึ่งเดียว แต่ในระดับผู้บังคับบัญชาไม่มั่นใจ ยกตัวอย่างกรณีหากมีการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงตามปกติทหารจะทนไม่ได้ แต่นี่ยังทนอยู่ได้อย่างไร เคยเรียกร้องให้นายทหารแสดงท่าทีต่อรมว.กลาโหม แต่ผ่านไป 40 วัน กลับไม่ทำอะไร พร้อมกันนี้ ได้เรียกร้องให้ทหารออกมาร่วมกับประชาชน และปกป้องประชาชน ที่พูดนี่ไม่ได้หมายความว่าให้ทำรัฐประหาร แต่ให้ออกมาร่วมกัน
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวทำนองเดียวกัน โดยเรียกร้องให้ทหารออกมายืนเคียงข้างประชาชน ด้วย
ชัยชนะภาคประชาชน
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนพันธมิตรฯ กล่าวว่า การมาชุมนุมในครั้งนี้อยากให้ประชาชนที่มาชุมนุมได้มีความมั่นใจว่าจะประสบในชัยชนะอย่างแน่นอน และในชัยชนะในครั้งนี้จะไม่ใช่เพียงแค่ขับไล่รัฐบาลหรือคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลชุดนี้เท่านั้น แต่จะเป็นชัยชนะที่ทำการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแบบเก่าไปสูงการเมืองใหม่ที่ดีกว่าเหมือนเดิม
นอกจากนี้ พล.ต.จำลอง ยังกล่าวถึง ทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศที่มาร่วมในรายการรู้ทันประเทศไทยเมื่อเวลา 19.00 ที่ผ่านมาว่า การชุมของพันธมิตรแบบนี้เป็นการทำให้ ทหารทั้ง 3 เหล่าทัพได้เข้ามาพบปะกัน รวมถึง นายทหารและนายตำราจทุกชั้นยศที่เข้ามาร่วมชุมนุมกับพี่น้องประชาชนด้วยและขณะเดียวกันในวันนี้ยังมีทหารและประชาชนทางบ้านได้บริจาคเงินให้แก่พันธมิตรเป็นจำนวนหลายแสนบาท ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าตำรวจ ทหารทั้ง 3 เหล่าทัพทุกชั้นยศยังร่วมต่อสู้กับพันธมิตร
ทั้งนี้ ในช่วงที่ พล.ต.จำลอง ได้เริ่มขึ้นเวทีปราศัยนั้น ได้มีตัวแทนนักเรียนนักศึกษาจาก วิทยาลัยทัศนะศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม ขึ้นมามอบดอกไม้เพื่อให้กำลังใจกับแกนนำพันธมิตรฯ ด้วย
สตช.ระดมตร.รับมือพันธมิตรฯบุก 7 ก.ค.
พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะเดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเร่งรัดการดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่ม นปก. ในวันจันทร์นี้ (7 ) พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ได้เตรียมกำลังจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 และตำรวจสันติบาล ดูแลรักษาความปลอดภัย และจัดการจราจรโดยรอบบริเวณ ส่วนจะปิดถนนหรือไม่ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
ความคืบหน้าคดีที่ นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ และหนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ข้อหาหมิ่นเบื้องสูง พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า เมื่อมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษพนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบมีมูลความผิดต้องเรียกผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง หากออกหมายเรียกแล้วไม่มาพบพนักงานสอบสวนจะขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป
เตรียมการต้อนรับ "น้องเขยแม้ว"
ขณะที่นายสมชาย หยีสัน หนึ่งในแกนนำกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ จะเดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่ จ.ภูเก็ต วันศุกร์ที่ 11 ก.ค.นี้ว่า ทางกลุ่มพันธมิตร 3 จังหวัดอันดามัน ก็เตรียมการต้อนรับท่านไว้แล้วเหมือนกัน ซึ่งทราบมาว่าท่านได้ประสานของกำลังเจ้าหน้าที่ สห.ทหารเรือมาทำหน้าที่อารักขา ซึ่งก็ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องกำหนดการว่า ท่านจะเดินทางมาจริงหรือไม่
"แต่ถึงแม้ว่าท่านรัฐมนตรีจะจัดเตรียมเจ้าหน้าที่หน่วยใดไว้อารักขา พวกเราก็ไม่สนใจ เพราะจุดยืนของพวกเรา เพียงต้องการแสดงออกให้คณะรัฐบาลนอมินีทราบเท่านั้นว่า ยังมีประชาชนคนไทยอีกส่วนหนึ่งไม่ชื่นชอบการบริหารงานประเทศภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างที่พวกท่านกำลังกระทำกันอยู่ พวกเราไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงใดๆ ขึ้น เพราะพวกเราต่อสู้แบบอารยะขัดขืน ยึดหลักอหิงสา"
ยืนยันเจตนารมณ์ไล่ระบอบทักษิณ
นายณัชจรงค์ เอกเพิ่มทรัพย์ ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าวว่า ผ่านมา 1 ปีตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.50 กับการรวมตัวของผู้ที่มีอุดมการณ์เดียวกันทางการเมืองภาคประชาชน เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เหนือสิ่งอื่นใดในชีวิต หลังการก่อรัฐประหาร แกนนำพันธมิตรฯ ยุติบทบาทลงชั่วคราว แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัดยังคงมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา จนก่อเกิด "กลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต" มาจนถึงวันนี้
ไม่ว่าเหตุการณ์ใดๆ จะเกิดขึ้นมาใหม่ หรือที่ผ่านมา พี่น้องพันธมิตรภูเก็ตก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ที่ตั้งมั่นในการต้อสู้กับระบอบการเมืองการปกครองทุนนิยม ที่หวังกอบโกยผลประโยชน์ของประเทศชาติเข้ากระเป๋าตัวเอง และพวกพ้อง โดยเฉพาะรัฐบาลยุคที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เคยนึกว่าคนที่มีฐานะดีอยู่แล้วจะไม่โกงไม่กิน แต่หลายคนก็คิดผิด เพราะมันกลับกลายเป็นว่า ยิ่งหนักกว่าคนที่มีฐานะยากจน และปานกลาง
"เรายืนยันว่า กลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต แม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่จะร่วมต่อสู้กับพี่น้องพันธมิตรทั่วประเทศ และ 5 แกนนำ ขับไล่ระบอบทักษิณจนกว่าจะได้รับชัยชนะ ไม่ท้อ ไม่ถอย ไม่ยอมแพ้ และไม่เลิก ขอให้พี่น้องพันธมิตรทั่วประเทศจงเป็นกำลังใจให้แก่กันและกัน สงบ สันติ และอหิงสา ตามคำพูดของ 5 แกนนำ แล้วพวกเราก็จะได้รับชัยชนะที่สวยงาม เพราะความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่บริสุทธิ์ต้องมาจากภาคประชาชนอย่างแท้จริง" ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าว
มท.1 ทำให้รวมพันธมิตรฯ อันดามัน
ด้านนายกฤช เทพบำรุง รองประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้พี่น้องพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยทั้ง 3 จังหวัดอันดามัน ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ได้รวมตัวกันแล้วเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่พบปะกันโดยไม่ได้นัดหมาย จากการเดินทางมาให้การต้อนรับ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ขณะเดินทางมาตรวจราชการ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา บริเวณหน้าสนามบินนานาชาติภูเก็ต และที่โรงแรมที่พักของ มท.1 ที่ จ.กระบี่ ถือว่า เป็นความอนุเคราะห์ของ มท.1 ที่ยากจะหาอะไรมาตอบแทนท่าน ที่ทำให้พวกเรา 3 จังหวัดอันดามันรวมตัวกันได้อย่างสวยงาม และเข้มแข็ง ปัจจุบันการเคลื่อนไหวใด ๆ ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้ง 3 จังหวัดจะมีการติดต่อประสานงาน และหารือรูปแบบกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รูปแบบการทำงานมีเอกภาพ เราไม่มีให้จังหวัดใดเป็นหลัก เพราะพวกเราคือ "พี่น้องกัน" เราต้องรับฟังกันและกัน เท่าเทียมกัน
"เราถือว่า การยกเลิกภารกิจ และการแอบเดินทางกลับกรุงเทพมหานครผ่านทางเดินสุนัขของ มท.1 เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพี่น้องพันธมิตร เพราะเราไม่ใช้ความรุนแรงใด ๆ มีเพียงพลังประชาชนที่แท้จริงเดินทางมาพบกันโดยไม่ได้นัดหมาย อาวุธของพวกเราคือ ความอดทน มานะ แบบผู้ที่เป็นปัญญาชน มีอารยะ และการศึกษา ในขณะที่ มท.1 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งใน และนอกเครื่องแบบพร้อมอาวุธครบมือดูแลอารักขา แต่ท่านก็ยังแสดงออกชัดเจนว่า ท่านกลัวพวกเรา แม้ว่าคำพูดแบบคนไร้การศึกษาจะออกมาจากปากของท่าน เพื่อให้ร้ายพวกเราเราก็ไม่ถือท่าน" นายกฤชกล่าว
ทนายครูแก้เกี้ยว"ไม่เกี่ยวการเมือง"
นายเมธี ใจสมุทร ทนายความของคณะครูโรงเรียนราชวินิตมัธยม ที่ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ 6 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯต่อศาลแพ่ง ขอให้มีคำสั่งให้กลุ่มพันธมิตรฯ เปิดการจราจรบนถนนพระราม 5 และถนนพิษณุโลก และให้งดการใช้เครื่องขยายเสียงในวันจันทร์-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 07.30-16.30 น.กล่าวว่า ตามที่ฝ่ายจำเลยอ้างว่า ตนเข้ามาทำคดีนี้ เนื่องจากเป็นน้องชายของ นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน(พปช.)นั้น ศาลท่านได้วินิจฉัยไว้แล้วว่า การที่เป็นพี่น้องกันนั้นไม่เกี่ยวข้องกับคดี ตนมาทำหน้าที่ในฐานะทนายความ หากเห็นว่าตนมาทำคดีเพราะมีพี่ชายเป็นนักการเมืองพรรคพลังประชาชนนั้น น่าจะเป็นการเข้าใจผิด เพราะจริงๆ แล้วครอบครัวตนเป็นนักการเมืองหลายคน นายธานินทร์ ใจสมุทร พี่ชายอีกคนหนึ่งของตนก็เป็นอดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ดังนั้น จึงยืนยันได้ว่าตนทำหน้าที่นี้ในฐานะทนายความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น
สำหรับการยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ศาลนัดไต่สวนพยานในวันที่ 7 ก.ค.นี้ เวลา 13.30 น.นั้น ล่าสุดศาลแพ่งได้ออกหมายเรียก พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 และนายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผอ.ขสมก. มาทำการไต่สวน ถึงสภาพการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ได้ปฏิบัติคำสั่งศาลหรือไม่ นอกจากนี้ยังได้ขอภาพถ่ายแผนผังการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาสั่งคดีของศาลอีกด้วย
นายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการนำประเทศไทยไปสู่การเมืองใหม่ ว่า ปัจจุบันพรรคการเมืองต่างๆ ก็เปรียบเสมือน บริษัทจำกัด ที่ต้องมีผู้ถือหุ้น ไม่ว่าจะเป็นพรรคนายพินิจ จารุสมบัติ คุมอีสานเหนือ พรรคนายสุวัฒน์ ลิปตพัลลภ คุมอีสานใต้ พรรคนายบรรหาร ศิลปอาชา คุมภาคกลาง กลุ่มเหล่าจะว่าไปแล้วไม่ใช่พรรคการเมืองแต่เป็น "แก๊งการเมือง" การเมืองเก่า คือ แก๊งอัทธพาล ระบบก๊วน ดังนั้น วันนี้ เราต้องทำลายระบบการเมืองเก่าให้พินาจ ไม่ใช่เพียงแค่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรติดคุกและรัฐบาลออกไป นั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่เราต้องเปลี่ยนแปลงการเมืองแบบเก่า
"คงไม่มีใครจะบ้านำเงินมา 30-40 ล้านบาท เพื่อหาเสียงแล้วเข้าไปนั่งเป็นส.ส. เพื่อหวังกินเงินเดือนเพียงไม่กี่แสนบาท ไม่เชื่อ ถ้าไม่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ นั้นหมายความว่า ทุกวันนี้ สภาพพรรคการเมือง คือ บริษัท จำกัด การเมืองเก่า คือ ทุน ใครมีเงินเราก็ไปกราบไหว้ ใครทำอะไรจัญไร ก็ถูกซ้อน และหากจะให้ประเทศไทยคือ ผลประโยชน์ก้อนหนึ่ง ผลประโยชน์ก้อนนี้ จะต้องถูกจัดสรรปันผลให้เท่าเทียมกัน แต่ถูกวันนี้ ผลประโยชน์ทุกวันนี้ ไม่ได้ถูกกระจายออกมา แต่ถูกผูกขาดเพียงคนไม่กลุ่มในขณะนี้ ทุกๆครั้ง ที่มีการเลือกตั้ง เพียงไม่ถึง 4 วินาที ก็จบ คนที่ได้รับเลือกตั้ง ก็ไม่สนใจพี่น้องแล้ว ประชาชนที่โดนหลอก ได้ไป 300-500 บาทแล้ว สุดท้ายก็เป็นคนรับใช้ และเมื่อเข้ามามีอำนาจแล้ว ก็ย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด ย้ายตำรวจ เอางบประมาณมาลด แลก แจก แถม แล้วอ้างว่าประชาชนเลือกตั้งเข้ามา ดูอย่างเขาพระวิหาร ก็ต้องยกให้เขมร แลกผลประโยชน์แหล่งแก๊ส "นายสนธิกล่าว และยืนยันว่า การเมืองแบบเก่า ผมยังไม่เห็นอะไรดีขึ้นเลย ตอนนี้ ลงลึกถึงอปท. อบต. ถ้าไม่มีเงินมา ก็จะไม่เซ็นงานออกไป
นายสนธิ กล่าวตั้งคำถามว่า "ประเทศไทย" คืออะไร ประเทศไทย คือ ที่รวบรวมของคนทุกชนชั้น ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา มาร่วมกันอยู่ ภายใต้สัญญาณของชาติ อันมีพระมหากษัตริย์ของเราที่ดำรงอยู่คู่ประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ตำรวจ ทหาร พ่อค้า เราก็ไม่สามารถลบเค้าออกจากสังคมได้
"การที่เราไม่เล่นการเมือง เพราะการเมืองเก่าสกปรก ไม่เปิดโอกาสให้คนจิตใจดี คนตั้งใจทำงาน เข้าไปทำงาน ด้วยเหตุนี้ เราจะทำอย่างไรที่จะออกแบบการเมืองแบบใหม่ ที่ให้ทุกส่วนของสังคมมีสิทธิ์ในผลประโยชน์ร่วมกัน"นายสนธิ กล่าว
โดยการเมืองใหม่ที่ว่า จะต้องมีหลักการ มีสิทธิเสรีภาพในการทำมาหากินเท่าเทียมกัน ไม่ใช่บริษัทขนาดใหญ่ได้สิทธิ์กู้เงินจากสถาบันการเงินในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าคนอื่น แต่เราต้องทำให้เท่าเทียมกัน เสมอภาค เนื่องจากเงิน คือ ทรัพย์กร ที่ทุกคนต้องได้รับเท่าเทียมกัน การเมืองใหม่ หากทำธุรกิจสีเทา ต้องเสียภาษีแพงกว่าเรา การเมืองใหม่ ต้องก่อตั้งมหาลัยเปิดอีก 8 แห่ง ให้เรียนฟรี เข้าเรียนง่ายแต่จบยาก การเมืองใหม่ เวลาประมูลรถไฟรางคู่ ต้องเปิดเผย ต้องถ่ายทอด การเมืองใหม่จะไม่ซื้อรถเมล์ใหม่ 6 พันคัน แต่จะซื้อรถร้อน และรถราคาด้วย และจะไม่ต้องมีเงินละล้านเข้าสู่กระเป๋านักการเมือง การเมืองใหม่ ทำให้บ้านราคาถูกลงได้ ทำให้ค่าครองชีพถูกลง ทำให้น้ำมันถูกลง ทำให้ประเทศไทยคงอยู่ ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ได้"นายสนธิ ล่าว
หรือแม้แต่ การกำหนดสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์(ส.ส.)นั้น ทำไหมต้องนับจำนวนประชากร แล้วบอกว่าจ.นี้มีส.ส.กี่คน เล่นง่ายๆไปเลย จังหวัดหนึ่งมีส.ส.1 คนเหมือนส.ว.ไปเลย การเมืองใหม่จะทำให้น้ำมันถูกลง เพราะการเมืองใหม่จะไม่ผูกขาดโดยสภา นายทุนจะมาบอกให้ประเทศไทยหันซ้ายหันขวาไม่ได้แล้ว การเมืองใหม่ คือ การมีส่วนร่วมของประชาชนทุกส่วน การเมืองใหม่ ควรให้ตำรวนนครบาล ควรอยู่กับกทม. ถ้าตำรวจรังแกประชาชนก็ไม่ต้องเลือกผู้ว่ากทม.มา ส่วนตำรวจภาค ก็ทำหน้าที่สืบสวนสอบสวน หรือแม้แต่แทุกวันนี้ที่พี่น้องมาร่วมชุมนุม คือ การเมืองใหม่ คือ การมีเวทีใหม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการทำนโยบายและบริหารประเทศ
ทหารกับการเมืองใหม่ ต้องขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แต่ทหารมีสิทธิ์เข้ามาบริหารประเทศ หากรัฐบาลมีการทุจริตคอรัปชัน รัฐบาลบริหารโดยขาดคุณธรรม ถ้ามีการยกอธิปไตรของประเทศ ทหารก็มีสิทธิ์เข้ามาบริหารประเทศทันที ที่เหลือนอกจากนี้ ทหารไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว แต่วันนี้ ทหารอยู่ใต้การเมือง
อัด"หมัก"ไร้จิตสำนึกรักษาอธิปไตย
วานนี้ (4 ก.ค.) ที่เวทีพันธมิตรฯ ในช่วงรู้ทันประเทศไทย ดำเนินรายการโดยนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และ นายสันติสุข มะโรงศรี โดยมีวิทยากร คือพล.อ.อ.เทอดศักดิ์ สัจจรักษ์ อดีตรองผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการลำน้ำโขง(นปข.) รวมทั้งอดีตผู้บัญชาการเรือรบ ซึ่งปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยสะท้อนท่าทีของทหารในกองทัพเวลานี้
พล.ร.ท.ประทีป ย้ำว่า ระดับผู้บัญชาการ และรมว.กลาโหม ต้องมีความสำนึกรักชาติ แต่เสียใจที่เห็นคนที่เป็น รมว.กลาโหม ถึงกล้าพูดว่า ปราสาทพระวิหารเป็นของเขมรมานานตั้ง 45 ปีแล้ว ถ้าพูดแบบนี้ ถือว่าจิตสำนึกในการรักษาอธิปไตยของชาติบกพร่อง เพราะถือว่าเป็นพวกเดียวกับ พวกบกพร่องโดยสุจริต
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวว่า ปัญหาเขตแดนวันนี้ ส่วนใหญ่มีปัญหามาจากการที่ฝรั่งเศส ใช้อำนาจบาตรใหญ่เอาเปรียบไทย ซึ่งมีผลทำให้เกิดข้อพิพาทในเรื่องประสาทพระวิหาร และเนื้อที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรแล้ว ยังมีพื้นที่ในทะเลอีก 2 หมื่นตารางกิโลเมตร และมีทรัพยากรน้ำมันและก๊าซอีกมหาศาล ซึ่งต่อมาเขมรได้ใช้แผนที่ของฝรั่งเศส ที่กำหนดให้ลากเส้นเริ่มจากหลัก กม.ที่ 43 ที่ อ.คลองใหญ่ ต.ตราด ลากลงทะเล ซึ่งจะทำให้กินพื้นที่เกาะกูดเกือบครึ่งเกาะ
อดีตนายทหารเรือผู้นี้ ยังระบุว่า ที่ผ่านมา มีนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งได้พยายามเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาอยู่ตลอดเวลา และนี่คือเป้าหมายในการเข้าครอบครองอำนาจให้ได้
เมื่อถามว่า แล้วทหารทำไมถึงยังทนได้ พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ กล่าวว่า ตนเองไม่เข้าใจทหารระดับผู้บังคับบัญชาในยุคปัจจุบันคิดอะไรกันอยู่ อย่างไรก็ตามไม่ควรไปตำหนิทหารชั้นผู้น้อย แต่ที่ควรตำหนิ คือ ผู้บังคับบัญชา และขอตำหนิเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆว่า พวกท่านไม่เอาไหน ที่ผ่านมา คมช.ไม่เอาไหนมีการรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 มีอำนาจแต่ไม่ทำอะไรเลย
ส่วนขณะนี้กองทัพยังเป็นหนึ่งเดียวกันหรือไม่ พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องอธิปไตยของชาติ เป็นหนึ่งเดียว แต่ในระดับผู้บังคับบัญชาไม่มั่นใจ ยกตัวอย่างกรณีหากมีการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงตามปกติทหารจะทนไม่ได้ แต่นี่ยังทนอยู่ได้อย่างไร เคยเรียกร้องให้นายทหารแสดงท่าทีต่อรมว.กลาโหม แต่ผ่านไป 40 วัน กลับไม่ทำอะไร พร้อมกันนี้ ได้เรียกร้องให้ทหารออกมาร่วมกับประชาชน และปกป้องประชาชน ที่พูดนี่ไม่ได้หมายความว่าให้ทำรัฐประหาร แต่ให้ออกมาร่วมกัน
พล.ร.ท.ประทีป กล่าวทำนองเดียวกัน โดยเรียกร้องให้ทหารออกมายืนเคียงข้างประชาชน ด้วย
ชัยชนะภาคประชาชน
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนพันธมิตรฯ กล่าวว่า การมาชุมนุมในครั้งนี้อยากให้ประชาชนที่มาชุมนุมได้มีความมั่นใจว่าจะประสบในชัยชนะอย่างแน่นอน และในชัยชนะในครั้งนี้จะไม่ใช่เพียงแค่ขับไล่รัฐบาลหรือคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลชุดนี้เท่านั้น แต่จะเป็นชัยชนะที่ทำการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแบบเก่าไปสูงการเมืองใหม่ที่ดีกว่าเหมือนเดิม
นอกจากนี้ พล.ต.จำลอง ยังกล่าวถึง ทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศที่มาร่วมในรายการรู้ทันประเทศไทยเมื่อเวลา 19.00 ที่ผ่านมาว่า การชุมของพันธมิตรแบบนี้เป็นการทำให้ ทหารทั้ง 3 เหล่าทัพได้เข้ามาพบปะกัน รวมถึง นายทหารและนายตำราจทุกชั้นยศที่เข้ามาร่วมชุมนุมกับพี่น้องประชาชนด้วยและขณะเดียวกันในวันนี้ยังมีทหารและประชาชนทางบ้านได้บริจาคเงินให้แก่พันธมิตรเป็นจำนวนหลายแสนบาท ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าตำรวจ ทหารทั้ง 3 เหล่าทัพทุกชั้นยศยังร่วมต่อสู้กับพันธมิตร
ทั้งนี้ ในช่วงที่ พล.ต.จำลอง ได้เริ่มขึ้นเวทีปราศัยนั้น ได้มีตัวแทนนักเรียนนักศึกษาจาก วิทยาลัยทัศนะศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม ขึ้นมามอบดอกไม้เพื่อให้กำลังใจกับแกนนำพันธมิตรฯ ด้วย
สตช.ระดมตร.รับมือพันธมิตรฯบุก 7 ก.ค.
พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะเดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเร่งรัดการดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่ม นปก. ในวันจันทร์นี้ (7 ) พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ได้เตรียมกำลังจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 และตำรวจสันติบาล ดูแลรักษาความปลอดภัย และจัดการจราจรโดยรอบบริเวณ ส่วนจะปิดถนนหรือไม่ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
ความคืบหน้าคดีที่ นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ และหนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ข้อหาหมิ่นเบื้องสูง พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า เมื่อมีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษพนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบมีมูลความผิดต้องเรียกผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง หากออกหมายเรียกแล้วไม่มาพบพนักงานสอบสวนจะขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป
เตรียมการต้อนรับ "น้องเขยแม้ว"
ขณะที่นายสมชาย หยีสัน หนึ่งในแกนนำกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ศึกษาธิการ จะเดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่ จ.ภูเก็ต วันศุกร์ที่ 11 ก.ค.นี้ว่า ทางกลุ่มพันธมิตร 3 จังหวัดอันดามัน ก็เตรียมการต้อนรับท่านไว้แล้วเหมือนกัน ซึ่งทราบมาว่าท่านได้ประสานของกำลังเจ้าหน้าที่ สห.ทหารเรือมาทำหน้าที่อารักขา ซึ่งก็ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องกำหนดการว่า ท่านจะเดินทางมาจริงหรือไม่
"แต่ถึงแม้ว่าท่านรัฐมนตรีจะจัดเตรียมเจ้าหน้าที่หน่วยใดไว้อารักขา พวกเราก็ไม่สนใจ เพราะจุดยืนของพวกเรา เพียงต้องการแสดงออกให้คณะรัฐบาลนอมินีทราบเท่านั้นว่า ยังมีประชาชนคนไทยอีกส่วนหนึ่งไม่ชื่นชอบการบริหารงานประเทศภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างที่พวกท่านกำลังกระทำกันอยู่ พวกเราไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงใดๆ ขึ้น เพราะพวกเราต่อสู้แบบอารยะขัดขืน ยึดหลักอหิงสา"
ยืนยันเจตนารมณ์ไล่ระบอบทักษิณ
นายณัชจรงค์ เอกเพิ่มทรัพย์ ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าวว่า ผ่านมา 1 ปีตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค.50 กับการรวมตัวของผู้ที่มีอุดมการณ์เดียวกันทางการเมืองภาคประชาชน เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เหนือสิ่งอื่นใดในชีวิต หลังการก่อรัฐประหาร แกนนำพันธมิตรฯ ยุติบทบาทลงชั่วคราว แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัดยังคงมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา จนก่อเกิด "กลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต" มาจนถึงวันนี้
ไม่ว่าเหตุการณ์ใดๆ จะเกิดขึ้นมาใหม่ หรือที่ผ่านมา พี่น้องพันธมิตรภูเก็ตก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ที่ตั้งมั่นในการต้อสู้กับระบอบการเมืองการปกครองทุนนิยม ที่หวังกอบโกยผลประโยชน์ของประเทศชาติเข้ากระเป๋าตัวเอง และพวกพ้อง โดยเฉพาะรัฐบาลยุคที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เคยนึกว่าคนที่มีฐานะดีอยู่แล้วจะไม่โกงไม่กิน แต่หลายคนก็คิดผิด เพราะมันกลับกลายเป็นว่า ยิ่งหนักกว่าคนที่มีฐานะยากจน และปานกลาง
"เรายืนยันว่า กลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต แม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่จะร่วมต่อสู้กับพี่น้องพันธมิตรทั่วประเทศ และ 5 แกนนำ ขับไล่ระบอบทักษิณจนกว่าจะได้รับชัยชนะ ไม่ท้อ ไม่ถอย ไม่ยอมแพ้ และไม่เลิก ขอให้พี่น้องพันธมิตรทั่วประเทศจงเป็นกำลังใจให้แก่กันและกัน สงบ สันติ และอหิงสา ตามคำพูดของ 5 แกนนำ แล้วพวกเราก็จะได้รับชัยชนะที่สวยงาม เพราะความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่บริสุทธิ์ต้องมาจากภาคประชาชนอย่างแท้จริง" ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าว
มท.1 ทำให้รวมพันธมิตรฯ อันดามัน
ด้านนายกฤช เทพบำรุง รองประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้พี่น้องพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตยทั้ง 3 จังหวัดอันดามัน ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ได้รวมตัวกันแล้วเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่พบปะกันโดยไม่ได้นัดหมาย จากการเดินทางมาให้การต้อนรับ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ขณะเดินทางมาตรวจราชการ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา บริเวณหน้าสนามบินนานาชาติภูเก็ต และที่โรงแรมที่พักของ มท.1 ที่ จ.กระบี่ ถือว่า เป็นความอนุเคราะห์ของ มท.1 ที่ยากจะหาอะไรมาตอบแทนท่าน ที่ทำให้พวกเรา 3 จังหวัดอันดามันรวมตัวกันได้อย่างสวยงาม และเข้มแข็ง ปัจจุบันการเคลื่อนไหวใด ๆ ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้ง 3 จังหวัดจะมีการติดต่อประสานงาน และหารือรูปแบบกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รูปแบบการทำงานมีเอกภาพ เราไม่มีให้จังหวัดใดเป็นหลัก เพราะพวกเราคือ "พี่น้องกัน" เราต้องรับฟังกันและกัน เท่าเทียมกัน
"เราถือว่า การยกเลิกภารกิจ และการแอบเดินทางกลับกรุงเทพมหานครผ่านทางเดินสุนัขของ มท.1 เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพี่น้องพันธมิตร เพราะเราไม่ใช้ความรุนแรงใด ๆ มีเพียงพลังประชาชนที่แท้จริงเดินทางมาพบกันโดยไม่ได้นัดหมาย อาวุธของพวกเราคือ ความอดทน มานะ แบบผู้ที่เป็นปัญญาชน มีอารยะ และการศึกษา ในขณะที่ มท.1 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งใน และนอกเครื่องแบบพร้อมอาวุธครบมือดูแลอารักขา แต่ท่านก็ยังแสดงออกชัดเจนว่า ท่านกลัวพวกเรา แม้ว่าคำพูดแบบคนไร้การศึกษาจะออกมาจากปากของท่าน เพื่อให้ร้ายพวกเราเราก็ไม่ถือท่าน" นายกฤชกล่าว
ทนายครูแก้เกี้ยว"ไม่เกี่ยวการเมือง"
นายเมธี ใจสมุทร ทนายความของคณะครูโรงเรียนราชวินิตมัธยม ที่ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ 6 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯต่อศาลแพ่ง ขอให้มีคำสั่งให้กลุ่มพันธมิตรฯ เปิดการจราจรบนถนนพระราม 5 และถนนพิษณุโลก และให้งดการใช้เครื่องขยายเสียงในวันจันทร์-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 07.30-16.30 น.กล่าวว่า ตามที่ฝ่ายจำเลยอ้างว่า ตนเข้ามาทำคดีนี้ เนื่องจากเป็นน้องชายของ นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน(พปช.)นั้น ศาลท่านได้วินิจฉัยไว้แล้วว่า การที่เป็นพี่น้องกันนั้นไม่เกี่ยวข้องกับคดี ตนมาทำหน้าที่ในฐานะทนายความ หากเห็นว่าตนมาทำคดีเพราะมีพี่ชายเป็นนักการเมืองพรรคพลังประชาชนนั้น น่าจะเป็นการเข้าใจผิด เพราะจริงๆ แล้วครอบครัวตนเป็นนักการเมืองหลายคน นายธานินทร์ ใจสมุทร พี่ชายอีกคนหนึ่งของตนก็เป็นอดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ดังนั้น จึงยืนยันได้ว่าตนทำหน้าที่นี้ในฐานะทนายความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น
สำหรับการยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ศาลนัดไต่สวนพยานในวันที่ 7 ก.ค.นี้ เวลา 13.30 น.นั้น ล่าสุดศาลแพ่งได้ออกหมายเรียก พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 และนายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผอ.ขสมก. มาทำการไต่สวน ถึงสภาพการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ได้ปฏิบัติคำสั่งศาลหรือไม่ นอกจากนี้ยังได้ขอภาพถ่ายแผนผังการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาสั่งคดีของศาลอีกด้วย