นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์กรณีมีการติดป้ายประชาสัมพันธ์ขนาดใหญ่ริมทางด่วนดินแดง เพื่อเตรียมลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่า วันที่ 28 สิงหาคมนี้ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะหมดวาระในการดำรงตำแหน่ง และคาดว่าจะมีการจัดเลือกตั้งในเดือนตุลาคม ทั้งนี้ ตนตัดสินใจจะลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอีกครั้งในนามอิสระ หลังได้ลงสมัครเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และพ่ายแพ้แก่นายอภิรักษ์ ซึ่งโดยส่วนตัวตนไม่อยากโจมตีนายอภิรักษ์ เพราะเป็นคนสุภาพเรียบร้อย ขยัน ทุ่มเท มุ่งมั่น และตั้งใจทำงาน พร้อมกำหนดนโยบายในการพัฒนากรุงเทพฯ อย่างดี แต่เนื่องจากนายอภิรักษ์ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ การยึดติดกับระบบพรรคฯ ทำให้นายอภิรักษ์มีปัญหาใน การทำงาน ทั้งถูกปัดแข้งปัดขาจากพรรคฯ ต่างขั้ว ทำให้งานไม่เดิน และเกิดปัญหาต่างๆ มากมาย
นอกจากนี้ ต้องฟังนโยบายพรรคฯ รวมทั้งต้องส่งเสียเลี้ยงดูพรรคฯ ดังนั้น ขอโอกาสให้ตนได้กลับมาทำงานเพื่อคนกรุงเทพฯ ซึ่งคนกรุงเทพฯ เคยให้โอกาสนักบริหารมืออาชีพมาแล้ว ครั้งนี้ขอโอกาสให้คนที่ถึงลูกถึงคนบ้าง หากมีใครมาปัดแข้งปัดขาการทำงานตนพร้อมที่จะชนกับพรรคฯ ต่างขั้วที่มาขัดขวาง แต่ไม่ใช่ชนดะ เพราะขณะเดียวกันตนก็พร้อมจะประสานการทำงานเพื่อคนกรุงเทพฯ
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า นอกจากจุดขายของตน คือไม่มีระบบพรรค เป็นอิสระ ไม่ต้องส่งเสียพรรคฯ การถึงลูกถึงคนพร้อมจะชนกับแรงเสียดทานแล้ว ตนยังมีนโยบาย 2 ด้านหลัก คือ จะไม่คอรัปชันในยุคที่ตนบริหารจะไม่มีปัญหาคอรัปชัน และจะ หยุดกรุงเทพฯ หยุดปัญหาโลกร้อน เพราะจะชะลอการเจริญเติบโตในกรุงเทพฯ ไม่สร้างปัญหาให้กรุงเทพฯ และไม่เพิ่มปัญหาให้โลก แต่จะบริหารจัดการ ในสิ่งที่มีอยู่เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ และพร้อมสานต่อนโยบายต่างๆ ของนายอภิรักษ์ในหลายด้าน และ ที่ยังมีปัญหา เพราะการทำงานต่างขั้ว ทั้งนี้ตนจะ เปิดตัวอย่างเป็นทางการเพื่อเตรียมลงสมัครในเดือน พ.ค.นี้ จากนั้น จะมีเวลาหาเสียงราว 5 เดือน ก่อน การเลือกตั้ง ซึ่งคิดว่าเพียงพอในการเตรียมแผนงาน และรายละเอียดของนโยบายเพื่อประกาศให้ประชาชนทราบ รวมทั้งการเตรียมทีมงานมาช่วยทำงาน ซึ่งไม่หวั่นว่าคู่แข่งจะเป็นใคร เมื่อประกาศตัวไป ก็พร้อมที่จะสู้และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
นอกจากนี้ ต้องฟังนโยบายพรรคฯ รวมทั้งต้องส่งเสียเลี้ยงดูพรรคฯ ดังนั้น ขอโอกาสให้ตนได้กลับมาทำงานเพื่อคนกรุงเทพฯ ซึ่งคนกรุงเทพฯ เคยให้โอกาสนักบริหารมืออาชีพมาแล้ว ครั้งนี้ขอโอกาสให้คนที่ถึงลูกถึงคนบ้าง หากมีใครมาปัดแข้งปัดขาการทำงานตนพร้อมที่จะชนกับพรรคฯ ต่างขั้วที่มาขัดขวาง แต่ไม่ใช่ชนดะ เพราะขณะเดียวกันตนก็พร้อมจะประสานการทำงานเพื่อคนกรุงเทพฯ
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า นอกจากจุดขายของตน คือไม่มีระบบพรรค เป็นอิสระ ไม่ต้องส่งเสียพรรคฯ การถึงลูกถึงคนพร้อมจะชนกับแรงเสียดทานแล้ว ตนยังมีนโยบาย 2 ด้านหลัก คือ จะไม่คอรัปชันในยุคที่ตนบริหารจะไม่มีปัญหาคอรัปชัน และจะ หยุดกรุงเทพฯ หยุดปัญหาโลกร้อน เพราะจะชะลอการเจริญเติบโตในกรุงเทพฯ ไม่สร้างปัญหาให้กรุงเทพฯ และไม่เพิ่มปัญหาให้โลก แต่จะบริหารจัดการ ในสิ่งที่มีอยู่เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ และพร้อมสานต่อนโยบายต่างๆ ของนายอภิรักษ์ในหลายด้าน และ ที่ยังมีปัญหา เพราะการทำงานต่างขั้ว ทั้งนี้ตนจะ เปิดตัวอย่างเป็นทางการเพื่อเตรียมลงสมัครในเดือน พ.ค.นี้ จากนั้น จะมีเวลาหาเสียงราว 5 เดือน ก่อน การเลือกตั้ง ซึ่งคิดว่าเพียงพอในการเตรียมแผนงาน และรายละเอียดของนโยบายเพื่อประกาศให้ประชาชนทราบ รวมทั้งการเตรียมทีมงานมาช่วยทำงาน ซึ่งไม่หวั่นว่าคู่แข่งจะเป็นใคร เมื่อประกาศตัวไป ก็พร้อมที่จะสู้และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
