xs
xsm
sm
md
lg

“พิภพ” ร้องทหารร่วมใจ ปชช.สร้างประชาธิปไตยใหม่ที่ปลอดขี้ฉ้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิภพ ธงไชย
“พิภพ” เรียกร้อง ทหารหาญยืดอกสามศอก ปกป้องชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ ร่วมมือประชาชนสร้างการเมืองใหม่ที่ปลอดนักการเมืองขี้ฉ้อ และกล้าแสดงความคิดเห็นคานอำนาจการบริหารงานที่ล้มเหลวผิดพลาด โดยไม่ต้องใช้กำลังรัฐประหารเหมือนที่ผ่านมา

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย 

วันนี้ (30 มิ.ย.) เมื่อเวลา 20.47 น.นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ที่สะพานชมัยมรุเชฐ ว่า ถึงแม้เราจะมีอุปสรรคแค่ไหน เราก็จะไม่ท้อ และท่ามกลางอุปสรรคมากมาย เราก็ได้ประสบชัยชนะมาเป็นขั้นเป็นตอน แล้วทันทีที่ศาลมีคำสั่งเราก็จะเริ่มปฏิบัติตาม ไม่เหมือนทำเนียบรัฐบาลที่ศาลปกครองมีคำสั่งแล้วยังไม่ปฏิบัติตามอีกในกรณีเขาพระวิหาร

นายพิภพ กล่าวว่า ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งดังกล่าว เราได้ทำงานกับ ร.ร.ราชวินิต และมหาวิทยาลัยราชมงคล ไประดับหนนึ่งที่อยู่ในคำสั่งศาลแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสียงที่ก่อนขึ้นเวทีก็โทรศัพท์คุยกับรอง ผอ.โรงเรียน ว่า ท่านบอกว่าไม่รู้เรื่องนี้ เป็นเรื่องของครูและข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ ไปทำขึ้นมา และท่านก็ยอมรับว่าตนได้ไปคุยด้วยมิตรไมตรีและปฏิบัติร่วมกันในระดับหนึ่ง และยังให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าตอนนี้ไม่มีเสียงรบกวนแล้ว ตอนเราไปทำกันนั้นไม่รู้มาก่อนว่าจะมีการฟ้อง แต่อย่างไรเสียพรุ่งนี้ ตนเองพร้อมด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ และ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ จะเข้าไปให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อขอคำเมตตาต่อศาลว่าเราปฏิบัติตามสิทธิแห่งรัฐธรรมนูญ และชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่เราปฏิบัติเป็นภารกิจของชาติ

นายพิภพ กล่าวย้ำภารกิจด้วยว่า เรามาก็เพื่อจะปกป้องกระบวนการยุติธรรม ซึ่งไม่ได้หมายถึงศาลเท่านั้น แต่หมายถึงองคาพยพของกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ อัยการ องค์กรอิสระต่างๆ ฯลฯ นี่คือ การปกป้องที่ทำหน้าที่มาตลอด 37 วัน 37 คืน แล้วบัดนี้ผลของการปกป้อง ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้หมายถึงว่าศาลท่านไม่กล้าหาญ หรือต้องการการปกป้องจากประชาชน แต่ศาลต้องการความมั่นใจว่า ถ้าท่านทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วจะมีประชาชนสนับสนุน นี่คือภารกิจสำคัญ 37 วันไม่ได้สูญเสียอะไรเลย เราสะสมชัยชนะไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพรุ่งนี้ศาลจะมีคำสั่งมาอย่างไร ภารกิจนี้เราก็ต้องทำต่อเพื่อปกป้องกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ครม.และอดีตนายกฯเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และหวังว่านายกฯจะต้องลาออก

นอกจากนั้น นายพิภพ ยังแสดงความเห็นด้วยต่อกรณีที่ นายบรรเจิด สิงคเนติ คตส.ระบุว่า ถ้าไม่แก้ปัญหาคอร์รัปชันในประเทศตั้งแต่วันนี้ โดยยกให้เป็นวาระของชาติ ประเทศไทยสิ้นชาติแน่ โดย นายพิภพ ชี้ว่า ที่ประเทศเกาหลีสามารถเอาอดีตนายกฯเข้าคุกได้ถึงสองคน ดังนั้น ถ้าวันนี้เราสามารถเอาอดีตนายกฯติดคุกได้ วาระแห่งชาติเรื่องปราบทุจริตคอรัปชัน จะเป็นจริง แต่การใช้กระบวนการตรวจสอบอดีตนายกฯ ต้องใช้กระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ แต่ตอนนี้กระบวนการขั้นต้น ตำรวจก็ถูกแทรกแซงแล้ว อัยการก็โลเล ดีเอสไอโลเล สงสัยต้องดาวกระจายอีกสักครั้ง ต้องกระตุ้นให้องค์กรเหล่านี้รู้ว่าเป็นวาระแห่งชาติ ถ้าทำไม่สำเร็จตายแน่ๆประเทศไทย

นายพิภพ กล่าวว่า เมื่อเราออกมายืนยันไม่ให้ฝ่ายการเมืองไม่ว่าเก่าหรือไม่ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เราจึงต้องเพิ่มอีกหน้าที่ เมื่อสงสัยว่ากองทัพถูกแทรกแซงโดยการเมืองหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายถึงคนทั้งกองทัพไม่ดีพร้อมให้การเมืองแทรกแซงหรือพร้อมทำธุรกิจการเมือง แต่เรารู้ว่ากองทัพส่วนใหญ่ยังเป็นกองทัพของพระมหากษัตริย์ ของชาติ ศาสน์ และประชาชน แต่เราสงสัยผู้นำกองทัพหรือระดับต่ำว่าผู้นำกองทัพ ระดับกองทัพภาค ระดับกองพล บางคนเท่านั้นเอง ว่า ฝ่ายการเมืองกำลังพยายามจะรุกเข้าไป สิ่งที่เราเรียกร้องก็คือ กองทัพต้องยืนให้นิ่งว่ากองทัพจะยืนอยู่ข้างหลังของวาระแห่งชาติ คือ ปราบทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมืองและนักธุรกิจการเมือง

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ตนดีใจที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.โทรศัพท์มายืนยันว่าไม่รู้เรื่องกรณี นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เราเคยมั่นใจ พล.อ.อนุพงษ์ ว่า จะยืนเบื้องหลังให้กระบวนการยุติธรรมและประชาชนมีพลังและกำลังใจจะทำงานต่อ ฉะนั้น ขอเรียกร้องผู้นำเหล่าทัพ ผู้นำกองทัพ ว่า ในสถานการณ์การเมืองแบบไทย พลังกองทัพเพื่อความถูกต้องยังมีความหมาย อย่าทำให้ประชาชนผิดหวัง

“เพราะฉะนั้น ถ้ากองทัพยึดมั่นว่าจะพร้อมเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยไม่ใช้วิธีแบบเก่าคือรัฐประหาร ซี่งเราไม่ต้องการ เพราะรัฐประหารก็ยังเวียนวนกับผู้นำแบบเดิมๆ ที่เข้ามาทำมาหากินกับการเมือง แต่ต้องการให้กองทัพมีบทบาททางการเมืองใหม่ บอกกล่าวกับสาธารณะ ตามทั้งภาระหน้าที่ของกองทัพในเรื่องการดูแลชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ตีความคำว่าความมั่นคงใหม่ ว่า เมื่อใดการเมืองไม่มีความมั่นคงเพราะเกิดจากการบริหารงานที่ล้มเหลว ทุจริตคอรัปชั่น กองทัพต้องแสดงทัศนคติออกมาว่าการเมืองไม่ควรทำ แล้วกองทัพพร้อมจะยืนอยู่กับประชาชน” นายพิภพ กล่าว

นายพิภพ กล่าวต่อว่า อย่าทำให้ข้อกล่าวหาของหนังสือพิมพ์ หรือผู้สื่อข่าวต่างประเทศ มักจะมองกองทัพไทย ว่า ถนัดเดินสวนสนามสวยงามเป็นอันดับหนึ่ง ถนัดเล่นการเมือง และถนัดทำธุรกิจ ส่วนภาระหน้าที่ในการสู้รบเป็นอันดับท้ายๆ เพราะภาวการณ์สู้รบไม่มี หรือมีน้อยลงไป ฉะนั้น กองทัพจะต้องปฏิเสธบทบาทการเล่นการเมืองแบบนักการเมือง แล้วมาพลิกฟื้นร่วมกับประชาชนว่าจะยืนอยู่กับประชาชนในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุข ให้ผ่านวิกฤตในการใช้อำนาจบาตรใหญ่ในการทุจริตคอรัปชั่นอย่างมะโหฬาร เมื่อนั้นกองทัพจึงจะยืนอยู่ในหัวใจของประชาชน

นายพิภพ กล่าวด้วยว่า เราไม่ได้เรียกร้องจากกองทัพมากเกินกว่าหน้าที่ที่ทหารควรจะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและตามคำปฏิญาณ โดยเฉพาะเรื่องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่พูดมาทั้งหมดเพื่อต้องการชี้ให้เห็นว่า แนวทางของพันธมิตรฯในการเคลื่อนตัว เราต้องการเคลื่อนตัวเพื่อให้เกิดการพัฒนาประชาธิปไตยรูปแบบใหม คือทุกองค์กรในประเทศนี้ต้องมามีส่านร่วมสร้าง โดยไม่มีนักการเมืองคอร์รัปชันและที่อำนาจบาตรใหญ่กับประชาชน
กำลังโหลดความคิดเห็น