xs
xsm
sm
md
lg

หมักไม่ปรับครม.อุ้มนพดลมิ่งขวัญ3รมต.หวยบนดิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน -"อภิสิทธิ์"เรียกร้อง"สมัคร"ปรับ รมต.ที่มีปัญหาคดีใหญ่ รวมทั้ง 3 รมต.ที่ติดข้อหาหวยบนดินออกจากตำแหน่ง เพื่อแก้เงื่อนไขให้การทำงานสามารถเดินต่อไปได้ ส่วนปัญหาคุณสมบัติ"ชัย" ต้องรอ กกต.พิจารณา ด้าน "สมัคร" หัวชนฝาลั่นไม่ปรับ "นพดล-มิ่งขวัญ" ออก อ้างไม่มีความผิดอะไร ส่วน รมต.ที่ติดคดีต้องให้ศาลตัดสินก่อน ส่วนการพบ "ทักษิณ" ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ "ชูศักดิ์" เผย 3 รมต.หวยบนดินต้องตัดสินใจเคลียร์ตัวเองเพื่อความชัดเจน "สมชาย" มั่นใจฝีมือ "สมัคร" ชั่วโมงบินสูง ปรับ ครม.เองได้โดยไม่ต้องให้ใครจูงจมูก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์เรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีปัญหา ซึ่งขณะนี้มีหลายคนที่อยู่ในข่ายเพราะเกี่ยวข้องกับคดีใหญ่ ๆ หลายคน รวมทั้งคดีหวยบนดินด้วย ดังนั้นจุดใดที่เป็นเงื่อนไข หรือเป็นปัญหาในการทำงาน นายกรัฐมนตรีก็ควรขจัดออกไป เพื่อรัฐบาลจะได้สามารถเดินหน้า ทำงานได้ทุกกระทรวง มีความเป็นเอกภาพ และแก้ปัญหาที่ประชาชนรอคอยอยู่ แต่หากนายกรัฐมนตรียังถือแนวทางที่ว่าจะต้องรอให้ทุกอย่างสิ้นสุดก่อน จะทำให้การทำงานของรัฐบาลไม่ราบรื่นอย่างนี้เรื่อยๆ ทั้งนี้การปรับครม. ไม่ใช่เรื่องที่ นายกรัฐมนตรีไปตัดสินว่ารัฐมนตรีคนนั้นผิดหรือถูก แต่เรื่องการแก้ไขปัญหาต้องมาก่อนเรื่องอื่น ซึ่งหากทำได้ก็จะเป็นประโยชน์

"อยากให้นายกรัฐมนตรีไม่ต้องมามีปัญหาความกังวลใจในเรื่องแบบนี้ ตลอดเวลา ท่านต้องหาคนที่สามารถเข้ามาทำงานได้โดยไม่มีเงื่อนไขเหล่านี้ เพราะจะได้เดินหน้าทำงานได้ ผมจึงอยากให้ท่านนายกฯดูภาพรวม ครม.ทั้งหมดและปรับ เพื่อเดินหน้าทำงานต่อไป คนที่คิดว่ามีปัญหา"

ส่วนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับกรณีหวยบนดิน ได้แก่ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และ รมว.คลัง นายอุไรวรรณ เทียนทอง รมว.แรงงาน และ นายอนุรักษ์ จุรีมาส รมช.คมนาคม ซึ่งอยู่ร่วม ครม.ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าขณะนี้ทางผู้เกี่ยวข้อง เริ่มชี้ออกมาแล้ว หากชี้ออกมาอย่างไรก็ควรต้องปฏิบัติตามนั้น

ส่วนกรณีที่มีรายงานว่าเริ่มมีการให้ส.ส.ระดมคนเข้ามาสนับสนุนรัฐบาลจะก่อให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้มีปัญหาระหว่าง มวลชนกับมวลชน เพราะจะเป็นเงื่อนไขไปสู่สิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องว่าการใช้สิทธิของประชาชนขอให้อยู่ในขอบเขต และพยายามระมัดระวังอย่าไปสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงคุณสมบัติของนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรที่มีหุ้นในโรงโม่หินว่า ขณะนี้เรื่องอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)แล้ว โดยส.ว.ส่งไป ฉะนั้นโดยขั้นตอนต้องให้กกต.พิจารณาก่อน และหากเห็นว่ามีประเด็นก็จะส่งกลับมาที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ส.ส.พิจารณา แต่ฝ่ายค้านก็ศึกษาข้อมูลควบคู่กันไป ทั้งนี้เราย้ำมาตลอดว่าก่อนที่จะมีการเสนอบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งจะต้องมีการตรวจสอบให้ดี

***"หมัก"ย้ำไม่ปรับ"นพดล-มิ่งขวัญ"ออก
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนระหว่างการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงกระแสข่าวที่มีการกดดันให้ปรับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กับ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง ว่าจะยังไม่มีการปรับรัฐมนตรีทั้ง 2 คนออกจากตำแหน่ง เพราะไม่ได้มีความผิดอะไร

"การปรับ ครม.นั้นต้องปรับแน่นอน แต่คงไม่ใช่หนังสือพิมพ์มาสั่งให้ปรับใครต่อใคร เพราะเมื่อมีรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งก็ต้องปรับ ถือเป็นหน้าที่ของ นายกรัฐมนตรี และขณะนี้มีว่าง 1 ตำแหน่ง ส่วนรัฐมนตรีที่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติจะขอสู้ถึงชั้นศาล ก็ต้องให้ต่อสู้ไป เมื่อถึงเวลาปรับก็คงปรับ แต่รอให้ศาลชี้มาก่อน และยังไม่ขอพูดเรื่องนี้ เพราะเกรงจะถูกกล่าวหาว่าไปชี้นำอีก"

นายสมัคร กล่าวถึงการที่พบปะกับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในงานแต่งงานบุตรสาวของพล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีว่าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นเพียงพบปะกันธรรมดาเท่านั้น

***"ชูศักดิ์"ให้3รมต.ตัดสินใจเอาเอง
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคุณสมบัติของ 3 รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับคดีหวยบนดินที่ล่าสุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) เห็นแย้งว่า น่าจะพ้นจากตำแหน่ง ว่า ความจริง ไม่ใช่เฉพาะตอนนี้ เรื่องนี้โต้แย้งกันมาตั้งแต่ คณะกรรมาตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) มีมติโดยโต้แย้งว่า จริงๆแล้วที่เขาถูกฟ้อง และดำรงตำแหน่งหน้าที่อยู่ในปัจจุบันมันไม่เกี่ยวกับกรณีที่ถูกฟ้องก็มีปัญหาว่าจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่ท้ายที่สุดทั้ง 3 ท่าน ก็ไม่ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่เรื่องแบบนี้จะส่งให้ตีความได้หรือไม่ ก็ต้องเป็นดุลยพินิจของรัฐมนตรีทั้ง 3 ท่าน ต้องไปคิด

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีปัญหาเรื่องการเซ็นต์เอกสารการทำงานหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า อันนี้เป็นหลักทั่วไปไม่มีผลย้อนถึงในอดีตที่ทำไป แต่ทั้ง 3 รัฐมนตรีอ้างว่า กรณีที่ถูกฟ้องไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ที่มีอยู่ในขณะนี้และในขณะนั้นเป็นมติ ครม. ท่านก็ไม่ดูแล ปัจจุบันแม้จะกำกับดูแลกระทรวงการคลังก็เข้าทางอย่างที่ตนว่า ในอดีตกับปัจจุบันซึ่งสุดแต่ศาลจะพิจารณาว่าจะเป็นอย่างไร จะให้ตีความ หรือจะอย่างไรก็ลองดู

***ยังไม่รู้จะให้กฤษฎีกาหรืออัยการตีความ
ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตอนนี้มีความเห็นแตกกัน 2 ฝ่ายคือ ส่วนหนึ่งเห็นว่า 3 รมต.ต้องพักตามกฎหมาย อีกส่วนหนึ่งเป็นนักกฎหมายหลายท่านพูดทำนองว่า เมื่อรัฐมนตรีถูกตรวจสอบและถูกชี้มูลโดยป.ป.ช.จะต้องพักงานระหว่างที่มีการดำเนินคดี และมีความเห็นอีกว่า ควรจะเป็นรัฐมนตรีในขณะนั้น ขณะนี้ไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก เราคิดว่าเมื่อเรื่องนี้ คดีเข้าสู่ศาล ถ้าไม่ชัดเจนอาจจะต้องให้มีการตีความโดยกฤษฎีกา หรือพนักงานอัยการ หรือใคร ตนไม่รู้จะเป็นใครที่ดีที่สุด แต่ต้องทำให้ชัดเจน ตอนนี้ตนไม่สามารถฟันธงลงไปได้ว่าพัก หรือไม่ เพราะฟังแล้วมีเหตุผลทั้ง 2 ฝ่าย

ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องเกิดตั้งนานแล้วมำไมรัฐบาลไม่เตรียมรับสถานการณ์ นายสมชาย กล่าวว่า เตรียมรับ ตอนนั้นยังไม่ถึงจุดเด็ดขาดของบางอย่างถ้าเราไปตั้งไว้ก่อนล่วงหน้าเหมือนกับว่าชี้ผิดแล้ว ไม่ดี ตนคิดว่าควรรอบคอบ แต่มั่นใจว่า ทุกอย่างต้องทำให้ประชาชนได้รับทราบชัดเจนและเป็นที่พึงพอใจของสาธารณชน เราเป็นรัฐบาลที่ต้องทำตัวให้เห็นว่าไม่ได้ฝ่าฝืนอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของพรรคพลังประชาชนที่รัฐมนตรีมีปัญหารวมทั้งตัวนายกรัฐมนตรีเองจะทำอย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า ที่ถูกยื่นไปแล้วหากศาลตัดสินอย่างไรทุกท่านก็ต้องปฏิบัติตาม ถือเป็นเรื่องธรรมดา ปัญหาเกิดขึ้นก็ต้องจัดการ ถ้าศาลชี้ว่าหมดสภาพก็หมดไป ต้องมีการปรับ ครม.ใหม่ ถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องปรับ ส่วนความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาล คิดว่าอยู่ที่นโยบายและเรายังได้รับการสนับสนุนจากประชาชนส่วนใหญ่ และคนที่มาใหม่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงนโยบาย

"สมมติว่าถ้ามีการปรับครม.นายกฯคงต้องเสาะหาบุคลากรที่มีความสามารถ และได้รับความเชื่อมั่น ผมมั่นใจอย่างนั้น คิดว่าไม่น่าจะกระทบกระเทือนอะไรถึงเสถียรภาพรัฐบาล เพราะรัฐบาลมีหลายพรรค"

***เชื่อไม่มีใครจูงจมูก"สมัคร"ได้
ส่วนที่ฝ่ายค้านมองว่า การปรับไม่ได้อยู่ที่นายกรัฐมนตรีแต่อยู่ที่คน ที่อยู่ข้างหลังนายกรัฐมนตรีนั้น นายสมชาย กล่าวว่าก็ว่ากันไป แต่ข้อเท็จจริงต้องยอมรับว่าอยู่ที่นายกรัฐมนตรี และท่านทั้งหลายก็เห็นว่าต้องอยู่ที่นายกรัฐมนตรีใครจะรับผิดชอบได้ ตนมั่นใจว่าท่านมีประสบการณ์ทางการเมืองสูง และเชื่อว่าพวกเราทุกคน รู้จักนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างดี เพราะอยู่ทำเนียบฯกันมานาน ท่านเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์อาวุโสทางการเมืองสูงมากไม่มีทางที่ใครจะอยู่เบื้องหลัง หรือชี้นำท่านได้ ตนว่ายาก

ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อตั้งครม.ครั้งแรกนายกรัฐมนตรียังบ่นว่า ขี้เหร่ นายสมชาย กล่าวว่า ขี้เหร่ก็ไม่ได้บ่นว่าใครเป็นคนเอาให้ท่าน ท่านบ่นของท่านเอง เป็นการพูดปกติ บางครั้งการเมืองต้องมีการทรงตัว ซึ่งคำพูดตอนนั้นนายกรัฐมนตรีก็พูดเป็นคนตั้งเอง

"ผมจำได้นายกฯเริ่มเข้าการเมืองบอก อายุ 32 ผมยังไปฟังท่านปราศรัยที่สนามหลวง ตอนนั้นผมยังเป็นนักศึกษาปี 2 -3 ก็ 30 กว่าปีลองคิดดูแล้วกัน ท่านมีประสบการณ์สูง ผมมั่นใจว่าท่านนำพา เป็นผู้นำประเทศได้ดีไม่มีทางที่ใครจะอยู่เบื้องหลังได้"

***อยู่4ปีเป็นกติกาตามรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีบอกจะอยู่ให้ครบ 4 ปี แต่ถ้าครม.ยังมีรอยด่าง ไม่ได้คนที่ดีเข้ามาจะอยู่ได้อย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า คงต้องดูกันต่อไป ตนไม่สามารถบอกได้ตอนนี้ว่าจะอยู่อย่างไร แต่มั่นใจอย่างหนึ่งว่า เราทำงานที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าอยู่ 4 ปี นั่นคือกติกาตามรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่มีการยุบสภา ไม่มีนายกรัฐมนตรีลาออกก็ต้องอยู่ 4 ปี และต้องไม่มีปัญหาความแตกแยกของพรรคร่วมรัฐบาล ตนคิดว่าเรื่องการเมือง มันถามได้ทุกวัน ตอบได้ทุกวันก็ปรับกันไป แต่ตนมั่นใจอย่างหนึ่งว่า นโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้มั่นคงชัดเจน ผลงานที่ทำมา โอเค เรายอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ แต่ไม่ใช่ว่าไม่ทำอะไรเลยหรือไร้ผลงานทุกอย่าง รัฐบาลจะไปจะอยู่ไม่สำคัญแต่นโยบายที่ทำให้ตกได้ประชาชนให้มองประชาชนเป็นหลักศูนย์กลาง รัฐบาลถือเป็นเรื่องปกติ ดีชั่วประการใดขอให้มุ่งมั่นทำงาน ให้ประชาชน

ส่วนรัฐบาลจะทำอย่างไรให้เกิดความสมานฉันท์ในบ้านเมือง นายสมชาย กล่าวว่า ช่วยๆกันตนก็พยามอยากให้เกิดความสมานฉันท์ ซึ่งสมานฉันท์เกิดได้ ต้องเคารพกฎเกณฑ์ กติกา กฎหมายและต้องมีไมตรีจิตร ซึ่งกันและกัน สิ่งดีว่าดี สิ่งไม่ดีว่าไม่ดี ไม่มีอคติ ซึ่งกันและกัน ไม่มองกันในแง่ร้าย ถ้าใครไม่ดีก็ว่าไป ดีก็ว่าไปและให้มีเมตตาธรรมซึ่งกันและกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลจะยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัดหรือไม่ และทำอะไรไม่สวนกระแสสังคมอย่างที่ผ่านมา เช่นเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ที่ถูกวิจารณ์ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่สวน วิจารณ์ได้แต่ต้องด้วยหลักการและเหตุผล เราก็รับฟังอยู่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น