พันธมิตรฯถกเป่านกหวีดวันนี้ คาดศาลปกครองสั่งคดี"ปราสาทพระวิหาร" จันทร์นี้ ไม่สน "ปาหี่" พรรคร่วมรัฐบาลโหวตหนุน "หุ่นเชิด" แลกปรับครม.ชี้สายไปแล้วและไม่ผิดความคาดหมายเพราะอยู่ด้วยผลประโยชน์ เตือนข้าราชการหยุดรับใช้ "ระบอบทักษิณ"
วันนี้ (27 มิ.ย.) เวลา 18.30 น. หลังเวทีสะพานชมัยมรุเชฐ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวโดยระบุถึงผลโหวตในสภาที่มีมติไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทั้ง 7 คนว่า พันธมิตรฯไม่ได้หวั่นไหว หรือผิดหวังอะไร เพราะคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่ามติจะออกมาเช่นนี้ เพราะ 6 พรรคร่วมรัฐบาล ร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลด้วยผลประโยชน์ทั้งตำแหน่งทางการเมืองและเม็ดเงินก้อนใหญ่ของผู้มีบารมีบางคน และเชื่อว่า 6 พรรคร่วมจะอุ้มค่อมกระเตงกันต่อไป ไม่ได้สนใจวิกฤตบ้านเมืองและเงื่อนไข 5 ข้อ ในการจัดตั้งรัฐบาลแต่อย่างใด เพราะเป็นเพียงการสร้างความชอบธรรมในการเข้าร่วมรัฐบาลเท่านั้น
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า แม้ว่าหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะมีข้อเสนอให้มีการปรับ ครม. ก็คงไม่มีประโยชน์ และไม่เชื่อว่าจะคลี่คลายวิกฤติทางการเมืองได้ เพราะตำแหน่งที่ควรปรับออก ตำแหน่งแรกคือตัวนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช เอง ที่ตอนนี้ ได้กลายเป็นโมฆะบุรุษไปแล้ว เพราะว่าประชาชนไม่เชื่อถือ ขาดจริยธรรมในการนำพารัฐบาล เพื่อกอบกู้สถานการณ์หากรัฐบาลโดยพรรคพลังประชาชนยังดันทุรัง เล่นการเมืองด้วยเสียงข้างมากต่อไป แต่ไม่สนใจความชอบธรรมและปัญหาในความล้มเหลวในการทำงาน อยากเตือนว่ารัฐบาลนี้กำลัง นำพาบ้านเมืองเข้าสู่ทางตัน และกำลังพาคนไปตาย
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ถึงจุดนี้แล้ว มีแต่การสถาปนาการเมืองใหม่เท่านั้น ที่จะหยุดวงจรอุบาทว์ทางการเมืองได้คือ การจุดประกายเรื่องการเมืองใหม่ ของพันธมิตรฯ ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนจะช่วยกันขบคิด ขยายผล และหาโมเดลที่ดีร่วมกัน โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางแปรเปลี่ยนประชาชนที่ว่านอนสอนง่าย ให้เป็นพลเมืองที่ตื่นตัวทางการเมือง ตนอยากย้ำว่า อย่าตีความการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ ว่าเป็นการเอื้อให้เกิดรัฐประหารและสร้างทางลัดของประชาธิปไตย รวมทั้งไม่เป็นไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม การเมืองใหม่จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่จัดการกับรัฐบาลหุ่นเชิดเสียก่อน จุดยืนของพันธมิตรฯ ขณะนี้ ยังคงต้องการให้รัฐบาลออกไป การเมืองใหม่จะเกิดขึ้นหรือไม่นั้นรัฐบาลต้องออกไปเสียก่อน อย่างไรก็ตามต้องฝากนักวิชาการและผู้รู้ ให้ช่วยคิดต่อด้วย
นายสุริยะใส กล่าวถึงกรณีสินบนศาลด้วยว่า เรื่องดังกล่าวได้ตอกย้ำชัดเจนว่า ข้อกล่าวหารัฐบาลหุ่นเชิดพยายามทุกวิธีทางเพื่อแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมนั้น เป็นจริงไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอย ตนอยากให้อ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม เพื่อชี้ให้เห็นว่า เส้นทางของเงินมาจากใคร มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร ตนมีคำถามว่ากรณีนี้ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกจริงหรือไม่ และมีใครประกันได้หรือไม่ว่า จะเป็นครั้งเดียวหรือครั้งสุดท้าย เรื่องนี้ไม่ควรจบเพียงแค่นำตัวทนายทั้ง 3 คน ติดคุกเท่านั้น แต่ต้องขยายไปถึงเบื้องหลังด้วย โดยเฉพาะในสมัยของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ก็เคยมีการนำเสนอข่าวในทำนองเดียวกันนี้ ว่ามีการแลกผลประโยชน์ ทั้งเงินสด ตำแหน่งหน้าที่ และผลประโยชน์อย่างอื่น เช่นกัน
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ถือเป็นการชุมนุมยืดเยื้อครบ 34 วัน เทียบเท่ากับการชุมนุมของพันธมิตรฯ ในปี 49 รวมกันและถือเป็นความสำเร็จของพวกเรา ส่วนการเคลื่อนไหวเฉพาะหน้าในช่วง 2-3 วันนี้ พันธมิตรฯ จะยึดยุทธศาสตร์ชุมนุมยืดเยื้อเหมือนเดิม จะยังไม่มีการเคลื่อนไหวไปที่ใด โดยหากมีกำหนดการใด ๆ จะมีการแจ้งให้ผู้สื่อข่าวทราบเสียก่อน โดยในคืนนี้แกนนำจะประชุมกำหนดการเคลื่อนไหวอีกครั้ง ซึ่งจะรวมถึงยุทธการเป่านกหวีดในครั้งต่อไปด้วย
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่การชุมนุมกระทบต่อสถาบันการศึกษา ในบริเวณที่ชุมนุม ในเบื้องต้นแกนนำพันธมิตรฯ ได้เจรจากับทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร โดยจะมีการปิดลำโพงในช่วงกลางวัน เพื่อที่จะทำการเรียนการสอนได้โดยสะดวก ซึ่งก็ได้รับความเข้าใจเป็นอย่างดี ส่วนในกรณี โรงเรียนราชวินิต ที่ต้องการฟ้องศาลเอาผิดการชุมนุมของพันธมิตรฯนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของเขาเมื่อเจรจาแล้วแต่ทางโรงเรียนรับไม่ได้ แต่ตนแปลกใจเหมือนกันที่ทางฝั่ง ม.ราชมงคลพระนคร กลับยอมเสียสละและพูดคุยกันรู้เรื่อง
สำหรับกรณีที่ พล.ต.ต. อำนวย นิ่มมะโน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เตรียมดำเนินคดีกับผู้ปราศรัยข้อหากระด้างกระเดื่องต่อรัฐบาล หรือกบฏในราชอาณาจักร ตามกฎหมายอาญา มาตรา 116 นั้น อยากแนะนำให้ พล.ต.ต.อำนวย กลับไปอ่านกฎหมายและรัฐธรรมนูญให้ละเอียดเสียก่อน เพราะในมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญก็คุ้มครองการชุมนุมโดยสันติ และโดยปราศจากอาวุธอยู่แล้ว อย่าลืมว่ามีข้าราชการหลายคนที่ถูกเช็คบิล เมื่อทิศทางลมทางการเมืองเปลี่ยนไป
นายสุริยะใส กล่าวถึง ความคืบหน้าการไต่สวนของศาลปกครองในคดี มติของ ครม.เรื่องเขาพระวิหารว่า ขณะนี้ทางศาลยังไม่มีการแจ้งคำสั่งมายังตน เข้าใจว่าคงจะส่งผลคำสั่งมาในวันจันทร์หน้า เพราะศาลต้องพิจารณาสำนวนการไต่สวนจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.50 น. ผศ.วิวัฒน์ชัย กุลมาตย์ อาจารย์ประจำภาควิชาจิตวิทยา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังเวทีพันธมิตรฯ ถึงกรณีที่ นายรังสรรค์ แสงสุข อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ระบุว่านักศึกษาที่ทุจริตในการสอบของมหาวิทยาลัยจนถูกไล่ออกชื่อ นายสานติ พรมพัฒน์ ไม่ใช่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม เรื่องนี้จึงเป็นเพียงการเข้าใจผิด เนื่องจากมีบุคคลชื่อคล้ายกันนั้น ว่าจากการค้นฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกระทรวงมหาดไทย เพื่อหารายชื่อของ นายสานติ พรมพัฒน์ และ ศานติ พรมพัฒน์ กลับพบว่าไม่มีอยู่ในฐานทะเบียนราษฎรแต่อย่างใด ตนจึงคิดว่าเรื่องนี้ น่าจะเป็นเพียงการอ้างชื่อคำพ้องขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงความจริงเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ตนได้ไปแจ้งความเอาผิดนายรังสรรค์ แสงสุข อดีตธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหงไว้แล้ว ในฐานความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 151 ของกฎหมาย ปปช. ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี - ถึงตลอดชีวิต