xs
xsm
sm
md
lg

ต้องสำเร็จโทษโคตรอีแอบ

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

ชาวบ้านไม่เข้าใจ และหลับหูหลับตาบูชาอาชญากรคนหนึ่งและหมู่คณะอยู่จนถึงทุกวันนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะสื่อและนักวิชาการใช้ศัพท์แสงสูงเกินไป จนชาวบ้านเขาถอดรหัสไม่ออก

ต่างกับคำพูดที่ไม่ต้องถอดรหัส เช่น คำว่า “ปลดหนี้” “หยุดหนี้” “30 บาทรักษาทุกโรค” “แจกเงินล้านบาททุกหมู่บ้าน” “ซื้อวัว 8 พัน กู้ ธ.ก.ส.ได้หมื่นสี่ ไม่มีเงินใช้หนี้เลือกเรามามากๆ จะช่วยปลดให้”

คำว่าโคตรอีแอบนี้เห็นจะไม่ต้องถอดรหัส

โคตรอีแอบบ้านเรา

1. แอบที่หนึ่ง รัฐบาลเสียงข้างมากครั้งแรกของประเทศ แอบกระทำผิดกฎหมาย ทำลายรัฐธรรมนูญหลายข้อ เช่น สั่งฆ่าและทำให้บุคคลสูญหายเป็นจำนวนมากโดยไม่ได้ทำตามขั้นตอนของกฎหมายและไม่มีคำพิพากษาของศาล คดโกงเงินทองของหลวงอย่างมหาศาล โดยใช้งบประมาณของหลวงตามอำเภอใจ และกินสินบาทคาดสินบน ชักหน้าดึงหลังทรัพย์สินจากผู้รับเหมาโครงการใหญ่น้อยของรัฐ ตั้งแต่โครงการใหญ่คือสนามบิน จนกระทั่งถึงโครงการเล็ก เช่น ค่าฝึกอบรมของสมาชิก อบต. ฯลฯ ทำลายแทรกแซงหลักราชการของกระทรวงทบวงกรมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นพรรคเล่นพวกแต่งตั้งบุคคลที่เป็นสมุนของตนให้อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้พรรคพวก แทรกแซงองค์กรอิสระทำลายอำนาจมิให้ตรวจสอบการกระทำผิดบกพร่องของตน หากปกปิดไม่ผิดก็ให้บิดเบือนหรือหน่วงเหนี่ยวมิให้ความผิดถึงตน จนกระทั่งบางองค์กรถูกลงโทษจำคุก เช่น กกต. เป็นต้น

กระทำผิดข้ามหัวรัฐสภาโดยมินำเรื่องที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ขออนุมัติและส่งให้พระมหากษัตริย์ลงปรมาภิไธยมากมายหลายเรื่อง กระทำการผิดรัฐธรรมนูญและฝ่าฝืนกฎหมายพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง โกงเลือกตั้ง ฯลฯ จนกระทั่งศาลตัดสินให้ยุบพรรค และลงโทษมิให้ผู้นำพรรคเล่นการเมืองต่อไปอีก หรือตั้งพรรคอีกเป็นเวลา 5 ปี โทษฐานการกระทำเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจปกครองโดยไม่ถูกต้องตามครรลองของรัฐธรรมนูญ ถอดรหัสให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ โทษฐานบั่นทอนสถาบันกษัตริย์และโกงเลือกตั้งทุกรูปแบบเพื่อจะได้จัดตั้งรัฐบาล

2. แอบที่ 2 โดยไม่นำพาต่อคำสั่งศาล ผู้นำของพรรคก็แอบไปซื้อพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นพรรคของคนอื่นให้มาเป็นพรรคของตน แล้วก็พากันแอบเข้าไปอยู่ในพรรค ทั้งคนที่ปรากฏชื่อและไม่ปรากฏชื่อ พวกที่ไม่ปรากฏชื่อคือ กรรมการบริหารพรรค 111 คนที่ศาลตัดสิทธิทางการเมืองก็ แอบพากันเข้าไปบริหารพรรค อย่างหน้าเฉยตาเฉย ขณะนี้ก็แยกย้ายกันกลุ่มละ 3 คน เข้าควบคุมกลุ่มย่อย ส.ส.ของพรรคครบทุกกลุ่ม นอกจากนั้นคนอื่นๆ ที่เคยเป็นกรรมการบริหารพรรคก็แอบลอดสายตา กกต. และบทบัญญัติของ ม. 97 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2550 ความว่า “ในกรณีที่พรรคการเมืองต้องยุบฯลฯ ตามมาตรา 84 ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของพรรคการเมืองที่ถูกยุบไป จะจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนในการจดแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่อีกไม่ได้

เพียงแค่นี้ก็เห็นชัดแล้วว่า การที่ กกต.ปล่อยให้นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายสุวิทย์ คุณกิตติ พลเอกเชษฐา ฐานะจาโร นายเสนาะ เทียนทอง และคนอื่นๆ ที่ต้องห้ามตามมาตรานี้ ไปจัดตั้งและบริหารพรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อแผ่นดิน และพรรคอื่นๆ นั้นล้วนแล้วแต่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น

เป็นการสมคบกันแอบกระทำผิดกฎหมายทั้งสิ้น

3. แอบที่ 3 คือ แอบลงเลือกตั้ง เมื่อบุคคลดังกล่าว แอบ กกต. หรือสมคบกับ กกต.แอบเข้าไปจัดตั้งพรรคสำเร็จแล้ว ทั้งๆ ที่พรรคยังมิได้รับการจัดตั้งสมบูรณ์ตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยการรับสมาชิกก็ดี การจัดตั้งกรรมการบริหารก็ดี การลงมติและอนุมัติให้บุคคลเป็นตัวแทนของพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งก็ดี พรรคเหล่านั้นก็ตบตากกต.หรือสมคบกับ กกต. แอบลงเลือกตั้ง เสมือนหนึ่งถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ทั้งๆ ที่หลักฐานพยานทุกอย่างที่มีอยู่ยืนยันว่าไม่ใช่

4. แอบที่ 4 คือ แอบยึดอำนาจรัฐด้วยการแอบจัดตั้งรัฐบาล เมื่อการเลือกตั้งที่มิชอบด้วยกฎหมาย ภายใต้การอำนวยการของ กกต.สิ้นสุดลงแล้ว ภายใต้การเร่งรัดของกกต.โดยอ้างว่าจำต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เปิดสภาให้ได้ตามกำหนด (ซึ่งแท้ที่จริงมิใช่หน้าที่ของ กกต. กกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์เที่ยงธรรมและถูกกฎหมาย) ทั้งๆ ที่ กกต.บกพร่องมินำกฎหมายในอำนาจหน้าที่มาปฏิบัติให้ถูกต้องหลายฉบับหลายมาตรา กกต.ก็ปล่อยให้พรรคไทยรักไทยในเสื้อคลุมใหม่รวมทั้งพรรคสาขา และพรรคชาติไทย ลอยนวลแอบเข้าไปจัดตั้งรัฐบาล นี่คือรัฐบาลนอกกฎหมายที่แอบทำลายกฎหมายเข้ามาใช้อำนาจควบคุมรัฐอย่างปฏิเสธมิได้

5. แอบที่ 5 คือ แอบทำลายอำนาจอธิปไตยและขายดินแดนของชาติไทย เมื่อแอบเข้ามาบริหารบ้านเมืองเป็นเวลา 4 เดือนเศษ รัฐบาลโคตรอีแอบ ได้แอบทำลาย อำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นอำนาจอธิปไตยสองในสามไปอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือ 1. ในส่วนอำนาจบริหารหรือการทำงานของคณะรัฐมนตรีนั้น เป็นการบริหารโดยออกคำสั่ง ส่วนมากเป็นการส่งเพื่อปรับเปลี่ยนบุคคลในราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ด้วยการย้ายเอาพรรคพวกสมุนบริวารของรัฐบาลเก่าเข้ามา เอาผู้รักษากฎหมายหรือบุคคลที่ไม่เข้าข้างพรรคออกไป กับการเร่งรัดอนุมัติโครงการใหญ่ๆ เป็นหมื่นเป็นแสนล้าน โดยปราศจากการกลั่นกรองตามหลักธรรมาภิบาล และ due diligence หรือความรอบคอบถี่ถ้วนทุกด้าน คือเทคนิค กฎหมาย เศรษฐกิจ การเมือง และอนาคตทำนายฯลฯ โดยไม่คำนึงถึงความน่าเชื่อถือว่ารัฐบาลนี้รับมรดกมาจากรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ตกอยู่ใต้ข้อหาเรื่องคอร์รัปชันคดโกงนับไม่ถ้วนคดี นายกรัฐมนตรีเองก็กำลังจะต้องขึ้นศาลเพราะถูกกล่าวหาในคดีรถดับเพลิง ความเร่งรีบและคุยโม้ของนายกรัฐมนตรีจึงไม่เป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือเลยแม้แต่น้อย ตัวอย่างเช่น เรื่องจะผันน้ำแม่น้ำโขงเป็นแสนล้านนั้น วิศวกรชลประทานและนักนิเวศวิทยาเกือบทั้งประเทศ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญนานาชาติเห็นว่า ด้วยเงินไม่กี่พันล้านอีสานสามารถมีน้ำใช้ตลอดปี ถ้ารู้จักใช้ชลประทานฝนและเข้าใจวิถีน้ำและวิถีลุ่มน้ำอย่างมีสมดุล ซ้ำแอบทำลายอำนาจนิติบัญญัติโดยไม่ให้สภาผู้แทนออกกฎหมายแม้แต่ฉบับเดียวตลอดสมัยประชุม ฯลฯ

ที่สำคัญที่สุด รัฐบาลโคตรอีแอบนี้กำลังถูกสงสัยด้วยหลักฐานที่เกินสงสัยว่า แอบขายผืนแผ่นดินล้อมรอบเขาพระวิหารให้กับเขมร เพื่อแลกเปลี่ยนสัมปทานแก๊สในทะเล และการเช่าเกาะกงเป็นเวลา 99 ปี ของกลุ่มธุรกิจผูกขาดทักษิณ ชินวัตร เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็ดี วุฒิสภาก็ดี สถาบันศึกษา และผู้ชำนาญเกือบทั้งหมดของเกือบทุกฝ่าย เห็นว่ารัฐบาลแก้ตัวไปข้างๆ คูๆ เอาสีข้างถู แก้ไม่ตกว่าทำไมจึงเร่งรีบ ขาดหลักฐานที่หนักแน่น เปลี่ยนแผนที่เป็นแผนผัง ปกปิดคำแถลงร่วมจนวาระสุดท้าย สิ่งที่ให้สัมภาษณ์ล่วงหน้ากับตัวแถลงการณ์ และคำอภิปรายตอบในสภาไม่ตรงกัน

โคตรอีแอบเอ๋ย จะแอบอะไรก็แอบไป จะอ้างทหารร่วมชั้นของไอ้แอบกี่คนก็อ้างไป แต่อย่าหวังว่าจะแอบเอาพื้นแผ่นดินของพ่อกูไปขายได้ ไม่มีคนไทยที่ไหนเขาจะยอมมึง แม้แต่คนที่นุ่งผ้าซิ่นเขาก็ไม่ยอม อย่าว่าแต่คนสวมเครื่องแบบเป็นทหารของพระเจ้าอยู่หัวเลย


ท่านผู้อ่านที่เคารพ ขอโทษนะครับ ของผมยังไม่ขึ้นหรอก ข้อความประโยคต้นนี้ ผมไปได้ยินเขาตะโกนมาจากหน้าทำเนียบรัฐบาล ไม่รู้ว่าเป็นเสียงของพันมิตรฯ หรือตำรวจที่อยู่ตรงนั้นแน่

ถึงตอนนี้ ผมอยากจะเรียนให้คนไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักกฎหมาย ทหาร ตำรวจ ศาล และนักประชาธิปไตยทั้งหลายเห็นว่า ขบวนการอีแอบทั้ง 5 ซึ่งเป็นโคตรอีแอบนี้มีข้ออ้างอยู่อย่างเดียว นั่นก็คือ ถ้าอยากรู้ว่าเขาผิดหรือไม่ผิดให้ไปถามผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

นั่นก็คือ เขาอ้างความชอบธรรมที่มากับการเลือกตั้ง ในขณะที่ทั้งเขาและเราต่างก็รู้ดีว่า การเลือกตั้งมันไม่เป็นธรรม ไม่ถูกกฎหมาย ถูกครอบงำ แอบแฝง และแอบอ้างทั้งนั้น

ทหารของชาติทั้งหลาย ท่านไม่รู้หรือว่า นายของท่านหรือรัฐมนตรีกลาโหมนั้นเป็นหนึ่งในขบวนการอีแอบเท่านั้น หาใช่ผู้บังคับบัญชาที่ถูกต้องตามกฎหมายไม่ และขบวนการอีแอบนี่แหละที่กำลังจะทำลายจอมทัพของท่าน!

อีแอบบ้านเขา ผมขอเล่าเรื่องอีแอบอเมริกันเพราะผมรำคาญหัวหน้าอีแอบคนปัจจุบัน และพ่อของมันที่เอะอะอะไรก็อ้างการเลือกตั้ง อ้างเสียง 9 ล้าน 12 ล้าน ในขณะที่เสียง 14 ล้านที่รับรองประชามติมันไม่ฟัง

เรื่องอีแอบอเมริกันนี้ คือเรื่องของประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งชนะการเลือกตั้งแบบขาดลอยถล่มล็อก ไม่มีทางที่ใครจะทำลายสถิติได้ แต่ในที่สุดก็ต้องพังลง ต้องลาออกจากตำแหน่ง เพราะความผิดพลาดที่แอบไปเป็นผู้ปกป้องขบวนการอีแอบ

คดีวอเตอร์เกตหรือขบวนการอีแอบของอเมริกันเกิดขึ้นเพราะคณะผู้หาเสียงของประธานาธิบดีนิกสัน แอบงัดเข้าไปในห้องทำงานของพรรคเดโมแครตเพื่อขโมยเอกสารและแผนการหาเสียง ปรากฏว่าเมื่อถูกจับได้ ทำอย่างไรเรื่องก็สาวไม่ถึงท่านประธานาธิบดี แต่ในตอนสืบสวน ปรากฏว่าท่านประธานาธิบดียอมให้ลูกน้องมาเป็นอีแอบ คือแอบอยู่ใต้การคุ้มครองของท่าน โดยท่านปกป้องไม่ให้ลูกน้องไปให้การบ้าง ถ่วงนัดและถ่วงการพิจารณาคดีบ้าง ท่านประธานาธิบดีเองให้การคลุมเครือบ้าง ทำลายพยานหลักฐานคือเทปบันทึกการสั่งงานของประธานาธิบดีบ้าง

ในที่สุดท่านประธานาธิบดีก็ถูกข้อกล่าวหาคดีประวิงหรือขัดขวางความยุติธรรมทำให้สภาคองเกรส ด้วยสมาชิกพรรคริพับลิกันของนิกสันเอง และสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน รวมหัวกันจะปลดประธานาธิบดีออก (impeach) Nixon ไม่มีทางเลือกจึงต้องลาออก เพื่อแลกกับการที่ประธานาธิบดีคนใหม่จะอภัยโทษ (Pardon) คดีประวิงหรือขัดขวางความยุติธรรม (Obstruction of Justice) ให้เหตุเกิดในปี 1974 หลังการเลือกตั้งเทอม 2 ในปี 1972 ซึ่งนิกสันชนะอย่างถล่มทลายถึง 49 ต่อ 1 มลรัฐ 49 ต่อ 29 ล้านเสียง 520 ต่อ 17 electoral vote หรือคณะผู้โหวตจากมลรัฐต่างๆ

เห็นไหมครับท่านผู้อ่าน ความชอบธรรมทางการเมืองมิได้อยู่ที่การเลือกตั้งอย่างเดียว แต่อยู่กับว่าเลือกมาอย่างไร และหลังจากเลือกแล้วอยู่หรือปฏิบัติอย่างไร จะอ้างหรือเป็นโคตรอีแอบอยู่หลังการเลือกตั้งอย่างเดียวเหมือนสมัครทักษิณหาได้ไม่

ในทฤษฎีการเมืองประชาธิปไตย เช่น Social Contract ของ Rousseau เมื่อผู้ปกครองไม่ชอบธรรม และทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ประชาชนมีสิทธิโค่นล้มรัฐบาลนั้นได้ทุกเมื่อ และจะใช้วิธีการหรือกำลังอย่างใดก็ได้ เพราะถ้าขืนคอยการเลือกตั้งหรือการตัดสินใจในสภา หากเป็นสภาอีแอบ สภาโจร หรือสภาเผด็จการ อีกกี่ชาติจึงจะทำได้

พระพุทธเจ้าเองทรงสอนว่า ผู้นำเลวที่ทำความเดือดร้อนให้กับประชาชน สมควรจะถูกรุมให้นอนตายเหมือนวานรเกกมะเหรกที่เป็นจ่าฝูงนั่นทีเดียว

พี่น้องประชาชนทั้งหลาย เรามาช่วยกันสำเร็จโทษโคตรอีแอบเถิด อย่าปล่อยให้มันแอบทำลายบ้านเมืองของเราต่อไปเลย!
กำลังโหลดความคิดเห็น