นายกรัฐมนตรีหุ่น นายสมัคร สุนทรเวช กล่าวปาฐกถา ซึ่งจัดโดยสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ว่า รัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด เพราะมาจากสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ตอนนั้นที่หัวหน้าพรรคประชากรไทยไม่รับ เนื่องจากไม่ต้องการให้บีบบังคับกัน เพราะกระแสการเมืองธงเขียวมันแรงเหลือเกิน
จากนั้นนายกรัฐมนตรีหุ่น เล่าความเชื่อของตนที่เคยพูดมาแล้วหลายครั้งว่า หากไม่มีคนชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญปี 2540 จะอยู่ต่อไป แต่เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ประสบความสำเร็จเพราะนโยบายดี จนพรรคอื่นต้องลอกแบบไปไม่อาย แต่อยู่ได้ 1 ปีก็บอกว่า ไม่ดีเพราะเก่งเกินไป รวยเกินไป สรุปแล้วรัฐธรรมนูญเลวหรือใครเลว เลวมากจนเอาไว้ไม่ได้ ต้องทำการยึดอำนาจแล้วก็บอกว่า รัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่ดี
นายกรัฐมนตรีหุ่น นายสมัคร สุนทรเวช ยังคงพูดดำเป็นขาว พูดขาวเป็นดำ เหมือนดังที่เขาเคยทำมาแล้วหลายครั้ง เช่น การพูดถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา ว่า มีคนตายเพียงคนเดียว
การที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมีบุญคุณต่อเขาอย่างล้นเหลือ ด้วยการช่วยให้มาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เอาลูกพรรคเข้ามาสังกัด ช่วยเหลือเจือจานในการเลือกตั้งจนกระทั่งได้เสียงข้างมาก ทำให้พรรคพลังประชาชนได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และทำให้นายสมัคร สุนทรเวช ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมความมุ่งมาดปรารถนาในชีวิตการเมือง ทำให้นายสมัคร สุนทรเวช มืดบอดมองไม่เห็นความจริง มองแตกต่างไปจากประชาชนทั้งหลายทั้งปวง
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่นบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรีประสบความสำเร็จเพราะนโยบายดี พอเป็นนายกรัฐมนตรีรอบที่สอง อยู่ได้เพียงปีเดียว ก็บอกว่าไม่ดี เพราะเก่งเกินไป
นี่เป็นเรื่องเท็จ เรื่องโกหกที่ออกจากปากนายสมัคร สุนทรเวช อีกครั้ง
ถ้าหากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี บริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รักษาผลประโยชน์ของประชาชน รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีชีวิตที่ดีขึ้น ใครจะไปโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้
แต่การบริหารประเทศในช่วง 4 ปีแรก และอีก 1 ปีหลังของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ความเป็นจริงก็ปรากฏขึ้นว่า เขาบริหารประเทศด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ ด้วยการเอาการตลาดนำการบริหารให้ประชาชนเห็นดีเห็นงามกับการบริหารประเทศของเขา
30 บาทรักษาทุกโรค ในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญก็เขียนเอาไว้ชัดเจนว่า รัฐจะต้องจัดการให้การรักษาพยาบาลแก่ประชาชนที่เจ็บไข้ได้ป่วยฟรี ไม่ต้องเสีย 30 บาทเสียด้วยซ้ำ
กองทุนหมู่บ้าน หนึ่งผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล นั่นก็ลอกเลียนจากญี่ปุ่นทั้งกระบิ
ถามว่าทุกวันนี้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ไหม นอกจากมีหนี้สินเพิ่มขึ้น บริโภคเพิ่มขึ้น ฟุ่มเฟือยขึ้น และผู้ที่ร่ำรวยก็คือ ตระกูลชินวัตรที่ผลิตสินค้ารองรับ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ
นอกเหนือไปจากนั้นก็นักธุรกิจที่คบหาสมาคมอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้นเอง
นายกรัฐมนตรีหุ่น นายสมัคร สุนทรเวช ไปหลับหูหลับตาอยู่ที่ไหนจึงไม่รู้ว่า จุดแตกหักที่ประชาชนทั้งหลายทนไม่ได้ก็คือ การขายหุ้นบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น ของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้แก่กลุ่มทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ โดยที่มีการหลีกเลี่ยงไม่ต้องจ่ายภาษีแม้สักบาทเดียว แล้วธุรกิจที่นำไปขายให้เขานั้นเป็นธุรกิจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้สัมปทานไปจากรัฐ
เป็นความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวจนประชาชนทนไม่ได้
พรรคฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเสียงไม่พอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เยาะเย้ยถากถางจะให้สมาชิกพรรคมาร่วมลงชื่อ และยินดีที่จะให้อภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่มีการลงมติ แต่พอถึงวันก็ยุบสภาฯ เสีย
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่นเลยไปหลับหูหลับตาอยู่ที่ไหนเสียจึงไม่ได้รับรู้เรื่องเหล่านี้ รู้แต่ว่าหุ้นของเขา (ชิน คอร์ปอเรชั่น) เขาจะหายให้ลูกเขาราคาสักกี่สตางค์ก็ได้ เป็นเรื่องของเขา ทั้งที่คนทั้งบ้านทั้งเมืองเขาเห็นว่า นั่นเป็นการหลบเลี่ยงการเสียภาษีให้กับรัฐ
สมัคร สุนทรเวช เอ๋ย ไปนอนหลับนอนคู้อยู่ที่ไหนจึงไม่เห็นความผิดปกติของการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์สนามบินสุวรรณภูมิ ไม่รู้เรื่องการซื้อกล้ายางของกระทรวงเกษตรฯ ไม่รู้เรื่องที่รัฐบาลทักษิณ เอาเงินแผ่นดินให้พม่ากู้แล้วเงินส่วนหนึ่งที่พม่ากู้ไปมาจัดซื้อจัดจ้างสินค้าของครอบครัวชินวัตร
สมัคร สุนทรเวช เอ๋ย เป็นนักการเมืองเก่าแก่ที่ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองมาโดยตลอดมิใช่หรือ เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่มีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตก็หลายครั้ง เป็นต้นว่า อภิปรายไม่ไว้วางใจนายบรรหาร ศิลปอาชา เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คำอภิปรายก็แหลมคม ทิ่มแทงนายบรรหาร ศิลปอาชา จนสะดุ้งสะเทือนไปทั้งตัว
ทีเรื่องเลวๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไฉนนักการเมืองเก่งๆ ฝีปากกล้าอย่างนายสมัคร สุนทรเวช กลายเป็นใบ้ไปเสียนี้
ไม่แต่ปากพี่เป็นใบ้ ตา หู จมูก ก็ไม่ได้สัมผัสเลยละหรือ?
เรื่องอย่างนี้ไม่แต่นักการเมืองที่คร่ำหวอดอย่างนายสมัคร สุนทรเวช ควรที่จะรู้ ได้ยิน ได้ฟังมาบ้าง เว้นเสียแต่ที่จะสงบจิต สงบใจ ยอมที่จะทอดกายทอดใจไปเป็นบริษัทบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะเล็งเห็นอยู่แล้วว่า หลังจากที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีตัวเลือกมากนัก ไม่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็จะเป็นตัวนายสมัคร สุนทรเวช นี่เอง
และการประพฤติปฏิบัติตัว ก็เข้าตา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ผู้ภริยา และในที่สุดก็ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมใจ
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีไม่รู้ตัวเลยละหรือว่า ตัวเป็นเพียงนายกรัฐมนตรีหุ่น โดยที่บรรดาสมาชิกพรรคพลังประชาชนไม่ได้ให้ความเคารพนบนอบ เชื่อถือ เชื่อฟังเหมือนเมื่อครั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชากรไทย
นายสมัคร สุนทรเวช ไม่รู้ตัวเลยละหรือว่า บรรดารัฐมนตรีร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้ให้ความสำคัญแก่ตัวอย่างที่เขาให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายที่แท้จริงของพวกเขา
สรรเสริญเยินยอเขาไปเถอะ เขาคงจะกรุณาให้โอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีนานๆ
นอกเหนือจากที่โกหกมดเท็จอย่างหน้าด้านๆ นายสมัคร สุนทรเวช ยังพูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างหน้าด้านๆ อีกว่า ไม่ได้แก้เพื่อตัวเอง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นเขาพูดว่า มีเจตนาที่จะยุบพรรคพลังประชาชน มีเจตนาที่จะตัดสิทธิทางการเมืองของพวกเขา (เขาจึงต้องแก้รัฐธรรมนูญ)
มาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญที่นายสมัคร บอกว่า เขียนเป็นหลุมพรางเอาไว้เพื่อยุบพรรคพลังประชาชนนั้น ใช้บังคับกับทุกพรรคการเมือง พรรคการเมืองใดที่ไม่ทำผิด กรรมการบริหารพรรคไม่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็ไม่สามารถที่จะไปเอาผิดกับพรรคการเมืองนั้นๆ ได้
การที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตนพ้นผิด จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนทั้งหลายมองเห็นและยอมรับไม่ได้ และด้วยเหตุนี้เอง จึงมีการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากทุกภาคส่วนของประชาชนอย่างแข็งขัน ต่างไปจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญในทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา เขาไม่ได้แก้ไขเพื่อตัวเองอย่างกลุ่มนายสมัคร ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้
จากนั้นนายกรัฐมนตรีหุ่น เล่าความเชื่อของตนที่เคยพูดมาแล้วหลายครั้งว่า หากไม่มีคนชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญปี 2540 จะอยู่ต่อไป แต่เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ประสบความสำเร็จเพราะนโยบายดี จนพรรคอื่นต้องลอกแบบไปไม่อาย แต่อยู่ได้ 1 ปีก็บอกว่า ไม่ดีเพราะเก่งเกินไป รวยเกินไป สรุปแล้วรัฐธรรมนูญเลวหรือใครเลว เลวมากจนเอาไว้ไม่ได้ ต้องทำการยึดอำนาจแล้วก็บอกว่า รัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่ดี
นายกรัฐมนตรีหุ่น นายสมัคร สุนทรเวช ยังคงพูดดำเป็นขาว พูดขาวเป็นดำ เหมือนดังที่เขาเคยทำมาแล้วหลายครั้ง เช่น การพูดถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา ว่า มีคนตายเพียงคนเดียว
การที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมีบุญคุณต่อเขาอย่างล้นเหลือ ด้วยการช่วยให้มาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน เอาลูกพรรคเข้ามาสังกัด ช่วยเหลือเจือจานในการเลือกตั้งจนกระทั่งได้เสียงข้างมาก ทำให้พรรคพลังประชาชนได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และทำให้นายสมัคร สุนทรเวช ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมความมุ่งมาดปรารถนาในชีวิตการเมือง ทำให้นายสมัคร สุนทรเวช มืดบอดมองไม่เห็นความจริง มองแตกต่างไปจากประชาชนทั้งหลายทั้งปวง
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่นบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรีประสบความสำเร็จเพราะนโยบายดี พอเป็นนายกรัฐมนตรีรอบที่สอง อยู่ได้เพียงปีเดียว ก็บอกว่าไม่ดี เพราะเก่งเกินไป
นี่เป็นเรื่องเท็จ เรื่องโกหกที่ออกจากปากนายสมัคร สุนทรเวช อีกครั้ง
ถ้าหากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี บริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รักษาผลประโยชน์ของประชาชน รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีชีวิตที่ดีขึ้น ใครจะไปโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้
แต่การบริหารประเทศในช่วง 4 ปีแรก และอีก 1 ปีหลังของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ความเป็นจริงก็ปรากฏขึ้นว่า เขาบริหารประเทศด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ ด้วยการเอาการตลาดนำการบริหารให้ประชาชนเห็นดีเห็นงามกับการบริหารประเทศของเขา
30 บาทรักษาทุกโรค ในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญก็เขียนเอาไว้ชัดเจนว่า รัฐจะต้องจัดการให้การรักษาพยาบาลแก่ประชาชนที่เจ็บไข้ได้ป่วยฟรี ไม่ต้องเสีย 30 บาทเสียด้วยซ้ำ
กองทุนหมู่บ้าน หนึ่งผลิตภัณฑ์ หนึ่งตำบล นั่นก็ลอกเลียนจากญี่ปุ่นทั้งกระบิ
ถามว่าทุกวันนี้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ไหม นอกจากมีหนี้สินเพิ่มขึ้น บริโภคเพิ่มขึ้น ฟุ่มเฟือยขึ้น และผู้ที่ร่ำรวยก็คือ ตระกูลชินวัตรที่ผลิตสินค้ารองรับ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ
นอกเหนือไปจากนั้นก็นักธุรกิจที่คบหาสมาคมอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้นเอง
นายกรัฐมนตรีหุ่น นายสมัคร สุนทรเวช ไปหลับหูหลับตาอยู่ที่ไหนจึงไม่รู้ว่า จุดแตกหักที่ประชาชนทั้งหลายทนไม่ได้ก็คือ การขายหุ้นบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น ของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้แก่กลุ่มทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ โดยที่มีการหลีกเลี่ยงไม่ต้องจ่ายภาษีแม้สักบาทเดียว แล้วธุรกิจที่นำไปขายให้เขานั้นเป็นธุรกิจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้สัมปทานไปจากรัฐ
เป็นความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวจนประชาชนทนไม่ได้
พรรคฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเสียงไม่พอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เยาะเย้ยถากถางจะให้สมาชิกพรรคมาร่วมลงชื่อ และยินดีที่จะให้อภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่มีการลงมติ แต่พอถึงวันก็ยุบสภาฯ เสีย
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่นเลยไปหลับหูหลับตาอยู่ที่ไหนเสียจึงไม่ได้รับรู้เรื่องเหล่านี้ รู้แต่ว่าหุ้นของเขา (ชิน คอร์ปอเรชั่น) เขาจะหายให้ลูกเขาราคาสักกี่สตางค์ก็ได้ เป็นเรื่องของเขา ทั้งที่คนทั้งบ้านทั้งเมืองเขาเห็นว่า นั่นเป็นการหลบเลี่ยงการเสียภาษีให้กับรัฐ
สมัคร สุนทรเวช เอ๋ย ไปนอนหลับนอนคู้อยู่ที่ไหนจึงไม่เห็นความผิดปกติของการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์สนามบินสุวรรณภูมิ ไม่รู้เรื่องการซื้อกล้ายางของกระทรวงเกษตรฯ ไม่รู้เรื่องที่รัฐบาลทักษิณ เอาเงินแผ่นดินให้พม่ากู้แล้วเงินส่วนหนึ่งที่พม่ากู้ไปมาจัดซื้อจัดจ้างสินค้าของครอบครัวชินวัตร
สมัคร สุนทรเวช เอ๋ย เป็นนักการเมืองเก่าแก่ที่ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองมาโดยตลอดมิใช่หรือ เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่มีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตก็หลายครั้ง เป็นต้นว่า อภิปรายไม่ไว้วางใจนายบรรหาร ศิลปอาชา เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คำอภิปรายก็แหลมคม ทิ่มแทงนายบรรหาร ศิลปอาชา จนสะดุ้งสะเทือนไปทั้งตัว
ทีเรื่องเลวๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไฉนนักการเมืองเก่งๆ ฝีปากกล้าอย่างนายสมัคร สุนทรเวช กลายเป็นใบ้ไปเสียนี้
ไม่แต่ปากพี่เป็นใบ้ ตา หู จมูก ก็ไม่ได้สัมผัสเลยละหรือ?
เรื่องอย่างนี้ไม่แต่นักการเมืองที่คร่ำหวอดอย่างนายสมัคร สุนทรเวช ควรที่จะรู้ ได้ยิน ได้ฟังมาบ้าง เว้นเสียแต่ที่จะสงบจิต สงบใจ ยอมที่จะทอดกายทอดใจไปเป็นบริษัทบริวารของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะเล็งเห็นอยู่แล้วว่า หลังจากที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีตัวเลือกมากนัก ไม่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็จะเป็นตัวนายสมัคร สุนทรเวช นี่เอง
และการประพฤติปฏิบัติตัว ก็เข้าตา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ผู้ภริยา และในที่สุดก็ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมใจ
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีไม่รู้ตัวเลยละหรือว่า ตัวเป็นเพียงนายกรัฐมนตรีหุ่น โดยที่บรรดาสมาชิกพรรคพลังประชาชนไม่ได้ให้ความเคารพนบนอบ เชื่อถือ เชื่อฟังเหมือนเมื่อครั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชากรไทย
นายสมัคร สุนทรเวช ไม่รู้ตัวเลยละหรือว่า บรรดารัฐมนตรีร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้ให้ความสำคัญแก่ตัวอย่างที่เขาให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายที่แท้จริงของพวกเขา
สรรเสริญเยินยอเขาไปเถอะ เขาคงจะกรุณาให้โอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีนานๆ
นอกเหนือจากที่โกหกมดเท็จอย่างหน้าด้านๆ นายสมัคร สุนทรเวช ยังพูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างหน้าด้านๆ อีกว่า ไม่ได้แก้เพื่อตัวเอง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นเขาพูดว่า มีเจตนาที่จะยุบพรรคพลังประชาชน มีเจตนาที่จะตัดสิทธิทางการเมืองของพวกเขา (เขาจึงต้องแก้รัฐธรรมนูญ)
มาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญที่นายสมัคร บอกว่า เขียนเป็นหลุมพรางเอาไว้เพื่อยุบพรรคพลังประชาชนนั้น ใช้บังคับกับทุกพรรคการเมือง พรรคการเมืองใดที่ไม่ทำผิด กรรมการบริหารพรรคไม่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็ไม่สามารถที่จะไปเอาผิดกับพรรคการเมืองนั้นๆ ได้
การที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตนพ้นผิด จึงเป็นเรื่องที่ประชาชนทั้งหลายมองเห็นและยอมรับไม่ได้ และด้วยเหตุนี้เอง จึงมีการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากทุกภาคส่วนของประชาชนอย่างแข็งขัน ต่างไปจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญในทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา เขาไม่ได้แก้ไขเพื่อตัวเองอย่างกลุ่มนายสมัคร ที่กำลังทำอยู่ขณะนี้