สุราษฎร์ธานี -บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม สำนักงานสุราษฎร์ฯ ค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการภาคใต้ตอนบนครึ่งปีแรกได้แค่ 200 กว่าล้านบาท ที่นักลงทุนชะลอการลงทุน จากปัญหาราคาน้ำมันและการเมืองไม่นิ่ง คาดต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี
นายสุทธิเดช ช่วยคล้าย ผู้ช่วยผู้จัดการ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สำนักงานสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า บสย.สำนักงานสุราษฎร์ธานี รับผิดชอบพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา และภูเก็ต
ผลการดำเนินงานครึ่งปี 2551 ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน บสย. ได้ค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนไปแล้วทั้งสิ้น 70 ราย วงเงินค้ำประกันสินเชื่อทั้งสิ้น 210 ล้านบาท จากเป้าหมายที่วางไว้ตลอดทั้งปี 2551 จำนวน 620 ล้านบาท
การเข้าไปค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการครึ่งปีแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ปรากฏว่าลดลงประมาณ 15-20% ทั้งนี้เนื่องจาก บสย.และสถาบันการเงินเข้มงวดในการพิจารณาการค้ำประกันการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น จากปัญหาเอ็นพีแอลของผู้ประกอบการที่บสย.เข้าไปค้ำประกันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ประกอบกับในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้เป็นต้นมา นักลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนได้ชะลอการลงทุน จากปัจจัยลบในหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหาราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลาทำให้ต้นทุนการลงทุนเพิ่มสูงขึ้น และปัญหาการเมืองของไทยที่ยังไม่นิ่ง ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในการลงทุนและขยายการลงทุนเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการเข้าไปค้ำประกันสินเชื่อจะต้องเข้มงวดมากยิ่งขึ้น แต่หากเป็นธุรกิจที่มีความเป็นไปได้และมีโอกาสในการทำกำไร บสย.ก็ยังคงเข้าไปค้ำประกันสินเชื่อให้เหมือนเดิม ซึ่งที่เห็นได้ชัดๆในขณะนี้ คือ ธุรกิจด้านพลังงาน ที่มีการขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน โดยเฉพาะการผลิตไบโอแก๊สจากปาล์มน้ำมัน ขณะนี้โรงงานหีบปาล์มเกือบจะทุกโรงได้ขยายการลงทุนผลิตไบโอแก๊ส ผลิตไฟฟ้าใช้ในโรงงานและขาย ล่าสุด บสย.ได้เข้าไปค้ำประกันให้แก่บริษัท ท่าชนะน้ำมันปาล์ม ในวงเงิน 40 ล้านบาท และหลายโรงงานที่บสย.ได้เข้าไปค้ำประกันสินเชื่อให้ก่อนหน้านี้
นายสุทธิเดช กล่าวต่อว่า ธุรกิจที่บสย.เข้าไปค้ำประกันในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ นอกจากด้านพลังงานแล้ว ยังมีในส่วนของการรับซื้อของเก่าเพื่อนำไปรีไซเคิลใหม่ให้แก่โรงงานในกรุงเทพฯ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร เช่น การรับซื้อน้ำยาง ยางแผ่น จากที่ยางพาราราคาดีมากในขณะนี้ และการค้ำประกันจะเป็นรายขนาดเล็ก วงเงินอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านบาท ส่วนธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวก็เข้าไปค้ำประกันเช่นกัน ทั้งที่ภูเก็ต พังงา เกาะสมุย เพราะธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนมีการเติบโตที่ดีมาก
สำหรับครึ่งปีหลัง นายสุทธิเดช กล่าวว่า คาดว่าความต้องการของผู้ประกอบการ ที่จะให้บสย.เข้าไปค้ำประกันอาจจะชะลอตัวเหมือนไตรมาส 2 จากปัจจัยลบทั้งเรื่องราคาน้ำมันและการเมือง
นายสุทธิเดช ช่วยคล้าย ผู้ช่วยผู้จัดการ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สำนักงานสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า บสย.สำนักงานสุราษฎร์ธานี รับผิดชอบพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา และภูเก็ต
ผลการดำเนินงานครึ่งปี 2551 ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน บสย. ได้ค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนไปแล้วทั้งสิ้น 70 ราย วงเงินค้ำประกันสินเชื่อทั้งสิ้น 210 ล้านบาท จากเป้าหมายที่วางไว้ตลอดทั้งปี 2551 จำนวน 620 ล้านบาท
การเข้าไปค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการครึ่งปีแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ปรากฏว่าลดลงประมาณ 15-20% ทั้งนี้เนื่องจาก บสย.และสถาบันการเงินเข้มงวดในการพิจารณาการค้ำประกันการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น จากปัญหาเอ็นพีแอลของผู้ประกอบการที่บสย.เข้าไปค้ำประกันมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ประกอบกับในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้เป็นต้นมา นักลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนได้ชะลอการลงทุน จากปัจจัยลบในหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหาราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลาทำให้ต้นทุนการลงทุนเพิ่มสูงขึ้น และปัญหาการเมืองของไทยที่ยังไม่นิ่ง ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในการลงทุนและขยายการลงทุนเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการเข้าไปค้ำประกันสินเชื่อจะต้องเข้มงวดมากยิ่งขึ้น แต่หากเป็นธุรกิจที่มีความเป็นไปได้และมีโอกาสในการทำกำไร บสย.ก็ยังคงเข้าไปค้ำประกันสินเชื่อให้เหมือนเดิม ซึ่งที่เห็นได้ชัดๆในขณะนี้ คือ ธุรกิจด้านพลังงาน ที่มีการขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน โดยเฉพาะการผลิตไบโอแก๊สจากปาล์มน้ำมัน ขณะนี้โรงงานหีบปาล์มเกือบจะทุกโรงได้ขยายการลงทุนผลิตไบโอแก๊ส ผลิตไฟฟ้าใช้ในโรงงานและขาย ล่าสุด บสย.ได้เข้าไปค้ำประกันให้แก่บริษัท ท่าชนะน้ำมันปาล์ม ในวงเงิน 40 ล้านบาท และหลายโรงงานที่บสย.ได้เข้าไปค้ำประกันสินเชื่อให้ก่อนหน้านี้
นายสุทธิเดช กล่าวต่อว่า ธุรกิจที่บสย.เข้าไปค้ำประกันในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ นอกจากด้านพลังงานแล้ว ยังมีในส่วนของการรับซื้อของเก่าเพื่อนำไปรีไซเคิลใหม่ให้แก่โรงงานในกรุงเทพฯ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร เช่น การรับซื้อน้ำยาง ยางแผ่น จากที่ยางพาราราคาดีมากในขณะนี้ และการค้ำประกันจะเป็นรายขนาดเล็ก วงเงินอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านบาท ส่วนธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวก็เข้าไปค้ำประกันเช่นกัน ทั้งที่ภูเก็ต พังงา เกาะสมุย เพราะธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนมีการเติบโตที่ดีมาก
สำหรับครึ่งปีหลัง นายสุทธิเดช กล่าวว่า คาดว่าความต้องการของผู้ประกอบการ ที่จะให้บสย.เข้าไปค้ำประกันอาจจะชะลอตัวเหมือนไตรมาส 2 จากปัจจัยลบทั้งเรื่องราคาน้ำมันและการเมือง
