นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันทั้งะบบ โดยเชิญสมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มสมาคมโรงสกัดน้ำมันปาล์ม สมาคมโรงกลั่นน่ำมันปาล์ม และตัวแทนเกษตรกรใน 3 จังหวัดภาคใต้ คือ กระบี่ สุราษฎร์ธานี และชุมพร ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 79 ของผลผลิตปาล์มทั้งระบบ เพื่อแก้ปัญหาการรับซื้อผลปาล์มดิบ โดยระบุว่า ในช่วงก่อนสิ้นปี ราคาผลปาล์มเฉลี่ยอยู่ที่ 5-6 บาท/กิโลกรัม แต่ในช่วงเดือนเมษายนที่มีวันหยุดมาก และผลปาล์มออกสู่ตลาดมาก ทำให้ราคาลดลงอยู่ที่ 4-4.50 บาท/กิโลกรัม ซึ่งหากไม่แก้ไข อาจทำให้เกษตรกรไม่สามารถขายได้ในราคาดี และวันนี้ กลุ่มผู้ประกอบการรับปากเกษตรกรว่า ยินดีที่จะรับซื้อผลปาล์มดิบ โดยให้ราคาเฉลี่ยที่ 5 บาท/กิโลกรัม เชื่อว่าราคาดังกล่าวจะทำให้เกษตรกรพอใจ และเมื่อผ่านเดือนพฤษภาคม ราคาผลปาล์มดิบน่าจะสูงขึ้นได้ ตามความต้องการที่นอกเหนือจากการบริโภค คือการทำน้ำมันไบโอดีเซล
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะมีการประกาศห้ามนำเข้าผลปาล์มและน้ำมันปาล์มดิบโดยเด็ดขาด และจะดำเนินการทบทวนโครงสรางต้นทุนและราคาทั้งระบบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและอยู่ร่วมกันได้ แต่ในส่วนของราคาน้ำมันพืชที่ราคา 47.50 บาท ส่วนต้นทุนของปาล์มอยู่ที่ 32-34 บาท/กิโลกรัม แม้ว่าต้นทุนจะสูง แต่ราคาจำหน่ายยังให้เป็นราคาเดิม โดยไม่ให้ปรับราคาในขณะนี้ แต่ก็จะทบทวนโครงสร้างต้นทุนต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะมีการประกาศห้ามนำเข้าผลปาล์มและน้ำมันปาล์มดิบโดยเด็ดขาด และจะดำเนินการทบทวนโครงสรางต้นทุนและราคาทั้งระบบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและอยู่ร่วมกันได้ แต่ในส่วนของราคาน้ำมันพืชที่ราคา 47.50 บาท ส่วนต้นทุนของปาล์มอยู่ที่ 32-34 บาท/กิโลกรัม แม้ว่าต้นทุนจะสูง แต่ราคาจำหน่ายยังให้เป็นราคาเดิม โดยไม่ให้ปรับราคาในขณะนี้ แต่ก็จะทบทวนโครงสร้างต้นทุนต่อไป