ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากรัฐบาลเปลี่ยนใจยอมให้สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามที่ 61 ส.ว.ยื่นญัตติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ม.161 เพื่อลดกระแสกดดันของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เคลื่อนการชุมนุม มาอยู่หน้าทำเนียบฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก โดยรัฐบาลยอมที่จะให้ส.ว.อภิปรายในวันนี้ (23 มิ.ย.) ทั้งที่ก่อนหน้าที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้สำนักงานเลชาธิการคณะรัฐมนตรีส่งหนังสือไปยังสำนักงานเลขาวุฒิการวุฒิสภา ปฎิเสธที่จะให้ 61 ส.ว.อภิปรายโดยอ้างว่าไม่มีเวลาเพียงพอ
วานนี้ 22 มิ.ย.) กลุ่ม 61 ส.ว.ที่ได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายฯ ได้ร่วมกันหารือถึงการวางตัวบุคคล และกรอบที่จะให้สมาชิกได้อภิปราย โดยมีส.ว.เดินทางมา ร่วมหารือประมาณ 26 คน
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เป็นการนัดหารือเพื่อเตรียมข้อมูล โดยแบ่งประเด็นให้ส.ว.แต่ละคนอภิปรายในด้านที่ตัวเองถนัด ส่วนการกลับท่าทีของ นายกรัฐมนตรีนั้น มองว่ารัฐบาลเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ พูดอย่างทำอย่าง เคยบอกเหตุผลกับส.ว.ว่าไม่มีเวลา เพราะต้องพิจารณางบประมาณ แต่กลับมาเปิดให้ ส.ว.รวมทั้งส.ส.ได้อภิปราย ซึ่งถือเป็นงานที่หนักเพราะต้องพิจารณาติดต่อกัน ถ้าตอบรับมาตั้งแต่ต้นน่าจะดีกว่านี้ จะสง่างามมากกว่า ไม่ทำให้สถานการณ์บานปลาย
หลังการหารือ น.ส.สุมล สุตะวิริยิวัฒน์ แถลงว่า จะมีส.ว.ร่วมอภิปรายทั้งสิ้น 36 คน โดยจะใช้เวลาอภิปรายตั้งแต่เวลา 09.30-22.00 น. โดยมีผู้อภิปรายในปัญหา ภาพรวมคือตนและส.ว.อีก 3 คน อาทิ ปัญหาความล้มเหลวในการบริหารราชการ แผ่นดิน ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความไม่สงบสุขของบ้านเมือง และมีประเด็นร้อนล่าสุดคือ ปัญหาเขาพระวิหาร ซึ่งพวกเรามีความห่วงใยมาก อยากซักถามรัฐบาลว่าไปทำพลาดอะไรถึงทำให้คนไทย เดือดร้อน
จากนั้นจะเปิดให้ส.ว.ได้อภิปรายคนละประมาณ 10-15 นาที ครอบคลุมคณะรัฐมนตรีทั้งชุด หากมีส.ว.คนอื่นที่สนใจแต่ไม่ได้ลงชื่อเราก็จะเปิดโอกาสให้อภิปราย แต่ต้องเป็นหลังจากที่ส.ว. 36 คนนี้ได้อภิปรายไปแล้ว
คาดว่าจะใช้เวลาแค่วันเดียวหากรัฐมนตรีไม่ตอบทีละ 2 ชั่วโมง หรือมีสมาชิก ลุกขึ้นอภิปรายเชียร์รัฐบาลอย่างออกนอกหน้า อย่างไรก็ตามเราคงไม่อภิปรายรุนแรง เหมือนฝ่ายค้าน เพราะเราเป็นสภาพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำเหมือนพี่น้อง ทั้งนี้การที่รัฐบาลเพิ่งมาเปิดโอกาสให้ส.ว.ไม่เชิงสาย แต่คงลดแรงกดดันจากภายนอกจากกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ล้อมทำเนียบรัฐบาล อยู่ในสภาวะเหมือนเลือดเข้าตา จึงต้องเปิดโอกาสให้ส.ว.อภิปราย
นายประสาร มฤคพิทักษ์ กล่าวว่า สำหรับตัวนายกรัฐมนตรี จะโดนเรื่องการรับจ้างจัดรายการชิมไปบ่นไป โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา จะมีการตั้งวอร์รูม เพื่อติดตามการอภิปรายในภาพรวมทั้งหมดว่ามีอะไรต้องเสริมหรือแก้ไขเกมของฝ่ายรัฐบาลบ้าง
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า สำหรับรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายถึง อาทิ นายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกฯและรมว.ศึกษาธิการ เป็นต้น
ปชป.เผยตัวบุคคลอภิปรายรมต.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการ เตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล วานนี้ (22 มิ.ย.) ว่า ขณะนี้พรรคมีความพร้อมที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทั้ง 7 คนแล้ว โดยเริ่มต้นจะเป็นการอภิปรายนายสมัคร นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จากนั้นจะเป็นการอภิปรายใน 9 ประเด็นที่กล่าวหา โดยแบ่งเป็น 9 ทีม โดยจะมีบุคลสำคัญของพรรคเป็นหัวหน้าทีม อาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร์ รองเลขาธิการพรรค และบุคคลอื่นๆ โดยจะอภิปรายกันเป็นทีม
นายสุเทพ กล่าวว่า จากนั้นจะอภิปรายนายนพดล ปัทมะ รมว.การต่างประเทศ ในประเด็นเขาพระวิหารที่อยู่ในความสนใจของประชาชนขณะนี้ นำทีมโดย ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กรรมการบริหารพรรค ที่จะมาให้ความกระจ่างชัดให้เรื่องนี้ จากนั้นจะเป็นการอภิปรายประเด็นปัญหาเศรษฐกิจ คือ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และรมว.การคลัง และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รมว.พาณิชย์ โดยทีมเศรษฐกิจของพรคจะรับผิดชอบในประเด็นนี้ อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรค นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรค ตามมาด้วยปัญหาในกระทรวงคมนาคม กรณีการปรับปรุงโครงการรถเมลปรับอากาศของขนส่งมวลชน (ขสมก.) พุ่งประเด็นไปที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม และนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม โดยมีพล.อ.วินัย สมพงษ์ อดีตรมว.คมนาคม นำทีมอภิปราย รวมทั้งนายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรค นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์
นายสุเทพ กล่าวว่า จากนั้นเป็นการอภิปรายกระทรวงยุติธรรม นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม โดยจะชี้ให้เห็นชัดเจนว่าได้ทำอะไรไม่ถูกต้องไว้บ้าง โดยมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายสุวโรช พะลัง ส.ส.สัดส่วน นายสกลธี ภัทริยกุล ส.ส.กทม.
สุเทพลับมีดฟันเฉลิม
ส่วนบุคคลสุดท้ายที่พรรคให้เกียรติเป็นพิเศษคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย โดยตนจะเป็นหัวหน้าทีมอภิปรายด้วยตนเอง พร้อมด้วยนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายชำนิ ศักดิเศรษฐ ส.ส.สัดส่วน อย่างไรก็ตาม การอภิปรายครั้งนี้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค เข้าร่วมอภิปรายด้วย
ขอให้ประชาชนมั่นใจ เราทำการบ้านมาเป็นอย่างดีและจะอภิปรายอย่างเต็มที่ ที่ผมออกมาเรียงลำดับให้ฟังก่อน เพื่อให้รัฐบาลเตรียมตัวได้เต็มที่ ทั้งนี้ ประชาชน สามารถเลือกจังหวะได้ว่าจะรับรู้เรื่องอะไรสามารถเลือกชมได้ กรณีของร.ต.อ.เฉลิม เก็บไว้เป็นรายสุดท้าย ผมยังไม่บอกว่าคุณเฉลิมโดนประเด็นอะไร แต่ท่านเป็นคนฉลาด รู้อยู่แล้ว ประเด็นของเฉลิมถือเป็นเมนคอร์ท ไม่ใช่ออเดิร์ฟ ก็คิดดูแล้วกันว่าสำคัญแค่ไหน ผมไม่มีทีเด็ดอะไร แต่คุณเฉลิมมีคนที่คิดชำระบัญชีเป็นจำนวนมาก เพราะมีข้อกล่าวหาอยู่หลายเรื่อง เช่น การโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม การบริหารราชการเสียหาย วันนี้มี 2 คนที่อยากให้ชำระบัญชี คนแรกคือคุณสมัคร และปิดท้ายด้วยคุณเฉลิมในรัฐบาลชุดนี้ต้องมีคู่นี้
ปชป.ห่วงลูกกรอกป่วนทำซักฟอฟช้า
ส่วนการที่นายกฯ ให้เวลาในการอภิปรายเพียงวันครึ่งนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เวลาที่รัฐบาลกำหนดไว้วันครึ่งคงไม่พอ โดยเฉพาะแค่นายกฯ ก็เยอะแล้ว เราต้องการ ได้เวลาในการอภิปรายอย่างเต็มที่ เพื่อให้เจ้าของประเทศได้เห็นว่ารัฐบาลบริหารประเทศแล้วเกิดปัญหาอย่างไร และเป็นโอกาสของรัฐบาลที่จะชี้แจงข้อหล่าวหา ดังนั้นถ้ารัฐบาลคิดรวบรัดให้เวลาเพียงวันเดียว หรือครึ่งวันคงไม่พอ ไม่ต้องกังวลเรื่องงบประมาณ เพราะหากเวลาไม่พอก็สามารถขอต่อเวลาได้ ไม่มีใครคาดคั้นว่าต้องปิดสภาวันไหน
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ติดใจเรื่องกำหนดเวลาแต่ขอให้ฝ่ายค้านได้พูดในประเด็น ที่เตรียมไว้อย่างครบถ้วนก็พอ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในสภาด้วย หากมีการขัดขวางหรือประท้วงอยู่ตลอดเวลาก็ทำให้เสียเวลา ซึ่งเท่าที่ประเมิณดูในเบื้องต้นคาดว่า จะใช้เวลา 2-3 วัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ตั้งข้อสังเกตว่า การอภิปรายครั้งนี้รัฐมนตรีพรรค ร่วมไม่ถูกอภิปรายด้วย พรรคประชาธิปัตย์จงใจที่จะซักฟอกเฉพาะรัฐมนตรีในพรรคพลังประชาชนเท่านั้น นายสุเทพ กล่าวว่า นั่นเป็นเรื่องของนายสมัคร ถือเป็นภาวะความคิดที่ไม่ค่อยจะสมบูรณ์อยู่แล้ว ซึ่งเป็นประเด็นที่จะต้องถูกอภิปรายด้วย
วาง50ส.ส.ฝีปากกล้าถล่มรัฐบาล
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการ เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่าพรรคขอตั้งข้อสังเกต 3 ข้อคือ 1.พรรคเคยขอยื่น อภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ถูกรัฐบาลปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่มีเวลา แต่พอกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยึดทำเนียบได้รัฐบาลกลับมีเวลา ให้อภิปรายได้ 2.รัฐบาลหวังผลทางการเมืองโดยสั่งให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรียกประชุมอย่างเร่งรีบ โดยแจ้งเพียงว่าจะมีการเรียกประชุม แต่ไม่มีใบกำหนดวาระการพิจารณาส่งมาด้วย
3.นายชัยจัดการสลับญัตติการประชุมจากเดิมที่ยืนยันหนักแน่นว่า จะต้องพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 ก่อนจึงจะเข้าสู่ญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ทั้งหมดประเมินได้ว่า รัฐบาลต้องการเปิดอภิปราย เพื่อลดกระแสขับไล่ของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งวันนี้ถือว่ารัฐบาลช้ากว่าพันธมิตรฯ ไปมากแล้ว และนายสมัครต้องการได้สิทธิการยุบสภากลับมาอยู่ในมือ เพื่อเอาไว้ข่มขู่พรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น
นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนความพร้อมของผู้รับผิดชอบในการอภิปราย ขณะนี้ยอดผู้อภิปรายของพรรคมีทั้งสิ้น 50 คน โดยมีผู้อภิปรายหลัก 35 คนและสำรองอีก 15 คน โดยจะแบ่งความรับผิดชอบออกเป็นกลุ่มๆ ทั้งนี้พรรคขอเรียกร้องให้รัฐบาล ได้ขยายระยะเวลาการอภิปรายออกไปอีก อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากเวลา ไม่เพียงพอกับจำนวนและข้อมูลที่พรรคฝ่ายค้านจะอภิปราย ซึ่งรัฐบาลเองก็จะได้ชี้แจง แสดงเหตุผลที่ชัดเจน และถือเป็นการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนกับประชาชน รวมทั้งให้ส.ส.ได้ตัดสินใจในการลงมติต่อไป
ปชป.ชี้รัฐบาลจนตรอกจึงยอมให้ซักฟอก
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่านายสมัคร ไม่มีความจริงใจในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มิ.ย. นี้ เนื่องจาก ที่ผ่านมานายกฯ และ ส.ส. พรรคพลังประชาชนต่างออกมาปฏิเสธที่จะให้มีการ เปิดอภิปรายดังกล่าวอ้างว่าไม่จำเป็นเพราะต้องพิจารณางบประมาณ การที่ นายสมัคร กลับใจครั้งนี้ เพราะอยู่ในภาวะจนตรอก หวังใช้กลไกตรวจสอบในระบบรัฐสภากลบกระแสการชุมนุมขับไล่รัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
คำพูดของ นายสมัคร เชื่อถือไม่ได้ เหมือนลิ้นไม่มีกระดูก มีพฤติกรรม เป็นจิ้งจอกเจ้าเหล่ กลับกลอก เต็มไปด้วยเลห์เพทุบาย กลิ้งเป็นลูกมะนาว มะกอกสามตระกร้า ก็ปาไม่ถูก คำพูดของนายสมัคร เชื่อถือไม่ได้ที่สุดในโลก ที่ต้องมีการบันทึกไว้ใน กินเนสบุ๊ค โกหกไปวันๆ เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้น และกอดเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้นานที่สุดเท่าที่บันทึกในประวัติศาสตร์ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องชั่วดี เหมาะสมไดๆ ทั้งสิ้น เป็นแบบอย่างของความไม่ดีงามของนายสมัคร ในฐานะผู้นำประเทศ สุดท้าย จะทำให้ประชาชนเกิดความชิงชังรัฐบาล และเป็นแรงหนุนที่ทำให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯมากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นการเติมเชื้อไฟ มากกว่าการแก้ไขปัญหา
เชื่อสมัครวางเกมสู้กระแสกดดันในพปช.
นายองอาจ กล่าวว่า การที่นายกฯ ยอมให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นส่วน หนึ่งของเกมชิงอำนาจภายในพรรคพลังประชาชน เนื่องจากมีกระแสกดดันจากภายใน พรรคให้นายสมัคร ลาออกจากตำแหน่ง แต่เมื่อนายสมัครยอมเปิดให้มีการ อภิปรายไม่ไว้วางใจ อำนาจการยุบสภาจึงถูกดึงกลับมาอยู่ในมือของนายสมัครอีกครั้ง เพื่อเป็นการต่อรองกับ ส.ส. ภายในพรรคพลังประชาชน
นายองอาจ ยังปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความเกี่ยวข้องกับ การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ และขอให้ส.ส.พรรคพลังประชาชนหยุดพฤติกรรม การใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ เพราะสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นเป็นอาจจะย้อนกลับไปสู่ตัวเองได้
อย่าลากพรรคประชาธิปัตย์ไปเกี่ยวข้องกับการชุมนุมพันธมิตรฯ เพราะนั่นเป็นการแสดงถึงความกังวลในการที่จะสูญเสียอำนาจในการบริหารประเทศ
แฉชัยได้คำสั่งจากรัฐบาลให้บรรจุซักฟอก
นายองอาจ กล่าวว่า ตนมีเอกสารยืนยันถึงการทำหน้าที่ประธานสภาฯ ของนายชัย ชิดชอบ ว่ามีความไม่เป็นกลาง โดยมีการรับคำสั่งจากฝ่ายบริหาร ให้ใช้อำนาจความเป็นประธานสภาฯ เปลี่ยนแปลงวาระการประชุม จากเดิม ได้มีการกำหนดวาระการประชุมงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 เป็นเรื่องด่วนที่ 1 ในวันพุธที่ 25 มิ.ย.แต่เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. นายชัยได้โทรศัพท์ไปสั่งการเลขาธิการสภาฯ ที่กำลังตีกอล์ฟอยู่ที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งรีบกลับมาเปลี่ยนวาระการประชุม โดยให้บรรจุระเบียบวาระการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาเป็นวันที่ 24 มิ.ย. เวลา 13.30 น. เป็นต้นไปแทน ซึ่งไม่เคยปรากฎเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนที่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนวาระการประชุมกระทันหัน เป็นเพราะประธานได้รับการบัญชาจากรัฐบาล แล้วใช้อำนาจการเป็นประธานด้วยตัวเอง ซึ่งจตามปกจติจะต้องขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุม
ประธานใช้อำนาจหักคอเปลี่ยนแปลงวาระการประชุมเพื่อให้ฝ่ายค้าน ได้อภิปราย เพื่อช่วยเหลือฝ่ายบริหาร รวมทั้งประธานสภาฯ ไม่มีหน้าที่มาสั่งสอนฝ่ายค้านว่า ควรจะคัดเอาแต่หัวกะทิมาอภิปราย แต่ท่านมีหน้าที่ควบคุมการประชุมให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ฝ่ายค้านมีวุฒิภาวะมากกว่าประธานสภาฯ ย่อมรู้ดีว่า ควรอภิปรายในแต่ละประเด็นอย่างไร ยืนยันว่าไม่มีการอภิปรายน้ำท่วมทุ่ง และข้อมูลทุกอย่างเชื่อถือได้ ประธานสภาฯ ควรจะรักษาความเป็นธรรมให้ดีก่อนจะมาสั่งสอนคนอื่นนายองอาจ
ส่วนกรณีที่ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีข้อมูลในการอภิปราย แต่ที่ยื่นญัตติเพราะไม่ต้องการให้มีการยุบสภา นายองอาจกล่าวว่า ร.ท.กุเทพไม่ได้เป็นรัฐมนตรีจึงไม่รู้ว่ารัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย นอนไม่หลับมาหลายวันแล้ว เพราะรู้ว่าตัวเองทำงานไร้ประสิทธิภาพ ถ้าวันไหนที่ ร.ท.กุเทพได้เป็นรัฐมนตรีก็จะรู้ว่าการที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อมูล ไม่มีฝ่ายค้านประเทศไหนที่อภิปรายโดยไม่มีข้อมูล
ท้าปชป.งัดที่เด็ดมาเล่นงานให้ได้
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะใช้การนับคะแนนไม่ไว้วางใจเป็นหลัก ซึ่งหากคะแนนไม่ไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่งผู้ถูกอภิปราย ก็ต้องพ้นหน้าที่ อย่างไรก็ตามตนมีความมั่นใจในพรรคร่วมรัฐบาลว่าเสียงจะไม่แตก เรื่องนี้สบายๆ ยืนยันว่าจะไม่มีปัญหา ซึ่งตนก็ไม่เคยคิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะคิดเป็นอย่างอื่น เพราะรัฐบาลยังไม่ได้ทำการทุจริต ไม่ได้บริหารผิดพลาดบกพร่องอะไร รวมถึงยังไม่มีการอนุมัติโครงการอะไรเลย
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่าการที่รัฐบาลยอมให้ฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ใช่ เพื่อกลบกระแสการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯเพราะหากไม่ยอมให้อภิปรายก็จะหาว่ารัฐบาลใจแคบ ในระบอบประชาธิปไตยไม่มีใครกลัวใคร ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ทำการบ้านให้ดี เพราะการอภิปรายครั้งนี้เป็นการอภิปรายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากรวมกับการอภิปรายเรื่องงบประมาณแล้วจะถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้อภิรายไม่ไว้วางใจถึง 5 วัน
ตอนผมอภิปรายรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องสปก.4-01 ที่เอาไปแจกเศรษฐีภูเก็ต หมัดเดียวก็ร่วงไปเลย ไม่จำเป็นต้องมีหลายเรื่อง เพราะหากมีข้อมูลที่ชัดเจนเรื่องเดียวก็น๊อคแล้ว เหมือนที่ผมเคยทำสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งก็ได้ยุบสภาหนีไป ฉะนั้นมีทีเด็ดอะไรก็เอามาพูดก็แล้วกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่านายสุเทพ จะทำให้ประชาชนไขว้เขวกับการทำงานของ รมว.มหาดไทยบ้างหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนว่าชาติหน้า เพราะรู้ตัวดีว่าทำอะไรไปบ้าง ทั้งนี้ที่พรรคประชาธิปัตย์เปิดไม่ไว้วางใจตนเป็นเพราะต้องการโหนกระแส หาว่าตนแทรกแซงสื่อ ต้องการปิดเคเบิ้ลทีวี รวมถึงการขัดคำสั่งศาลปกครองซึ่งตนจะขอภาวนานั่งกราบงามๆ จะจุดธูปทั้งคืนนั่งขอให้พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายเยอะๆ ตนจะได้ตอบและชี้แจงผลงานของกระทรวง
ปัดจัดงานขนคนชนพันธมิตรฯ
ส่วนที่มีข่าวว่ามีการระดมพลในเพื่อต้องการให้ผู้มาร่วมงานไปชนกับกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี ไม่เคยคิดบ้าอะไรอย่างนี้ และงานนี้ก็มีกำหนดการมาก่อน เพราะวันที่ 26 มิ.ย.นี้เป็นวันต่อต้านยาเสพติดของโลก แต่วันดังกล่าวไม่ใช่วันหยุด ทำให้ไม่สะดวกในการจัดงาน ทั้งนี้ความเป็นจริงกำหนดจัดงานจะอยู่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า แต่กลัวจะมองว่าเป็นการท้าทาย จึงหลบมาที่สวนลุมพินี กลุ่มพันธมิตรฯก็คนไทยเหมือนกันจะไปทะเลาะกันทำไม เป็นประชาชนของรัฐบาลเหมือนกัน ส่วนจะมีการประชุม ครม.ที่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี
กรมประชาถ่ายสดฝ่ายค้านซักฟอก
นายเผชิญ ขำโพธิ์ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ทางรัฐบาลได้ประสานให้สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีถ่ายทอดสดการประชุมรัฐสภาระหว่างวันที่ 23-27 มิ.ย.นี้ ซึ่งในวันที่ 23 มิ.ย. จะมีการอภิปรายทั่วไปของวุฒิสภา ส่วนวันที่ 24-25 มิ.ย. จะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลโดยฝ่ายค้าน และในวันที่ 26-27 มิ.ย.จะเป็นการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 แต่จะยกเว้น การถ่ายทอดสดในช่วงข่าวต้นชั่วโมงและข่าวภาคค่ำ ซึ่งการดำเนินการถ่ายทอดสด เช่นนี้ไม่กระทบกับผังรายการเดิมที่มีการวางไว้แล้ว เนื่องจากถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติตามปกติที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีจะต้องถ่ายทอดสดตลอดการอภิปราย
วานนี้ 22 มิ.ย.) กลุ่ม 61 ส.ว.ที่ได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายฯ ได้ร่วมกันหารือถึงการวางตัวบุคคล และกรอบที่จะให้สมาชิกได้อภิปราย โดยมีส.ว.เดินทางมา ร่วมหารือประมาณ 26 คน
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เป็นการนัดหารือเพื่อเตรียมข้อมูล โดยแบ่งประเด็นให้ส.ว.แต่ละคนอภิปรายในด้านที่ตัวเองถนัด ส่วนการกลับท่าทีของ นายกรัฐมนตรีนั้น มองว่ารัฐบาลเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ พูดอย่างทำอย่าง เคยบอกเหตุผลกับส.ว.ว่าไม่มีเวลา เพราะต้องพิจารณางบประมาณ แต่กลับมาเปิดให้ ส.ว.รวมทั้งส.ส.ได้อภิปราย ซึ่งถือเป็นงานที่หนักเพราะต้องพิจารณาติดต่อกัน ถ้าตอบรับมาตั้งแต่ต้นน่าจะดีกว่านี้ จะสง่างามมากกว่า ไม่ทำให้สถานการณ์บานปลาย
หลังการหารือ น.ส.สุมล สุตะวิริยิวัฒน์ แถลงว่า จะมีส.ว.ร่วมอภิปรายทั้งสิ้น 36 คน โดยจะใช้เวลาอภิปรายตั้งแต่เวลา 09.30-22.00 น. โดยมีผู้อภิปรายในปัญหา ภาพรวมคือตนและส.ว.อีก 3 คน อาทิ ปัญหาความล้มเหลวในการบริหารราชการ แผ่นดิน ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความไม่สงบสุขของบ้านเมือง และมีประเด็นร้อนล่าสุดคือ ปัญหาเขาพระวิหาร ซึ่งพวกเรามีความห่วงใยมาก อยากซักถามรัฐบาลว่าไปทำพลาดอะไรถึงทำให้คนไทย เดือดร้อน
จากนั้นจะเปิดให้ส.ว.ได้อภิปรายคนละประมาณ 10-15 นาที ครอบคลุมคณะรัฐมนตรีทั้งชุด หากมีส.ว.คนอื่นที่สนใจแต่ไม่ได้ลงชื่อเราก็จะเปิดโอกาสให้อภิปราย แต่ต้องเป็นหลังจากที่ส.ว. 36 คนนี้ได้อภิปรายไปแล้ว
คาดว่าจะใช้เวลาแค่วันเดียวหากรัฐมนตรีไม่ตอบทีละ 2 ชั่วโมง หรือมีสมาชิก ลุกขึ้นอภิปรายเชียร์รัฐบาลอย่างออกนอกหน้า อย่างไรก็ตามเราคงไม่อภิปรายรุนแรง เหมือนฝ่ายค้าน เพราะเราเป็นสภาพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำเหมือนพี่น้อง ทั้งนี้การที่รัฐบาลเพิ่งมาเปิดโอกาสให้ส.ว.ไม่เชิงสาย แต่คงลดแรงกดดันจากภายนอกจากกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ล้อมทำเนียบรัฐบาล อยู่ในสภาวะเหมือนเลือดเข้าตา จึงต้องเปิดโอกาสให้ส.ว.อภิปราย
นายประสาร มฤคพิทักษ์ กล่าวว่า สำหรับตัวนายกรัฐมนตรี จะโดนเรื่องการรับจ้างจัดรายการชิมไปบ่นไป โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา จะมีการตั้งวอร์รูม เพื่อติดตามการอภิปรายในภาพรวมทั้งหมดว่ามีอะไรต้องเสริมหรือแก้ไขเกมของฝ่ายรัฐบาลบ้าง
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า สำหรับรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายถึง อาทิ นายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกฯและรมว.ศึกษาธิการ เป็นต้น
ปชป.เผยตัวบุคคลอภิปรายรมต.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการ เตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล วานนี้ (22 มิ.ย.) ว่า ขณะนี้พรรคมีความพร้อมที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทั้ง 7 คนแล้ว โดยเริ่มต้นจะเป็นการอภิปรายนายสมัคร นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จากนั้นจะเป็นการอภิปรายใน 9 ประเด็นที่กล่าวหา โดยแบ่งเป็น 9 ทีม โดยจะมีบุคลสำคัญของพรรคเป็นหัวหน้าทีม อาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร์ รองเลขาธิการพรรค และบุคคลอื่นๆ โดยจะอภิปรายกันเป็นทีม
นายสุเทพ กล่าวว่า จากนั้นจะอภิปรายนายนพดล ปัทมะ รมว.การต่างประเทศ ในประเด็นเขาพระวิหารที่อยู่ในความสนใจของประชาชนขณะนี้ นำทีมโดย ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กรรมการบริหารพรรค ที่จะมาให้ความกระจ่างชัดให้เรื่องนี้ จากนั้นจะเป็นการอภิปรายประเด็นปัญหาเศรษฐกิจ คือ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และรมว.การคลัง และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รมว.พาณิชย์ โดยทีมเศรษฐกิจของพรคจะรับผิดชอบในประเด็นนี้ อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรค นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรค ตามมาด้วยปัญหาในกระทรวงคมนาคม กรณีการปรับปรุงโครงการรถเมลปรับอากาศของขนส่งมวลชน (ขสมก.) พุ่งประเด็นไปที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม และนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม โดยมีพล.อ.วินัย สมพงษ์ อดีตรมว.คมนาคม นำทีมอภิปราย รวมทั้งนายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรค นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์
นายสุเทพ กล่าวว่า จากนั้นเป็นการอภิปรายกระทรวงยุติธรรม นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม โดยจะชี้ให้เห็นชัดเจนว่าได้ทำอะไรไม่ถูกต้องไว้บ้าง โดยมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายสุวโรช พะลัง ส.ส.สัดส่วน นายสกลธี ภัทริยกุล ส.ส.กทม.
สุเทพลับมีดฟันเฉลิม
ส่วนบุคคลสุดท้ายที่พรรคให้เกียรติเป็นพิเศษคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย โดยตนจะเป็นหัวหน้าทีมอภิปรายด้วยตนเอง พร้อมด้วยนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายชำนิ ศักดิเศรษฐ ส.ส.สัดส่วน อย่างไรก็ตาม การอภิปรายครั้งนี้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค เข้าร่วมอภิปรายด้วย
ขอให้ประชาชนมั่นใจ เราทำการบ้านมาเป็นอย่างดีและจะอภิปรายอย่างเต็มที่ ที่ผมออกมาเรียงลำดับให้ฟังก่อน เพื่อให้รัฐบาลเตรียมตัวได้เต็มที่ ทั้งนี้ ประชาชน สามารถเลือกจังหวะได้ว่าจะรับรู้เรื่องอะไรสามารถเลือกชมได้ กรณีของร.ต.อ.เฉลิม เก็บไว้เป็นรายสุดท้าย ผมยังไม่บอกว่าคุณเฉลิมโดนประเด็นอะไร แต่ท่านเป็นคนฉลาด รู้อยู่แล้ว ประเด็นของเฉลิมถือเป็นเมนคอร์ท ไม่ใช่ออเดิร์ฟ ก็คิดดูแล้วกันว่าสำคัญแค่ไหน ผมไม่มีทีเด็ดอะไร แต่คุณเฉลิมมีคนที่คิดชำระบัญชีเป็นจำนวนมาก เพราะมีข้อกล่าวหาอยู่หลายเรื่อง เช่น การโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม การบริหารราชการเสียหาย วันนี้มี 2 คนที่อยากให้ชำระบัญชี คนแรกคือคุณสมัคร และปิดท้ายด้วยคุณเฉลิมในรัฐบาลชุดนี้ต้องมีคู่นี้
ปชป.ห่วงลูกกรอกป่วนทำซักฟอฟช้า
ส่วนการที่นายกฯ ให้เวลาในการอภิปรายเพียงวันครึ่งนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เวลาที่รัฐบาลกำหนดไว้วันครึ่งคงไม่พอ โดยเฉพาะแค่นายกฯ ก็เยอะแล้ว เราต้องการ ได้เวลาในการอภิปรายอย่างเต็มที่ เพื่อให้เจ้าของประเทศได้เห็นว่ารัฐบาลบริหารประเทศแล้วเกิดปัญหาอย่างไร และเป็นโอกาสของรัฐบาลที่จะชี้แจงข้อหล่าวหา ดังนั้นถ้ารัฐบาลคิดรวบรัดให้เวลาเพียงวันเดียว หรือครึ่งวันคงไม่พอ ไม่ต้องกังวลเรื่องงบประมาณ เพราะหากเวลาไม่พอก็สามารถขอต่อเวลาได้ ไม่มีใครคาดคั้นว่าต้องปิดสภาวันไหน
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ติดใจเรื่องกำหนดเวลาแต่ขอให้ฝ่ายค้านได้พูดในประเด็น ที่เตรียมไว้อย่างครบถ้วนก็พอ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในสภาด้วย หากมีการขัดขวางหรือประท้วงอยู่ตลอดเวลาก็ทำให้เสียเวลา ซึ่งเท่าที่ประเมิณดูในเบื้องต้นคาดว่า จะใช้เวลา 2-3 วัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ตั้งข้อสังเกตว่า การอภิปรายครั้งนี้รัฐมนตรีพรรค ร่วมไม่ถูกอภิปรายด้วย พรรคประชาธิปัตย์จงใจที่จะซักฟอกเฉพาะรัฐมนตรีในพรรคพลังประชาชนเท่านั้น นายสุเทพ กล่าวว่า นั่นเป็นเรื่องของนายสมัคร ถือเป็นภาวะความคิดที่ไม่ค่อยจะสมบูรณ์อยู่แล้ว ซึ่งเป็นประเด็นที่จะต้องถูกอภิปรายด้วย
วาง50ส.ส.ฝีปากกล้าถล่มรัฐบาล
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการ เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่าพรรคขอตั้งข้อสังเกต 3 ข้อคือ 1.พรรคเคยขอยื่น อภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ถูกรัฐบาลปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่มีเวลา แต่พอกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยึดทำเนียบได้รัฐบาลกลับมีเวลา ให้อภิปรายได้ 2.รัฐบาลหวังผลทางการเมืองโดยสั่งให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรียกประชุมอย่างเร่งรีบ โดยแจ้งเพียงว่าจะมีการเรียกประชุม แต่ไม่มีใบกำหนดวาระการพิจารณาส่งมาด้วย
3.นายชัยจัดการสลับญัตติการประชุมจากเดิมที่ยืนยันหนักแน่นว่า จะต้องพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 ก่อนจึงจะเข้าสู่ญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ทั้งหมดประเมินได้ว่า รัฐบาลต้องการเปิดอภิปราย เพื่อลดกระแสขับไล่ของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งวันนี้ถือว่ารัฐบาลช้ากว่าพันธมิตรฯ ไปมากแล้ว และนายสมัครต้องการได้สิทธิการยุบสภากลับมาอยู่ในมือ เพื่อเอาไว้ข่มขู่พรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น
นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนความพร้อมของผู้รับผิดชอบในการอภิปราย ขณะนี้ยอดผู้อภิปรายของพรรคมีทั้งสิ้น 50 คน โดยมีผู้อภิปรายหลัก 35 คนและสำรองอีก 15 คน โดยจะแบ่งความรับผิดชอบออกเป็นกลุ่มๆ ทั้งนี้พรรคขอเรียกร้องให้รัฐบาล ได้ขยายระยะเวลาการอภิปรายออกไปอีก อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากเวลา ไม่เพียงพอกับจำนวนและข้อมูลที่พรรคฝ่ายค้านจะอภิปราย ซึ่งรัฐบาลเองก็จะได้ชี้แจง แสดงเหตุผลที่ชัดเจน และถือเป็นการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนกับประชาชน รวมทั้งให้ส.ส.ได้ตัดสินใจในการลงมติต่อไป
ปชป.ชี้รัฐบาลจนตรอกจึงยอมให้ซักฟอก
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่านายสมัคร ไม่มีความจริงใจในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มิ.ย. นี้ เนื่องจาก ที่ผ่านมานายกฯ และ ส.ส. พรรคพลังประชาชนต่างออกมาปฏิเสธที่จะให้มีการ เปิดอภิปรายดังกล่าวอ้างว่าไม่จำเป็นเพราะต้องพิจารณางบประมาณ การที่ นายสมัคร กลับใจครั้งนี้ เพราะอยู่ในภาวะจนตรอก หวังใช้กลไกตรวจสอบในระบบรัฐสภากลบกระแสการชุมนุมขับไล่รัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
คำพูดของ นายสมัคร เชื่อถือไม่ได้ เหมือนลิ้นไม่มีกระดูก มีพฤติกรรม เป็นจิ้งจอกเจ้าเหล่ กลับกลอก เต็มไปด้วยเลห์เพทุบาย กลิ้งเป็นลูกมะนาว มะกอกสามตระกร้า ก็ปาไม่ถูก คำพูดของนายสมัคร เชื่อถือไม่ได้ที่สุดในโลก ที่ต้องมีการบันทึกไว้ใน กินเนสบุ๊ค โกหกไปวันๆ เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้น และกอดเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้นานที่สุดเท่าที่บันทึกในประวัติศาสตร์ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องชั่วดี เหมาะสมไดๆ ทั้งสิ้น เป็นแบบอย่างของความไม่ดีงามของนายสมัคร ในฐานะผู้นำประเทศ สุดท้าย จะทำให้ประชาชนเกิดความชิงชังรัฐบาล และเป็นแรงหนุนที่ทำให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯมากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นการเติมเชื้อไฟ มากกว่าการแก้ไขปัญหา
เชื่อสมัครวางเกมสู้กระแสกดดันในพปช.
นายองอาจ กล่าวว่า การที่นายกฯ ยอมให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นส่วน หนึ่งของเกมชิงอำนาจภายในพรรคพลังประชาชน เนื่องจากมีกระแสกดดันจากภายใน พรรคให้นายสมัคร ลาออกจากตำแหน่ง แต่เมื่อนายสมัครยอมเปิดให้มีการ อภิปรายไม่ไว้วางใจ อำนาจการยุบสภาจึงถูกดึงกลับมาอยู่ในมือของนายสมัครอีกครั้ง เพื่อเป็นการต่อรองกับ ส.ส. ภายในพรรคพลังประชาชน
นายองอาจ ยังปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความเกี่ยวข้องกับ การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ และขอให้ส.ส.พรรคพลังประชาชนหยุดพฤติกรรม การใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ เพราะสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นเป็นอาจจะย้อนกลับไปสู่ตัวเองได้
อย่าลากพรรคประชาธิปัตย์ไปเกี่ยวข้องกับการชุมนุมพันธมิตรฯ เพราะนั่นเป็นการแสดงถึงความกังวลในการที่จะสูญเสียอำนาจในการบริหารประเทศ
แฉชัยได้คำสั่งจากรัฐบาลให้บรรจุซักฟอก
นายองอาจ กล่าวว่า ตนมีเอกสารยืนยันถึงการทำหน้าที่ประธานสภาฯ ของนายชัย ชิดชอบ ว่ามีความไม่เป็นกลาง โดยมีการรับคำสั่งจากฝ่ายบริหาร ให้ใช้อำนาจความเป็นประธานสภาฯ เปลี่ยนแปลงวาระการประชุม จากเดิม ได้มีการกำหนดวาระการประชุมงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 เป็นเรื่องด่วนที่ 1 ในวันพุธที่ 25 มิ.ย.แต่เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. นายชัยได้โทรศัพท์ไปสั่งการเลขาธิการสภาฯ ที่กำลังตีกอล์ฟอยู่ที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งรีบกลับมาเปลี่ยนวาระการประชุม โดยให้บรรจุระเบียบวาระการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาเป็นวันที่ 24 มิ.ย. เวลา 13.30 น. เป็นต้นไปแทน ซึ่งไม่เคยปรากฎเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนที่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนวาระการประชุมกระทันหัน เป็นเพราะประธานได้รับการบัญชาจากรัฐบาล แล้วใช้อำนาจการเป็นประธานด้วยตัวเอง ซึ่งจตามปกจติจะต้องขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุม
ประธานใช้อำนาจหักคอเปลี่ยนแปลงวาระการประชุมเพื่อให้ฝ่ายค้าน ได้อภิปราย เพื่อช่วยเหลือฝ่ายบริหาร รวมทั้งประธานสภาฯ ไม่มีหน้าที่มาสั่งสอนฝ่ายค้านว่า ควรจะคัดเอาแต่หัวกะทิมาอภิปราย แต่ท่านมีหน้าที่ควบคุมการประชุมให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ฝ่ายค้านมีวุฒิภาวะมากกว่าประธานสภาฯ ย่อมรู้ดีว่า ควรอภิปรายในแต่ละประเด็นอย่างไร ยืนยันว่าไม่มีการอภิปรายน้ำท่วมทุ่ง และข้อมูลทุกอย่างเชื่อถือได้ ประธานสภาฯ ควรจะรักษาความเป็นธรรมให้ดีก่อนจะมาสั่งสอนคนอื่นนายองอาจ
ส่วนกรณีที่ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีข้อมูลในการอภิปราย แต่ที่ยื่นญัตติเพราะไม่ต้องการให้มีการยุบสภา นายองอาจกล่าวว่า ร.ท.กุเทพไม่ได้เป็นรัฐมนตรีจึงไม่รู้ว่ารัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย นอนไม่หลับมาหลายวันแล้ว เพราะรู้ว่าตัวเองทำงานไร้ประสิทธิภาพ ถ้าวันไหนที่ ร.ท.กุเทพได้เป็นรัฐมนตรีก็จะรู้ว่าการที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อมูล ไม่มีฝ่ายค้านประเทศไหนที่อภิปรายโดยไม่มีข้อมูล
ท้าปชป.งัดที่เด็ดมาเล่นงานให้ได้
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะใช้การนับคะแนนไม่ไว้วางใจเป็นหลัก ซึ่งหากคะแนนไม่ไว้วางใจเกินกึ่งหนึ่งผู้ถูกอภิปราย ก็ต้องพ้นหน้าที่ อย่างไรก็ตามตนมีความมั่นใจในพรรคร่วมรัฐบาลว่าเสียงจะไม่แตก เรื่องนี้สบายๆ ยืนยันว่าจะไม่มีปัญหา ซึ่งตนก็ไม่เคยคิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะคิดเป็นอย่างอื่น เพราะรัฐบาลยังไม่ได้ทำการทุจริต ไม่ได้บริหารผิดพลาดบกพร่องอะไร รวมถึงยังไม่มีการอนุมัติโครงการอะไรเลย
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่าการที่รัฐบาลยอมให้ฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ใช่ เพื่อกลบกระแสการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯเพราะหากไม่ยอมให้อภิปรายก็จะหาว่ารัฐบาลใจแคบ ในระบอบประชาธิปไตยไม่มีใครกลัวใคร ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ทำการบ้านให้ดี เพราะการอภิปรายครั้งนี้เป็นการอภิปรายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากรวมกับการอภิปรายเรื่องงบประมาณแล้วจะถือว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้อภิรายไม่ไว้วางใจถึง 5 วัน
ตอนผมอภิปรายรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องสปก.4-01 ที่เอาไปแจกเศรษฐีภูเก็ต หมัดเดียวก็ร่วงไปเลย ไม่จำเป็นต้องมีหลายเรื่อง เพราะหากมีข้อมูลที่ชัดเจนเรื่องเดียวก็น๊อคแล้ว เหมือนที่ผมเคยทำสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งก็ได้ยุบสภาหนีไป ฉะนั้นมีทีเด็ดอะไรก็เอามาพูดก็แล้วกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่านายสุเทพ จะทำให้ประชาชนไขว้เขวกับการทำงานของ รมว.มหาดไทยบ้างหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนว่าชาติหน้า เพราะรู้ตัวดีว่าทำอะไรไปบ้าง ทั้งนี้ที่พรรคประชาธิปัตย์เปิดไม่ไว้วางใจตนเป็นเพราะต้องการโหนกระแส หาว่าตนแทรกแซงสื่อ ต้องการปิดเคเบิ้ลทีวี รวมถึงการขัดคำสั่งศาลปกครองซึ่งตนจะขอภาวนานั่งกราบงามๆ จะจุดธูปทั้งคืนนั่งขอให้พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายเยอะๆ ตนจะได้ตอบและชี้แจงผลงานของกระทรวง
ปัดจัดงานขนคนชนพันธมิตรฯ
ส่วนที่มีข่าวว่ามีการระดมพลในเพื่อต้องการให้ผู้มาร่วมงานไปชนกับกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี ไม่เคยคิดบ้าอะไรอย่างนี้ และงานนี้ก็มีกำหนดการมาก่อน เพราะวันที่ 26 มิ.ย.นี้เป็นวันต่อต้านยาเสพติดของโลก แต่วันดังกล่าวไม่ใช่วันหยุด ทำให้ไม่สะดวกในการจัดงาน ทั้งนี้ความเป็นจริงกำหนดจัดงานจะอยู่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า แต่กลัวจะมองว่าเป็นการท้าทาย จึงหลบมาที่สวนลุมพินี กลุ่มพันธมิตรฯก็คนไทยเหมือนกันจะไปทะเลาะกันทำไม เป็นประชาชนของรัฐบาลเหมือนกัน ส่วนจะมีการประชุม ครม.ที่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี
กรมประชาถ่ายสดฝ่ายค้านซักฟอก
นายเผชิญ ขำโพธิ์ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ทางรัฐบาลได้ประสานให้สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีถ่ายทอดสดการประชุมรัฐสภาระหว่างวันที่ 23-27 มิ.ย.นี้ ซึ่งในวันที่ 23 มิ.ย. จะมีการอภิปรายทั่วไปของวุฒิสภา ส่วนวันที่ 24-25 มิ.ย. จะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลโดยฝ่ายค้าน และในวันที่ 26-27 มิ.ย.จะเป็นการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 แต่จะยกเว้น การถ่ายทอดสดในช่วงข่าวต้นชั่วโมงและข่าวภาคค่ำ ซึ่งการดำเนินการถ่ายทอดสด เช่นนี้ไม่กระทบกับผังรายการเดิมที่มีการวางไว้แล้ว เนื่องจากถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติตามปกติที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีจะต้องถ่ายทอดสดตลอดการอภิปราย
