พันธมิตรฯบุกกระทรวงต่างประเทศ ประฌาม "นพดล" ยื่นอธิปไตยเหนือดินแดนไทยให้กัมพูชา จากการลงนามในแถลงการณ์ร่วมเพื่อรับรองแผนที่ฉบับใหม่ให้เขมรนำไปเสนอให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกประเทศเดียว ขณะที่ นักวิชาการรุมแฉวาระซ่อนเร้น เปลี่ยนเส้นเขตแดนแลกประโยชน์กลุ่มการเมือง เตือนระเมิดรัฐธรรมนูญ เสนอสว.63 คนเข้าชื่อส่งศาลรธน.ด่วน ด้าน"นพดล" ยังโวเป็นฮีโร่ ไม่ทำไทยเสียดินแดน บอกควรได้ดอกไม้ไม่ใช่ก้อนหิน "ปานเทพ" เตรียมเสนอพันธมิตรฯ ล่าชื่อยื่นคัดค้านไปยังยูเนสโก "จำลอง" ย้ำศุกร์นี้เก็บข้าวของ ล้อมทำเนียบฯ ลั่นตำรวจไม่มีสิทธิห้าม เตือนใช้ความรุนแรงถูกฟ้องแน่ "สมัคร" ผวาเรียก "ผบ.ตร.-ผบ.ทบ."ถกด่วน สั่งทำทุกวิถีทางอย่าให้พันธมิตรฯเข้าถึงทำเนียบฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า เมื่อเวลา 09.15 น. วานนี้ (18 มิ.ย.) กลุ่มพันธมิตรฯ หลายพันคนนำโดย นายสมศักดิ์ โกสัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ นำรถดัดแปลงเป็นเวทีเคลื่อนที่เคลื่อนขบวนมายังหน้ากระทรวงการต่างประเทศ ถ.ศรีอยุธยา เพื่อยื่นหนังสือให้กำลังใจข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ และประฌามการทำงาน ของนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ที่มุ่งแต่ทำงานเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับระบอบทักษิณ โดยเฉพาะการลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ในการทำแผน ที่บริเวณรอบประสาทเขาพระวิหาร เพื่อยินยอมให้กัมพูชาเสนอองค์การยูเนสโก ให้ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงประเทศเดียวโดยที่ไทยไม่เสนอร่วม ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 กว่า 500 นาย มารักษาความปลอดภัย โดยกระทรวงการต่างประเทศมอบหมายให้ นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ เป็นผู้แทนออกมารับหนังสือจากกลุ่มพันธมิตรฯ
สำหรับนายนพดล นั้นเดิมมีกำหนดที่จะพบปะหารือกับเอกอัครราชทูต เดนมาร์ค ประจำประเทศไทยในเวลา 11.00 น. แต่เมื่อทราบข่าวว่ากลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางมาประท้วงและยื่นขอเรียกร้องจึงของดการพบปะโดยจะไม่เข้ากระทรวงทั้งวัน
การชุมนุมหน้ากระทรวงการต่างประเทศครั้งนี้ เป็นไปอย่างคึกคัก มีนายวีระ สมความคิด ร่วมปราศรัยโจมตีการทำงานของ นายนพดล ขณะเดียวกันยังมีตัวแทนขึ้นมากล่าวโจมตี นายนพดล ในภาษาต่างๆ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี รัสเซีย ญี่ปุ่น จีน เขมร ยาวี เป็นต้น
จากนั้นนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ได้ขึ้นเวทีอ่านแถลงการณ์ซึ่งทำเป็นหนังสือถึง นายวีะศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กระทรวง ที่ยืนหยัดพิทักษ์ รักษาศักดิ์ศรีและอธิปไตยของชาติ (อ่านรายละเอียดหน้า 2) หลังจากชุมนุมหน้ากระทรวงการต่างประเทศพักใหญ่ กลุ่มพันธมิตรฯ จึงได้เคลื่อนขบวนกลับมายังเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์
ทั้งนี้ การที่ไทยส่อแววจะสูญเสียดินแดนให้แก่เขมรครั้งนี้เป็นผลมาจากครม.มีมติตามที่กระทรวงต่างประเทศเป็นวาระจรเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาซึ่งก่อให้เกิดปฎิกิริยาไม่เห็นด้วยในหลายฝ่าย โดยวานนี้(18มิ.ย.) สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แถลงข้อเท็จจริงจากพื้นที่ที่กรณีขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกของมนุษย์ พบว่า ไทยเสียเปรียบเขมรในหลายประเด็น โดยเขมรพยายามรักษาอธิปไตยของตนเองโดยสร้างชุมชน ตลาด และ วัด รุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทย ขณะที่เส้นแบ่งเขตแดนไทย-เขมรก็ยังมีปัญหาในการเจรจา มติครม.ครั้งนี้อาจจะเป็นวาะซ่อนเร้นที่จะเป็นการแลกประโยชน์ของกลุ่มการเมือง
ขณะที่นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า เป็นการกระทำที่กระทบสิทธิอธิปไตยของประเทศตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 เรื่องนี้ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ไม่ใช่การตัดสินใจเพียงคนเดียว หรือ กลุ่มคนกลุ่มเดียว ควรให้วุฒิสมาชิก 63 คนซึ่งเป็นจำนวนหนึ่งใน10ของสมาชิกทั้งหมดของทั้งสองสภาเสนอความเห็นในเรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
"นพดล"โวควรได้ดอกไม้ไม่ใช่ก้อนหิน
ด้าน นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ นำพล.ท.แดน มีชูอรรถ เจ้ากรมแผนที่ทหาร มาร่วมชี้แจงการดำเนินการฝ่ายไทยกรณีกัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก พร้อมแสดงเอกสาร แผนที่ฉบับใหม่ ซึ่งนายนพดลยืนยันว่ากัมพูชาได้ขอขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทและไม่มีการรุกล้ำพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรแต่อย่างใด
"กระทรวงต่างประเทศได้เจรจากับนายสก อาน รองนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ด้วยความยากลำบาก แต่เจรจาตกลงกันได้สำเร็จเพราะผม กระทรวงต่างประเทศ และกรมแผนที่ทหารมีความสามารถ โดยไม่มีอะไรแลกเปลี่ยน เป็นความรักและความปรารถนาดีระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งใครจะได้ดอกไม้มากกว่าก้อนหิน เป็นพระเอกมากกว่าผู้ร้าย"
นายนพดล กล่าวยืนยันว่า ไม่มีพื้นที่ใดเลยของประเทศไทยที่ถูกกัมพูชาลุกล้ำ เข้ามา แม้แต่ตารางนิ้วเดียว ทั้งนี้ไม่ได้ปกปิดแผนที่ฉบับใหม่ เพราะเพิ่งได้เซ็นเอกสาร เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. เช่นเดียวกับกัมพูชา จึงนำออกมาเปิดเผยได้ ส่วนพื้นที่ทับซ้อนนั้น จะต้องไปเจรจากับกัมพูชาร่วมกัน เพื่อทำแผนบริหารจัดการต่อไป
นายนพดล ยืนยันว่ากรณีนี้ไม่จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาฯรัฐธรรมนูญ ม. 190 เพราะเป็นการเจรจาปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่างประเทศ ไม่เกี่ยวข้องกับสนธิสัญญาระหว่างประเทศตาม ม.190 จึงไม่จำเป็นต้องนำเข้าสภาฯ พิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่าความสำเร็จในครั้งนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ นายนพดล กล่าวว่ายอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รู้จักกับฮุนเซ็น ผู้นำกัมพูชา และเป็นเพื่อนกันมานาน ไม่อยากประเมินความรักจะแปรมาเป็นความร่วมมือแค่ไหน แต่คิดว่าสองฝ่ายคงมีประโยชน์ร่วมกัน
พล.ท.แดน มีชูอรรถ เจ้ากรมแผนที่ทหาร ซึ่งร่วมแถลงข่าวด้วยกล่าวยืนยันว่าสิ่งที่ทาง กรมแผนที่ทำได้ส่งเจ้าหน้าที่ของกรมแผนที่ทหารลงไปในพื้นที่ทำการ สำรวจพื้นที่จริงๆ ซึ่งเป็นหนแรกในรอบหลายสิบปีที่เราได้มีโอกาสเข้าไปสำรวจ ในเขาพระวิหาร เพราะเป็นเขตแดนของกัมพูชาทางกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ติดต่อประสานงานให้ไปสำรวจเพียงฝ่ายเดียว เราใช้เวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 9 -11 มิ.ย.เข้าไปทำการสำรวจด้วยเครื่องมือรังวัดพิกัด จีพีเอสดาวเทียม เข้าไปรังวัดตัวปราสาททั้งหมด และหาค่าพิกัดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องผลที่ออกมาเป็นแผนผัง 1 ต่อ 4000
ส่วนที่ใกล้เส้นเขตแดนที่สุดคือ 3 เมตร ซึ่งอยู่ทางด้านใต้ ด้านซ้ายของตัวปราสาทและสูงขึ้นมาจะห่างประมาณ 25 เมตร ช่วงห่างสูงสุดคือ 30 เมตร ช่วงบันไดหน้าสุดท้ายจนถึงเส้นเขตแดนทางเหนือของไทยห่างประมาณ 10 เมตร จากการ สำรวจในพื้นที่และจากการรังวัดอย่างละเอียดขอยืนยันว่า ไม่มีส่วนใดในขอบเขตที่กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทับซ้อนหรือเหลื่อมล้ำเข้ามา ในเขตแดนไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพดล กล่าวหลังแถลงข่าวเสร็จสิ้นว่า เมื่อปี 2505 นายเสนีย์ ปราโมช เป็นทนายความ กรณีที่กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร และมีนายถนัด คอมันต์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยต้องแพ้คดี ศาลโลกสั่งให้พื้นที่ตัวปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาทั้งหมด ไปเปิดดูประวัติศาสตร์ได้
"จำลอง"ลั่นแนวร่วมบุกทำเนียบฯอื่อ
สำหรับคำประกาศของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จะเคลื่อนขบวนไปหน้าทำเนียบรัฐบาลในวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย.นี้เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญและแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนนั้น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่าจะเป็นการนัดรวมพลกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาล และยังไม่รู้ว่าจะปักหลักชุมนุมต่อที่หน้าทำเนียบรัฐบาลหรือกลับมาชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ตามเดิม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ขณะนี้มีกลุ่มแนวร่วมติดต่อเข้าร่วมชุมนุมใหญ่กับพันธมิตรฯ อย่างต่อเนื่อง อาทิ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจที่ประกาศจะร่วมชุมนุมที่ หน้าทำเนียบรัฐบาลด้วย และหากแนวร่วมเกษตรกรกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตร 4 ภาค ที่ชุมนุมอยู่บริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ เพราะได้รับกระทบจากการบริหารงานของรัฐบาลเช่นกัน
พล.ต.จำลอง กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. ได้ลงนาม ในคำสั่งเตรียมสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า ตลอดระยะเวลาที่มีการชุมนุม ต่อต้านรัฐบาล กระแสข่าวการสลายการชุมนุมมีมาอย่างต่อเนื่อง และมีความเป็นไปได้ ที่อาจมีการสลายการชุมนุมในช่วงนี้ ซึ่งพันธมิตรฯ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะชุมนุมอย่างยืดเยื้อต่อไป และหากมีการสลายการชุมนุมก็จะมารวมตัวกันใหม่ แต่หากจะจับกุมแกนนำก็ต้องมีหมายจับ หรือใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือกฎหมายความมั่นคง แต่อยากให้พิจารณาสถานการณ์ประกอบด้วย
ยั่นตำรวจสกัดพันธมิตรฯไม่ได้
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม การที่ไปทำเนียบฯนั้น ไม่ได้ถือว่า เป็นการหาทางลงของกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะไม่จำเป็น แต่เป็นเพราะเราต้องการหาสิ่ง ที่จะทำให้ดีขึ้น เนื่องจากเราชุมนุมมาถึง 25 วัน รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร ตามที่ประชาชนเรียกร้องเราจึงต้องไป แต่ไม่ใช่การไปยึดทำเนียบฯ แต่ไปเพื่อจะยื่นหนังสือต่อ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงพลังของเรา โดยจะขนสัมภาระไปทั้งหมดไม่ทิ้งไว้ที่นี่แม้แต่ชิ้นเดียว ส่วนจะไปปักหลักหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ส่วนกรณีที่ตำรวจจะไม่ให้เราผ่านนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ตำรวจไม่มีทางยับยั้งได้ นี่ไม่ใช่การท้าทาย แต่ตำรวจจะจับเรายากเพราะต้องมีหมายศาล ส่วนถ้าหากมีการสลายม็อบ ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย
"ซึ่งนี่คือหน้าที่ของเราแม้ตำรวจไม่ให้ไป แต่เราก็จะไป และหากมีการใช้ ความรุนแรงก็ถือว่าตำรวจและรัฐบาลเป็นผู้ผิด เพราะตำรวจและรัฐบาล มีหน้าที่ป้องกัน ไม่ให้เกิดความรุนแรง"
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย และตำรวจ ระบุว่า จะมีการขนอาวุธมาเตรียมพร้อม ถือเป็นการชี้ช่องที่เขาพยายามมาโดยตลอด ซึ่งรัฐบาล และตำรวจจะต้องป้องกัน มิเช่นนั้นจะถือว่ามีความผิด สำหรับการเคลื่อนขบวน ไปทำเนียบฯในวันศุกร์นั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่า เป็นการเคลื่อนไหวแบบ ต่างคนต่างไป และขอให้ประชาชนที่มาร่วม พกกล้องถ่ายรูปมาด้วย เพื่อถ่ายภาพตำรวจที่ยับยังการเดินขบวนของเรา
ห่วงไทยเสียเขาพระวิหารถาวร
ขณะที่นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกต ถึงแถลงการณ์ของนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ว่า จะทำให้ประเทศไทย เสียตัวเขาพระวิหาร และพื้นที่รอบปราสาทเขาพระวิหารโดยถาวร รวมไปถึง แนวเขตที่มีตลาด วัด และชุมชน ที่ได้ตั้งรกรากมานานไปด้วย
"จึงขอเรียกร้องให้เปิดเผยแผนที่ปราสาทเขาพระวิหาร รวมทั้งขอให้เปิดเผยแผนที่ บริเวณอ่าวไทยที่ติดกับกัมพูชาด้วย เพราะเราสงสัยว่า ที่ผ่านมารัฐมนตรีของกัมพูชา เคยให้สัมภาษณ์ว่า มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่บริเวณอ่าวไทย กับปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งพื้นที่บริเวณอ่าวไทยนั้น มีแหล่งพลังงานและก๊าซธรรมชาติ อย่างมหาศาล ซึ่งบังเอิญกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปลงทุนที่เกาะกง ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ใกล้กับบริเวณดังกล่าวด้วย จึงสงสัยว่า กรณีนี้นายนพดล เจรจาเพื่อผลประโยชน์ของใคร"
นายปานเทพ กล่าวว่า เขตอ่าวไทย อยู่ที่หลักเขต ที่ 73 ซึ่งไทยต้องยืนยันว่า ผลประโยชน์ของก๊าซธรรมชาติ และอื่น ๆ ต้องเป็นผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย แต่เราห่วงว่า จะมีการขีดเส้นแผนที่ใหม่ โดยที่คนไทยไม่รู้ โดยขีดหลักเขตที่ 73 ลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งจะทำให้ผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันเป็นของกัมพูชา รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะไปลงทุนด้วยหรือไม่ จึงอยากเรียกร้อง ให้เปิดเผย เส้นแบ่งเขต ว่าผลประโยชน์บริเวณอ่าวไทยจะเป็นของใคร
เสนอรวบรวมชื่อคัดค้านต่อยูเนสโก้
นายปานเทพ ระบุด้วยว่า จะนำเรื่องนี้ หารือกับแกนนำพันธมิตรฯ ในคืนนี้ โดยจะเสนอให้ รวบรวมชื่อประชาชน เพื่อนำเรื่องไปเสนอต่อยูเนสโก เพื่อคัดค้านการนำปราสาทเขาพระวิหาร ขึ้นบัญชีมรดกโลก ซึ่งจะต้องให้เสร็จก่อนต้นเดือน ก.ค.
ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงว่า มติ ครม. เรื่องปราสาทเขาพระวิหาร มีวาระซ่อนเร้น หากรัฐบาลไทย ยอมให้กฎหมายปิดปาก โดยไม่โต้แย้งสิทธิ์ จะทำให้เสียดินแดนอีก 40 กว่าจุด ซึ่งเรื่องนี้กองทัพทราบดี ดังนั้นเราขอเรียกร้องให้รัฐบาลออกไป อีกทั้ง มติ ครม. ในเรื่องนี้หากยึดตามกรอบปัจจุบันก็จะถือเป็นโมฆะ โดยเข้าตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการของรัฐสภา ซึ่งจะทำให้เป็นโมฆะทันที โดยไม่เป็นเครื่องมือของกลุ่มทุนในระบอบทักษิณ
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า เท่าที่ทราบ พบว่า ร่างแก้ไข รธน. ของพรรคพลังประชาชน มีการตัดมาตรา 190 ในวรรคที่จะต้องผ่านรัฐสภาออกไป ซึ่งจะมีการหารือกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อหาทางฟ้องศาล ให้มติ ครม. ดังกล่าว เป็นโมฆะด้วย
กฟผ.ขน3พันร่วมลุยทำเนียบฯ
นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย(สร.กฟผ.) กล่าวว่า หลังจาก สรส. มีมติเอกฉันท์เข้าร่วมต่อสู้กับพันธมิตรฯตามยุทธศาสตร์อารายะขัดขืน โดย สร.คปภ. ได้ขอให้สมาชิกแสดงพลังนัดหยุดงานเพื่อร่วมชุมนุมใหญ่กับพันธมิตรศุกร์นี้(20 มิ.ย.) โดยสมาชิกที่อยู่ใน กรุงเทพฯให้ลางานครึ่งวันตั้งแต่เวลา 12.00 น. โดยจะมีรถบัสออกจากสำนักงานกลาง กฟผ.บางกรวย ส่วนสมาชิกที่อยู่ต่างจังหวัดให้แจ้งคณะกรรมการเพื่อติดต่อ รถเข้า กทม.ในเย็นวันที่ 19 มิถุนายน เพื่อจะได้เดินทางมาถึงตอนเช้า
"เบื้องต้นได้เตรียมรถบัสยืนจำนวน 10 คันไว้รองรับ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีสมาชิกเข้าร่วมใกล้เคียงกับปี 2549 คือไม่ต่ำกว่า 3 พันคน"
"เฉลิม"ปล่อยข่าวมีขนอาวุธมาก่อเหตุ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่พันธมิตรฯจะเคลื่อนขบวน ไปชุมนุมหน้าทำเนียบฯเพื่อยื่นหนังสือแก่นายกรัฐมนตรีว่า อยากไปก็ไป ให้พันธมิตรฯไปดูไว้ก่อนเผื่อครั้งหน้าจะลงสมัครรับเลือกตั้ง หากนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯได้รับเลือกเป็นนายกฯจะได้ไปมาง่าย
อย่างไรก็ตามการที่พันธมิตรฯจะเคลื่อนไปทำเนียบฯกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้ดูแล ดูแลแค่พื้นที่ต่างจังหวัดเท่านั้น แต่ยืนยันว่าเราจะไม่สกัด คนจากต่างจังหวัดเพื่อเข้ามาชุมนุม แต่ขอให้เข้ามาชุมนุมเยอะๆ เชื่อว่าไม่มีใครเห็นด้วยกับพวกมันหรอก
"ตอนนี้ผมรู้ข่าวมาว่า เมื่อ 2 วันที่แล้วมีการขนอาวุธเข้ามาเพื่อมาก่อเหตุ ซึ่งกลุ่มที่ขนเข้ามาไม่ใช่รัฐบาล แต่ผมจะไม่บอกว่าเป็นกลุ่มไหน เอาเท่านี้พอ ซึ่งการจะทำให้เกิดความรุนแรงหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับพวกเขา แต่รัฐบาลก็มีหน้าที่ระวัง โดยจะแนะนำตำรวจให้ตั้งด่านตรวจค้นให้มากขึ้น ผมเตือนแล้วบอกแล้ว"
"สมัคร"ผวาเรียก"อนุพงษ์-พัชรวาท"ถก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น. วันเดียวกัน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้เรียกฝ่ายความมั่นคงมาหารือเพื่อรับมือ การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯที่จะเดินขบวนมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลในวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย.นี้ โดยในการหารือได้เชิญ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. มาพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า ใช้เวลาหารือ 1ชั่วโมงครึ่ง
่พล.ต.อ.พัชรวาท ให้สัมภาษณ์ว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดูแลทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจำเป็นต้องเพิ่มกำลังตำรวจ ซึ่งเมื่อสักครู่ก็ได้หารือร่วมกับ ผบ.ทบ. แต่ไม่สามารถเปิดเผยถึงแผนได้ แต่พูดได้ว่าเราจะเพิ่มกำลัง โดยจำนวนจะทำตามความจำเป็น เมื่อถามว่าหมายถึงจะให้เขาผ่านหน้าทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ พล.ต.อ.พัชวาท กล่าวว่า คือเขาผ่านมัฆวานฯไม่ได้หรอกครับ ส่วนเขามาจากทางไหน เราก็ป้องกัน ท่านนายกฯให้ดูแลทำเนียบฯ เราจะไม่ให้เขาเดินมาทำเนียบฯ ส่วนนายกฯจะเข้ามาทำงานในทำเนียบฯตามปกติหรือไม่ต้องไปถามท่าน
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ประเมินหรือไม่สถานการณ์จะรุนแรง ผบ.ตร. กล่าวเสียงดังทันทีว่า "ไม่มีหรอกครับ ตำรวจมีหน้าที่ต้องดูแลประชาชน และไม่วุ่นวายหรอกครับ เพราะว่าประชาชนด้วยกันครับ"
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่าจะมีรายงานข่าวว่าจะมีการขนอาวุธเข้ามา ในการ ชุมนุม พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า อันนี้ต้องไปถามท่าน เราตรวจสอบข่าวแล้วก็ยังไม่ทราบข่าวนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องสนธิกำลังกับทหารหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว เพียงว่า "ในส่วนของตำรวจครับ"เมื่อถามมีความมั่นใจว่าตำรวจจะรับมือวันศุกร์นี้ ได้หรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวน้ำเสียงไม่มั่นใจว่า "ก็คิดว่าเราก็เพิ่มกำลัง ก็มั่นใจนะครับ"
ผู้สื่อข่าวถามว่า อำนาจการตัดสินใจเป็นของนายกหรือท่าน พล.ต.อ.พัชวาท กล่าวว่า "ขณะนี้ตำรวจเป็นคนดูแลครับ"
ส่วนความเป็นไปได้ที่นายกฯจะใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น พล.ต.อ.พัชวาท ไม่ตอบและเดินขึ้นรถออกไปทันที
สั่งบล็อคทุกเส้นทางไปหน้าทำเนียบฯ
วันเดียวกันที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.)เป็นประธานประชุมร่วมกับ พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. และนายตำรวจระดับสูง เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ และกลุ่มผู้ชุมนุมอื่นๆที่ได้รับความเดือดร้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การประชุมดังกล่าว ยังได้มีการวิเคราะห์แก้ไขปัญหา ผลกระทบที่เกิดจากการเคลื่อนขบวนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ผ่านมา และรับฟังรายงานสรุปการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยที่รับผิดชอบ และติดตามตรวจสอบการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานคดีที่มีประชาชนผู้เดือดร้อนเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯที่ปักหลักปิดการจราจรสร้างความเดือดร้อนให้คนทุกสาขาอาชีพโดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
พล.ต.อ.พัชรวาท ให้สัมภาษณ์ว่า ตำรวจจะไม่ยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนไปยังบริเวณหน้าทำเนียบฯ ในวันศุกร์ที่ 20 มิย.นี้อย่างแน่นอน และหากกลุ่มผู้ชุมนุมใช้แผนดาวกระจายในการเคลื่อนขบวน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะใช้แผนดาวกระจายในการรับมือเช่นกัน พร้อมกันนี้ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไว้รับมือแล้ว ในการสกัดกั้นอย่างเต็มที่โดยใช้กำลังที่มีทั้งหมดจาก บช.น. ฐตชด. และ ตำรวจภูธรภาค 1,2,7 รวม 3,000 นาย และกำลังเสริม ณ ที่ตั้งอีกจำนวนหนึ่ง
"ผมได้เน้นย้ำให้หลีกเลี่ยงการปะทะ การใช้ความรุนแรง ขอยืนยันว่า ไม่มีนโยบายการสะลายการชุมนุม แต่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ดีที่สุด ส่วน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีนั้น ขณะนี้ ไม่ได้สั่งกำชับอะไรเป็นพิเศษ ในการเคลื่อนขบวนของผู้ชุมนุม แต่ย้ำให้ตำรวจใช้ความอดทนอดกลั้นให้มากที่สุดเท่านั้น"
พันธมิตรฯภูมิภาคพร้อมใจเข้ากรุง
สำหรับการเคลื่อไหวของกลุ่มพันธมิตรฯในภูมิภาคต่างๆ นายณัชจรงค์ เอกเพิ่มทรัพย์ ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าวว่าวันที่ 19 มิ.ย. เครือข่ายยามเฝ้าแผ่นดินและพันธมิตรฯภูเก็ต นัดรวมตัวกันที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งจอโปรเจกเตอร์ถ่ายทอดบรรยากาศการรวมตัวชุมนุมของพันธมิตรฯที่กลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต จัดขึ้น เพื่อขึ้นรถมาร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯในกรุงเทพฯเพื่อไปยังทำเนียบฯ
ด้านนายพิสุทธิ์ ภูมิภมร แกนนำพันธมิตรฯกระบี่ กล่าวว่า พันธมิตรฯกระบี่ ก็เตรียมจะเดินทางขึ้นไปสมทบกับพันธมิตรส่วนกลางด้วย โดยจะเดินทางกันไปในวันนี้ (19 มิ.ย.) คาดว่าจะมีกลุ่มพันธมิตรฯกระบี่มาร่วมจำนวนมาก
นายสุนทร รักรงค์ ตัวแทนพันธมิตรจังหวัดชุมพรและผู้ประสานเครือข่ายพันธมิตรภาคใต้ กล่าวว่า จากการสอบถามเครือข่ายพันธมิตรฯ ทุกจังหวัดทราบว่าจะมีผู้ร่วมอุดมการณ์เดินทางไปร่วมกับพันธมิตรฯที่ส่วนกลางอีกไม่น้อยกว่า 1 หมื่นนค ซึ่งขณะได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ต้องการจะร่วมเดินทางไปให้ไปเจอกันที่สถานีรถไฟชุมพร ในเวลา 18.00 น.วันนี้ ซึ่งจะใช้รถไฟ 2 ขบวนที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ คือ ขบวนรถจากสงขลา และนครศรีธรรมราช
นายชินณภัทร แสงรังสี แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯชลบุรี กล่าวว่า ในช่วงนี้กลุ่มพันธมิตรฯในพื้นที่ภาคตะวันออกเริ่มทยอยเดินทางเข้า กทม.ตั้งแต่วันนี้แล้ว เพื่อเข้าไปร่วมสมทบกับกลุ่มพันธมิตรฯทั่วประเทศในวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. แต่การการเดินทางในครั้งกลุ่มพันธมิตรฯเริ่มถูกสกัดกั้นแล้วโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งด่านตรวจสอบเกือบทุกจุดที่จะเดินทางเข้าไปยัง กทม.ประกอบด้วยบริเวณแยกบ้านบึง, เส้นทางสายเก่าชลบุรี-กทม., เส้นสายมอเตอร์เวย์, เส้นสายบูรพา
นายทวี ทองถัน แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯพิษณุโลก เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 มิ.ย.นี้กลุ่มแนวร่วมพันธมิตรฯพิษณุโลกกว่า 100 คนจะเดินทางเข้าไปร่วมสมทบกับเวทีพันธมิตรฯ สะพานมัฆวานฯ
นายหินชนวน อโศกตระกูล เลขาธิการสมัชชาประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดเลย กล่าวว่า ขณะนี้แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯเลยได้เตรียมการ เพื่อเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลแล้ว
นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายพันธมิตรฯจากภูมิภาคทั่วประเทศไทยต่างเตรียมตัวเดินทางมาร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯในกรุงเทพฯอย่างคึกคัก
ชี้"เป็ดเหลิม"เป็นเด็กเลี้ยงแกะ
นาย เทพไท เสนพงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาปูดข่าวเรื่องการขนอาวุธเพื่อก่อความรุนแรงว่ารู้ตัวผู้กระทำ ความผิดแล้ว แต่ไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาลนั้น ถ้าเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงรมว.มหาดไทย ปล่อยให้ผู้กระทำความผิดลอยนวลอยู่ได้อย่างไร ต้อง เป็นผู้รักษากฎหมาย มิเช่นนั้น จะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา แต่ถ้าเป็นการกุข่าว เพื่อสร้างกระแสกลบเกลื่อนความล้มเหลวในการแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองของรัฐบาลที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้
"ถ้าข่าวดังกล่าวปราศจากมูลความจริงโดยสิ้นเชิง ก็ถือว่าเป็นพฤติกรรมของ เด็กเลี้ยงแกะฝูงใหญ่อย่างซ้ำซาก และเชื่อว่า การให้ข่าวในลักษณะเช่นนี้ ก่อให้เกิด ความสับสนกับผู้คนในสังคม ซึ่งคนระดับรัฐมนตรีไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง บ้านเมือง มีความสับสนวุ่นวายมากพอแล้ว ตัวรัฐมนตรีไม่ควรซ้ำเติมบ้านเมืองให้เลวร้าย ไปมากกว่านี้ หรือเป็นความต้องการที่ให้ความขัดแย้งในสังคมแตกหักโดยเร็วตามที่ใครบางคนต้องการ"
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า เมื่อเวลา 09.15 น. วานนี้ (18 มิ.ย.) กลุ่มพันธมิตรฯ หลายพันคนนำโดย นายสมศักดิ์ โกสัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ นำรถดัดแปลงเป็นเวทีเคลื่อนที่เคลื่อนขบวนมายังหน้ากระทรวงการต่างประเทศ ถ.ศรีอยุธยา เพื่อยื่นหนังสือให้กำลังใจข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ และประฌามการทำงาน ของนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ที่มุ่งแต่ทำงานเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับระบอบทักษิณ โดยเฉพาะการลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ในการทำแผน ที่บริเวณรอบประสาทเขาพระวิหาร เพื่อยินยอมให้กัมพูชาเสนอองค์การยูเนสโก ให้ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงประเทศเดียวโดยที่ไทยไม่เสนอร่วม ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 กว่า 500 นาย มารักษาความปลอดภัย โดยกระทรวงการต่างประเทศมอบหมายให้ นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ เป็นผู้แทนออกมารับหนังสือจากกลุ่มพันธมิตรฯ
สำหรับนายนพดล นั้นเดิมมีกำหนดที่จะพบปะหารือกับเอกอัครราชทูต เดนมาร์ค ประจำประเทศไทยในเวลา 11.00 น. แต่เมื่อทราบข่าวว่ากลุ่มพันธมิตรฯ เดินทางมาประท้วงและยื่นขอเรียกร้องจึงของดการพบปะโดยจะไม่เข้ากระทรวงทั้งวัน
การชุมนุมหน้ากระทรวงการต่างประเทศครั้งนี้ เป็นไปอย่างคึกคัก มีนายวีระ สมความคิด ร่วมปราศรัยโจมตีการทำงานของ นายนพดล ขณะเดียวกันยังมีตัวแทนขึ้นมากล่าวโจมตี นายนพดล ในภาษาต่างๆ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี รัสเซีย ญี่ปุ่น จีน เขมร ยาวี เป็นต้น
จากนั้นนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ได้ขึ้นเวทีอ่านแถลงการณ์ซึ่งทำเป็นหนังสือถึง นายวีะศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กระทรวง ที่ยืนหยัดพิทักษ์ รักษาศักดิ์ศรีและอธิปไตยของชาติ (อ่านรายละเอียดหน้า 2) หลังจากชุมนุมหน้ากระทรวงการต่างประเทศพักใหญ่ กลุ่มพันธมิตรฯ จึงได้เคลื่อนขบวนกลับมายังเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์
ทั้งนี้ การที่ไทยส่อแววจะสูญเสียดินแดนให้แก่เขมรครั้งนี้เป็นผลมาจากครม.มีมติตามที่กระทรวงต่างประเทศเป็นวาระจรเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาซึ่งก่อให้เกิดปฎิกิริยาไม่เห็นด้วยในหลายฝ่าย โดยวานนี้(18มิ.ย.) สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แถลงข้อเท็จจริงจากพื้นที่ที่กรณีขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกของมนุษย์ พบว่า ไทยเสียเปรียบเขมรในหลายประเด็น โดยเขมรพยายามรักษาอธิปไตยของตนเองโดยสร้างชุมชน ตลาด และ วัด รุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทย ขณะที่เส้นแบ่งเขตแดนไทย-เขมรก็ยังมีปัญหาในการเจรจา มติครม.ครั้งนี้อาจจะเป็นวาะซ่อนเร้นที่จะเป็นการแลกประโยชน์ของกลุ่มการเมือง
ขณะที่นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า เป็นการกระทำที่กระทบสิทธิอธิปไตยของประเทศตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 เรื่องนี้ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ไม่ใช่การตัดสินใจเพียงคนเดียว หรือ กลุ่มคนกลุ่มเดียว ควรให้วุฒิสมาชิก 63 คนซึ่งเป็นจำนวนหนึ่งใน10ของสมาชิกทั้งหมดของทั้งสองสภาเสนอความเห็นในเรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
"นพดล"โวควรได้ดอกไม้ไม่ใช่ก้อนหิน
ด้าน นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ นำพล.ท.แดน มีชูอรรถ เจ้ากรมแผนที่ทหาร มาร่วมชี้แจงการดำเนินการฝ่ายไทยกรณีกัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก พร้อมแสดงเอกสาร แผนที่ฉบับใหม่ ซึ่งนายนพดลยืนยันว่ากัมพูชาได้ขอขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทและไม่มีการรุกล้ำพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรแต่อย่างใด
"กระทรวงต่างประเทศได้เจรจากับนายสก อาน รองนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ด้วยความยากลำบาก แต่เจรจาตกลงกันได้สำเร็จเพราะผม กระทรวงต่างประเทศ และกรมแผนที่ทหารมีความสามารถ โดยไม่มีอะไรแลกเปลี่ยน เป็นความรักและความปรารถนาดีระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งใครจะได้ดอกไม้มากกว่าก้อนหิน เป็นพระเอกมากกว่าผู้ร้าย"
นายนพดล กล่าวยืนยันว่า ไม่มีพื้นที่ใดเลยของประเทศไทยที่ถูกกัมพูชาลุกล้ำ เข้ามา แม้แต่ตารางนิ้วเดียว ทั้งนี้ไม่ได้ปกปิดแผนที่ฉบับใหม่ เพราะเพิ่งได้เซ็นเอกสาร เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. เช่นเดียวกับกัมพูชา จึงนำออกมาเปิดเผยได้ ส่วนพื้นที่ทับซ้อนนั้น จะต้องไปเจรจากับกัมพูชาร่วมกัน เพื่อทำแผนบริหารจัดการต่อไป
นายนพดล ยืนยันว่ากรณีนี้ไม่จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาฯรัฐธรรมนูญ ม. 190 เพราะเป็นการเจรจาปัญหาพื้นที่ทับซ้อนระหว่างประเทศ ไม่เกี่ยวข้องกับสนธิสัญญาระหว่างประเทศตาม ม.190 จึงไม่จำเป็นต้องนำเข้าสภาฯ พิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่าความสำเร็จในครั้งนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ นายนพดล กล่าวว่ายอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ รู้จักกับฮุนเซ็น ผู้นำกัมพูชา และเป็นเพื่อนกันมานาน ไม่อยากประเมินความรักจะแปรมาเป็นความร่วมมือแค่ไหน แต่คิดว่าสองฝ่ายคงมีประโยชน์ร่วมกัน
พล.ท.แดน มีชูอรรถ เจ้ากรมแผนที่ทหาร ซึ่งร่วมแถลงข่าวด้วยกล่าวยืนยันว่าสิ่งที่ทาง กรมแผนที่ทำได้ส่งเจ้าหน้าที่ของกรมแผนที่ทหารลงไปในพื้นที่ทำการ สำรวจพื้นที่จริงๆ ซึ่งเป็นหนแรกในรอบหลายสิบปีที่เราได้มีโอกาสเข้าไปสำรวจ ในเขาพระวิหาร เพราะเป็นเขตแดนของกัมพูชาทางกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ติดต่อประสานงานให้ไปสำรวจเพียงฝ่ายเดียว เราใช้เวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 9 -11 มิ.ย.เข้าไปทำการสำรวจด้วยเครื่องมือรังวัดพิกัด จีพีเอสดาวเทียม เข้าไปรังวัดตัวปราสาททั้งหมด และหาค่าพิกัดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องผลที่ออกมาเป็นแผนผัง 1 ต่อ 4000
ส่วนที่ใกล้เส้นเขตแดนที่สุดคือ 3 เมตร ซึ่งอยู่ทางด้านใต้ ด้านซ้ายของตัวปราสาทและสูงขึ้นมาจะห่างประมาณ 25 เมตร ช่วงห่างสูงสุดคือ 30 เมตร ช่วงบันไดหน้าสุดท้ายจนถึงเส้นเขตแดนทางเหนือของไทยห่างประมาณ 10 เมตร จากการ สำรวจในพื้นที่และจากการรังวัดอย่างละเอียดขอยืนยันว่า ไม่มีส่วนใดในขอบเขตที่กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทับซ้อนหรือเหลื่อมล้ำเข้ามา ในเขตแดนไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพดล กล่าวหลังแถลงข่าวเสร็จสิ้นว่า เมื่อปี 2505 นายเสนีย์ ปราโมช เป็นทนายความ กรณีที่กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร และมีนายถนัด คอมันต์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยต้องแพ้คดี ศาลโลกสั่งให้พื้นที่ตัวปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาทั้งหมด ไปเปิดดูประวัติศาสตร์ได้
"จำลอง"ลั่นแนวร่วมบุกทำเนียบฯอื่อ
สำหรับคำประกาศของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จะเคลื่อนขบวนไปหน้าทำเนียบรัฐบาลในวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย.นี้เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญและแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนนั้น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่าจะเป็นการนัดรวมพลกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาล และยังไม่รู้ว่าจะปักหลักชุมนุมต่อที่หน้าทำเนียบรัฐบาลหรือกลับมาชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ตามเดิม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ขณะนี้มีกลุ่มแนวร่วมติดต่อเข้าร่วมชุมนุมใหญ่กับพันธมิตรฯ อย่างต่อเนื่อง อาทิ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจที่ประกาศจะร่วมชุมนุมที่ หน้าทำเนียบรัฐบาลด้วย และหากแนวร่วมเกษตรกรกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตร 4 ภาค ที่ชุมนุมอยู่บริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล ก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ เพราะได้รับกระทบจากการบริหารงานของรัฐบาลเช่นกัน
พล.ต.จำลอง กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. ได้ลงนาม ในคำสั่งเตรียมสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า ตลอดระยะเวลาที่มีการชุมนุม ต่อต้านรัฐบาล กระแสข่าวการสลายการชุมนุมมีมาอย่างต่อเนื่อง และมีความเป็นไปได้ ที่อาจมีการสลายการชุมนุมในช่วงนี้ ซึ่งพันธมิตรฯ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะชุมนุมอย่างยืดเยื้อต่อไป และหากมีการสลายการชุมนุมก็จะมารวมตัวกันใหม่ แต่หากจะจับกุมแกนนำก็ต้องมีหมายจับ หรือใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือกฎหมายความมั่นคง แต่อยากให้พิจารณาสถานการณ์ประกอบด้วย
ยั่นตำรวจสกัดพันธมิตรฯไม่ได้
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม การที่ไปทำเนียบฯนั้น ไม่ได้ถือว่า เป็นการหาทางลงของกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะไม่จำเป็น แต่เป็นเพราะเราต้องการหาสิ่ง ที่จะทำให้ดีขึ้น เนื่องจากเราชุมนุมมาถึง 25 วัน รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร ตามที่ประชาชนเรียกร้องเราจึงต้องไป แต่ไม่ใช่การไปยึดทำเนียบฯ แต่ไปเพื่อจะยื่นหนังสือต่อ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงพลังของเรา โดยจะขนสัมภาระไปทั้งหมดไม่ทิ้งไว้ที่นี่แม้แต่ชิ้นเดียว ส่วนจะไปปักหลักหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ส่วนกรณีที่ตำรวจจะไม่ให้เราผ่านนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ตำรวจไม่มีทางยับยั้งได้ นี่ไม่ใช่การท้าทาย แต่ตำรวจจะจับเรายากเพราะต้องมีหมายศาล ส่วนถ้าหากมีการสลายม็อบ ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย
"ซึ่งนี่คือหน้าที่ของเราแม้ตำรวจไม่ให้ไป แต่เราก็จะไป และหากมีการใช้ ความรุนแรงก็ถือว่าตำรวจและรัฐบาลเป็นผู้ผิด เพราะตำรวจและรัฐบาล มีหน้าที่ป้องกัน ไม่ให้เกิดความรุนแรง"
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย และตำรวจ ระบุว่า จะมีการขนอาวุธมาเตรียมพร้อม ถือเป็นการชี้ช่องที่เขาพยายามมาโดยตลอด ซึ่งรัฐบาล และตำรวจจะต้องป้องกัน มิเช่นนั้นจะถือว่ามีความผิด สำหรับการเคลื่อนขบวน ไปทำเนียบฯในวันศุกร์นั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่า เป็นการเคลื่อนไหวแบบ ต่างคนต่างไป และขอให้ประชาชนที่มาร่วม พกกล้องถ่ายรูปมาด้วย เพื่อถ่ายภาพตำรวจที่ยับยังการเดินขบวนของเรา
ห่วงไทยเสียเขาพระวิหารถาวร
ขณะที่นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกต ถึงแถลงการณ์ของนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ว่า จะทำให้ประเทศไทย เสียตัวเขาพระวิหาร และพื้นที่รอบปราสาทเขาพระวิหารโดยถาวร รวมไปถึง แนวเขตที่มีตลาด วัด และชุมชน ที่ได้ตั้งรกรากมานานไปด้วย
"จึงขอเรียกร้องให้เปิดเผยแผนที่ปราสาทเขาพระวิหาร รวมทั้งขอให้เปิดเผยแผนที่ บริเวณอ่าวไทยที่ติดกับกัมพูชาด้วย เพราะเราสงสัยว่า ที่ผ่านมารัฐมนตรีของกัมพูชา เคยให้สัมภาษณ์ว่า มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่บริเวณอ่าวไทย กับปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งพื้นที่บริเวณอ่าวไทยนั้น มีแหล่งพลังงานและก๊าซธรรมชาติ อย่างมหาศาล ซึ่งบังเอิญกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปลงทุนที่เกาะกง ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ใกล้กับบริเวณดังกล่าวด้วย จึงสงสัยว่า กรณีนี้นายนพดล เจรจาเพื่อผลประโยชน์ของใคร"
นายปานเทพ กล่าวว่า เขตอ่าวไทย อยู่ที่หลักเขต ที่ 73 ซึ่งไทยต้องยืนยันว่า ผลประโยชน์ของก๊าซธรรมชาติ และอื่น ๆ ต้องเป็นผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย แต่เราห่วงว่า จะมีการขีดเส้นแผนที่ใหม่ โดยที่คนไทยไม่รู้ โดยขีดหลักเขตที่ 73 ลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งจะทำให้ผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันเป็นของกัมพูชา รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะไปลงทุนด้วยหรือไม่ จึงอยากเรียกร้อง ให้เปิดเผย เส้นแบ่งเขต ว่าผลประโยชน์บริเวณอ่าวไทยจะเป็นของใคร
เสนอรวบรวมชื่อคัดค้านต่อยูเนสโก้
นายปานเทพ ระบุด้วยว่า จะนำเรื่องนี้ หารือกับแกนนำพันธมิตรฯ ในคืนนี้ โดยจะเสนอให้ รวบรวมชื่อประชาชน เพื่อนำเรื่องไปเสนอต่อยูเนสโก เพื่อคัดค้านการนำปราสาทเขาพระวิหาร ขึ้นบัญชีมรดกโลก ซึ่งจะต้องให้เสร็จก่อนต้นเดือน ก.ค.
ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงว่า มติ ครม. เรื่องปราสาทเขาพระวิหาร มีวาระซ่อนเร้น หากรัฐบาลไทย ยอมให้กฎหมายปิดปาก โดยไม่โต้แย้งสิทธิ์ จะทำให้เสียดินแดนอีก 40 กว่าจุด ซึ่งเรื่องนี้กองทัพทราบดี ดังนั้นเราขอเรียกร้องให้รัฐบาลออกไป อีกทั้ง มติ ครม. ในเรื่องนี้หากยึดตามกรอบปัจจุบันก็จะถือเป็นโมฆะ โดยเข้าตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการของรัฐสภา ซึ่งจะทำให้เป็นโมฆะทันที โดยไม่เป็นเครื่องมือของกลุ่มทุนในระบอบทักษิณ
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า เท่าที่ทราบ พบว่า ร่างแก้ไข รธน. ของพรรคพลังประชาชน มีการตัดมาตรา 190 ในวรรคที่จะต้องผ่านรัฐสภาออกไป ซึ่งจะมีการหารือกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อหาทางฟ้องศาล ให้มติ ครม. ดังกล่าว เป็นโมฆะด้วย
กฟผ.ขน3พันร่วมลุยทำเนียบฯ
นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แห่งประเทศไทย(สร.กฟผ.) กล่าวว่า หลังจาก สรส. มีมติเอกฉันท์เข้าร่วมต่อสู้กับพันธมิตรฯตามยุทธศาสตร์อารายะขัดขืน โดย สร.คปภ. ได้ขอให้สมาชิกแสดงพลังนัดหยุดงานเพื่อร่วมชุมนุมใหญ่กับพันธมิตรศุกร์นี้(20 มิ.ย.) โดยสมาชิกที่อยู่ใน กรุงเทพฯให้ลางานครึ่งวันตั้งแต่เวลา 12.00 น. โดยจะมีรถบัสออกจากสำนักงานกลาง กฟผ.บางกรวย ส่วนสมาชิกที่อยู่ต่างจังหวัดให้แจ้งคณะกรรมการเพื่อติดต่อ รถเข้า กทม.ในเย็นวันที่ 19 มิถุนายน เพื่อจะได้เดินทางมาถึงตอนเช้า
"เบื้องต้นได้เตรียมรถบัสยืนจำนวน 10 คันไว้รองรับ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีสมาชิกเข้าร่วมใกล้เคียงกับปี 2549 คือไม่ต่ำกว่า 3 พันคน"
"เฉลิม"ปล่อยข่าวมีขนอาวุธมาก่อเหตุ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่พันธมิตรฯจะเคลื่อนขบวน ไปชุมนุมหน้าทำเนียบฯเพื่อยื่นหนังสือแก่นายกรัฐมนตรีว่า อยากไปก็ไป ให้พันธมิตรฯไปดูไว้ก่อนเผื่อครั้งหน้าจะลงสมัครรับเลือกตั้ง หากนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯได้รับเลือกเป็นนายกฯจะได้ไปมาง่าย
อย่างไรก็ตามการที่พันธมิตรฯจะเคลื่อนไปทำเนียบฯกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้ดูแล ดูแลแค่พื้นที่ต่างจังหวัดเท่านั้น แต่ยืนยันว่าเราจะไม่สกัด คนจากต่างจังหวัดเพื่อเข้ามาชุมนุม แต่ขอให้เข้ามาชุมนุมเยอะๆ เชื่อว่าไม่มีใครเห็นด้วยกับพวกมันหรอก
"ตอนนี้ผมรู้ข่าวมาว่า เมื่อ 2 วันที่แล้วมีการขนอาวุธเข้ามาเพื่อมาก่อเหตุ ซึ่งกลุ่มที่ขนเข้ามาไม่ใช่รัฐบาล แต่ผมจะไม่บอกว่าเป็นกลุ่มไหน เอาเท่านี้พอ ซึ่งการจะทำให้เกิดความรุนแรงหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับพวกเขา แต่รัฐบาลก็มีหน้าที่ระวัง โดยจะแนะนำตำรวจให้ตั้งด่านตรวจค้นให้มากขึ้น ผมเตือนแล้วบอกแล้ว"
"สมัคร"ผวาเรียก"อนุพงษ์-พัชรวาท"ถก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น. วันเดียวกัน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้เรียกฝ่ายความมั่นคงมาหารือเพื่อรับมือ การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯที่จะเดินขบวนมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลในวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย.นี้ โดยในการหารือได้เชิญ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร. มาพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า ใช้เวลาหารือ 1ชั่วโมงครึ่ง
่พล.ต.อ.พัชรวาท ให้สัมภาษณ์ว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ดูแลทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจำเป็นต้องเพิ่มกำลังตำรวจ ซึ่งเมื่อสักครู่ก็ได้หารือร่วมกับ ผบ.ทบ. แต่ไม่สามารถเปิดเผยถึงแผนได้ แต่พูดได้ว่าเราจะเพิ่มกำลัง โดยจำนวนจะทำตามความจำเป็น เมื่อถามว่าหมายถึงจะให้เขาผ่านหน้าทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ พล.ต.อ.พัชวาท กล่าวว่า คือเขาผ่านมัฆวานฯไม่ได้หรอกครับ ส่วนเขามาจากทางไหน เราก็ป้องกัน ท่านนายกฯให้ดูแลทำเนียบฯ เราจะไม่ให้เขาเดินมาทำเนียบฯ ส่วนนายกฯจะเข้ามาทำงานในทำเนียบฯตามปกติหรือไม่ต้องไปถามท่าน
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ประเมินหรือไม่สถานการณ์จะรุนแรง ผบ.ตร. กล่าวเสียงดังทันทีว่า "ไม่มีหรอกครับ ตำรวจมีหน้าที่ต้องดูแลประชาชน และไม่วุ่นวายหรอกครับ เพราะว่าประชาชนด้วยกันครับ"
ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่าจะมีรายงานข่าวว่าจะมีการขนอาวุธเข้ามา ในการ ชุมนุม พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า อันนี้ต้องไปถามท่าน เราตรวจสอบข่าวแล้วก็ยังไม่ทราบข่าวนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องสนธิกำลังกับทหารหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว เพียงว่า "ในส่วนของตำรวจครับ"เมื่อถามมีความมั่นใจว่าตำรวจจะรับมือวันศุกร์นี้ ได้หรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวน้ำเสียงไม่มั่นใจว่า "ก็คิดว่าเราก็เพิ่มกำลัง ก็มั่นใจนะครับ"
ผู้สื่อข่าวถามว่า อำนาจการตัดสินใจเป็นของนายกหรือท่าน พล.ต.อ.พัชวาท กล่าวว่า "ขณะนี้ตำรวจเป็นคนดูแลครับ"
ส่วนความเป็นไปได้ที่นายกฯจะใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น พล.ต.อ.พัชวาท ไม่ตอบและเดินขึ้นรถออกไปทันที
สั่งบล็อคทุกเส้นทางไปหน้าทำเนียบฯ
วันเดียวกันที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.)เป็นประธานประชุมร่วมกับ พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. และนายตำรวจระดับสูง เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ และกลุ่มผู้ชุมนุมอื่นๆที่ได้รับความเดือดร้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การประชุมดังกล่าว ยังได้มีการวิเคราะห์แก้ไขปัญหา ผลกระทบที่เกิดจากการเคลื่อนขบวนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ผ่านมา และรับฟังรายงานสรุปการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยที่รับผิดชอบ และติดตามตรวจสอบการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานคดีที่มีประชาชนผู้เดือดร้อนเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯที่ปักหลักปิดการจราจรสร้างความเดือดร้อนให้คนทุกสาขาอาชีพโดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง
พล.ต.อ.พัชรวาท ให้สัมภาษณ์ว่า ตำรวจจะไม่ยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนไปยังบริเวณหน้าทำเนียบฯ ในวันศุกร์ที่ 20 มิย.นี้อย่างแน่นอน และหากกลุ่มผู้ชุมนุมใช้แผนดาวกระจายในการเคลื่อนขบวน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะใช้แผนดาวกระจายในการรับมือเช่นกัน พร้อมกันนี้ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไว้รับมือแล้ว ในการสกัดกั้นอย่างเต็มที่โดยใช้กำลังที่มีทั้งหมดจาก บช.น. ฐตชด. และ ตำรวจภูธรภาค 1,2,7 รวม 3,000 นาย และกำลังเสริม ณ ที่ตั้งอีกจำนวนหนึ่ง
"ผมได้เน้นย้ำให้หลีกเลี่ยงการปะทะ การใช้ความรุนแรง ขอยืนยันว่า ไม่มีนโยบายการสะลายการชุมนุม แต่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ดีที่สุด ส่วน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีนั้น ขณะนี้ ไม่ได้สั่งกำชับอะไรเป็นพิเศษ ในการเคลื่อนขบวนของผู้ชุมนุม แต่ย้ำให้ตำรวจใช้ความอดทนอดกลั้นให้มากที่สุดเท่านั้น"
พันธมิตรฯภูมิภาคพร้อมใจเข้ากรุง
สำหรับการเคลื่อไหวของกลุ่มพันธมิตรฯในภูมิภาคต่างๆ นายณัชจรงค์ เอกเพิ่มทรัพย์ ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต กล่าวว่าวันที่ 19 มิ.ย. เครือข่ายยามเฝ้าแผ่นดินและพันธมิตรฯภูเก็ต นัดรวมตัวกันที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งจอโปรเจกเตอร์ถ่ายทอดบรรยากาศการรวมตัวชุมนุมของพันธมิตรฯที่กลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต จัดขึ้น เพื่อขึ้นรถมาร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯในกรุงเทพฯเพื่อไปยังทำเนียบฯ
ด้านนายพิสุทธิ์ ภูมิภมร แกนนำพันธมิตรฯกระบี่ กล่าวว่า พันธมิตรฯกระบี่ ก็เตรียมจะเดินทางขึ้นไปสมทบกับพันธมิตรส่วนกลางด้วย โดยจะเดินทางกันไปในวันนี้ (19 มิ.ย.) คาดว่าจะมีกลุ่มพันธมิตรฯกระบี่มาร่วมจำนวนมาก
นายสุนทร รักรงค์ ตัวแทนพันธมิตรจังหวัดชุมพรและผู้ประสานเครือข่ายพันธมิตรภาคใต้ กล่าวว่า จากการสอบถามเครือข่ายพันธมิตรฯ ทุกจังหวัดทราบว่าจะมีผู้ร่วมอุดมการณ์เดินทางไปร่วมกับพันธมิตรฯที่ส่วนกลางอีกไม่น้อยกว่า 1 หมื่นนค ซึ่งขณะได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ต้องการจะร่วมเดินทางไปให้ไปเจอกันที่สถานีรถไฟชุมพร ในเวลา 18.00 น.วันนี้ ซึ่งจะใช้รถไฟ 2 ขบวนที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ คือ ขบวนรถจากสงขลา และนครศรีธรรมราช
นายชินณภัทร แสงรังสี แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯชลบุรี กล่าวว่า ในช่วงนี้กลุ่มพันธมิตรฯในพื้นที่ภาคตะวันออกเริ่มทยอยเดินทางเข้า กทม.ตั้งแต่วันนี้แล้ว เพื่อเข้าไปร่วมสมทบกับกลุ่มพันธมิตรฯทั่วประเทศในวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. แต่การการเดินทางในครั้งกลุ่มพันธมิตรฯเริ่มถูกสกัดกั้นแล้วโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งด่านตรวจสอบเกือบทุกจุดที่จะเดินทางเข้าไปยัง กทม.ประกอบด้วยบริเวณแยกบ้านบึง, เส้นทางสายเก่าชลบุรี-กทม., เส้นสายมอเตอร์เวย์, เส้นสายบูรพา
นายทวี ทองถัน แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯพิษณุโลก เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 มิ.ย.นี้กลุ่มแนวร่วมพันธมิตรฯพิษณุโลกกว่า 100 คนจะเดินทางเข้าไปร่วมสมทบกับเวทีพันธมิตรฯ สะพานมัฆวานฯ
นายหินชนวน อโศกตระกูล เลขาธิการสมัชชาประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดเลย กล่าวว่า ขณะนี้แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯเลยได้เตรียมการ เพื่อเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลแล้ว
นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายพันธมิตรฯจากภูมิภาคทั่วประเทศไทยต่างเตรียมตัวเดินทางมาร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯในกรุงเทพฯอย่างคึกคัก
ชี้"เป็ดเหลิม"เป็นเด็กเลี้ยงแกะ
นาย เทพไท เสนพงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาปูดข่าวเรื่องการขนอาวุธเพื่อก่อความรุนแรงว่ารู้ตัวผู้กระทำ ความผิดแล้ว แต่ไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาลนั้น ถ้าเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงรมว.มหาดไทย ปล่อยให้ผู้กระทำความผิดลอยนวลอยู่ได้อย่างไร ต้อง เป็นผู้รักษากฎหมาย มิเช่นนั้น จะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา แต่ถ้าเป็นการกุข่าว เพื่อสร้างกระแสกลบเกลื่อนความล้มเหลวในการแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองของรัฐบาลที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้
"ถ้าข่าวดังกล่าวปราศจากมูลความจริงโดยสิ้นเชิง ก็ถือว่าเป็นพฤติกรรมของ เด็กเลี้ยงแกะฝูงใหญ่อย่างซ้ำซาก และเชื่อว่า การให้ข่าวในลักษณะเช่นนี้ ก่อให้เกิด ความสับสนกับผู้คนในสังคม ซึ่งคนระดับรัฐมนตรีไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง บ้านเมือง มีความสับสนวุ่นวายมากพอแล้ว ตัวรัฐมนตรีไม่ควรซ้ำเติมบ้านเมืองให้เลวร้าย ไปมากกว่านี้ หรือเป็นความต้องการที่ให้ความขัดแย้งในสังคมแตกหักโดยเร็วตามที่ใครบางคนต้องการ"