“เหลิม” เพิ่งตื่นหูตาเหลือก ขู่งัดกฎหมายความมั่นคงจัดการเว็บไซต์หมิ่นสถาบันเบื้องสูง ระบุมีถึง 29 เว็บที่ต้องจับตาเข้ม ทำขึงขังจัดการหมดไม่ว่าเจ้าของอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ ปิดปากข่าวถูกถีบพ้น ครม.
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (20 พ.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้รัฐบาล และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสาร (ไอซีที) ดำเนินการต่อเว็บไซต์ที่จาบจ้วงและหมิ่นสถาบันเบื้องสูงว่า ตนนั่งกางตำราเปิดกฎหมายและพบว่ามีกฎหมายด้านความมั่นคงมาดำเนินการกับเว็บไซต์ต่างๆ ได้ และอย่าอ้างว่าส่งมาจากต่างประเทศและไม่มีโอกาสสกัดกั้นไม่ได้ ซึ่งหากเห็นว่าเป็นข้อความที่ไม่เหมาะสมพาดพิงสถาบันต้องปิดเว็บไซต์ทันที หากไม่ปิด กระทรวงหมาดไทยจะดำเนินการและใช้กฎหมายความมั่นคง ซึ่งกรมการปกครองก็มีกรอบความมั่นคงอยู่แล้วซึ่งตนจะเรียกประชุมบ่ายวันนี้ (20 พ.ค.) และจะติดตามอย่างใกล้ชิดทั้งหมด 29 เว็บไซต์
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า หากปรากฏชัดว่ามีข้อความไม่เหมาะสม เจ้าของเว็บไซต์อ้างไม่รู้แต่เป็นตัวดำเนินการร่วมกัน หากไม่เคร่งครัดจะโดนฐานเป็นตัวการและผู้สนุบสนุน และจะแจ้งไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือสาร (ไอซีที) ให้ดำเนินการเอาผิดต่อเว็บไซต์ดังกล่าวทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นการก้าวก่ายการทำงานของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า กระทรวงไอซีทีมีหน้าที่ดูแลเว็บไซต์ กระทรวงมหาดไทยดูแลความมั่นคง ความผิดเช่นนี้เรียกว่ากระทบต่อความมั่นคง ดังนั้น กระทรวงมหาดไทยอยู่เฉยไม่ได้
เมื่อถามว่าจะใช้กฎหมายข้อใดมาใช้ต่อกรณีดังกล่าว ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า มีกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงหลายฉบับ วันนี้ตนจะเรียกอธิบดีกรมการปกครอง ปลัดกระทรวงฯ เข้าประชุม ทั้งนี้ ในข้อกฎหมายสามารถทำได้ เพราะที่ผ่านมาปล่อยปละละเลยโดยอ้างว่าปล่อยส่งมาจากต่างประเทศ อ้างว่าเจ้าของเว็บไซต์ไม่รู้ ไม่ได้ ซึ่งมีข้อความออกมาแล้วต้องรับผิดชอบ ฉะนั้น อ้างไม่รู้ไม่ได้
เมื่อถามว่าการสาวถึงต้นตอการออกเว็บไซต์สามารถทำได้หรือไม่ เมื่อกระทรวงไอซีทีอ้างว่าไม่สามารถตรวจสอบได้ในบางเรื่อง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า อาชญากรรมที่สมบูรณ์ย่อมทิ้งร่องรอยและหลักฐาน นี่เป็นหลักการสืบสวนสอบสวน ดังนั้น อยู่ที่คนดำเนินการสืบสวนว่ามีฝีมือหรือไม่ แต่อย่างน้อยเว็บที่เปิดในประเทศไทยหากมีข้อความที่ไม่เหมาะสมต้องปิด ถ้าไม่ปิดจะถูกดำเนินคดี ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่โดยตรงของกระทรวงมหาดไทย และจะประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แต่ยังไม่มีการเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งตนไม่ได้ดูเรื่องนี้โดยตรงและจะดูเป็นเรื่องเป็นราวเลย
เมื่อถามว่า หากมีบางเว็บไซต์เข้าไปเกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชาชนจะพร้อมเข้าไปตรวจสอบหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ดำเนินคดีต่อทุกคนที่กระทำความผิด เว้นไม่ได้ แต่จะอ้างว่าส่งข้อความมาจากต่างประเทศในทำนองหมิ่นสถาบัน ถือว่าเป็นตัวการร่วมกัน หากมีบุคคลที่เข้าไปแสดงความเห็นในทางเสียหายก็ต้องติดคุกด้วย เรื่องอย่างนี้ต้องมีความสำนึก ปล่อยปละละเลยไม่ได้
เมื่อถามว่า มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากระทรวงหมาดไทยว่ารัฐมนตรีเน้นงานปราบปรามมากกว่าเรื่องการบำยัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นี่คือการบำบัดทุกข์บำรุงสุข ซึ่งการทำงานต้องมีการวางแผนว่า 3 เดือนแรกทำอะไร และต้องมีเวลาการทำงานที่ชัดเจน ซึ่งงานกระทรวงมหาดไทยข้าราชการประจำทำอยู่แล้ว เราเป็นนักการเมืองอย่าไปฉกฉวยผลงานของข้าราชการประจำ ต้องมีความคิดใหม่ๆ หากสื่อตามไม่ทันไม่เป็นไร แต่ตนตามข่าวแล้วสบายใจ ซึ่งวันนี้ทุกกองบัญชาการสนับสนุนทุกการทำงานและทำอย่างเต็มที่ เมื่อสักครู่ผู้ว่าฯ จังหวัดสุโขทัยมาแต่เขาไม่ได้เดินตามก้นตนตามที่หน้า 4 หนังสือพิมพ์เดลินิวส์เขียน เขาไม่ได้เดินตามก้น เขาเดินข้างๆ
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยยังปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี โดยอ้างว่าแสดงความเห็นอะไรไม่ได้ ต้องแล้วแต่นายกรัฐมนตรี และกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่ในข่ายที่จะถูกปรับพ้นเก้าอี้รัฐมนตรีด้วยหากมีการปรับคณะรัฐมนตรี เนื่องจากไร้ผลงาน อีกทั้งยังทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลติดลบเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยหากพิจารณาจากผลสำรวจหลายสำนักพบว่าเขามีอันดับรั้งท้ายสุด
/0110