ผู้จัดการรายวัน- ธุรกิจรถเช่าเพื่อท่องเที่ยว "เอวิส" โตสวนกระแส คุย 5 เดือนแรกเติบโต 10% ระบุปัจจัยบวกมาจากไลฟ์สไตล์คนเมืองและพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป การเช่ารถถูกกว่าซื้อ 25-30% เหตุไม่ต้องเสียเปล่าในเรื่องภาษีรถประจำปีและค่าประกัน ล่าสุดจับมือ ททท. สานต่อโครงการไทยแลนด์ ฟลาย แอนด์ ไดร์ฟ เป็นปีที่สอง พร้อมเปิดเว็บลิ้งค์หนุนโรงแรมคนไทยกลุ่มเอสเอ็มอี
นายกิตติธัช ไทยอารี ผู้จัดการทั่วไป เอวิส เรนท์ อะ คาร์ ดำเนินธุรกิจรถเช่า เพื่อการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ธุรกิจของบริษัท เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ เห็นได้ชัดในปีนี้ ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา บริษัท มีรายได้และกำไรจากการดำเนินงาน โตขึ้นอย่างละ 10% โดยปัจจุบัน อัตราการใช้รถต่อคันต่อสัปดาห์ของบริษัท อยู่ที่ 60-70% จากก่อนหน้านี้อัตราการใช้รถต่อคันจะอยู่ที่ 40-50% เท่านั้น ซึ่งลูกค้า 70-80%เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
การเติบโตดังกล่าวมาจากหลายปัจจัยเกื้อหนุน เช่น พฤติกรรมการท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เปลี่ยนไป เป็นกลุ่มเอฟไอที หรือ เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองเพิ่มขึ้น จากอดีต จะเป็นกรุ๊ปทัวร์เป็นส่วนมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวเอฟไอที นี้ ถือเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ มีการจับจ่ายใช้สอยสูง และกว่า 50% เคยเดินทางมาประเทศไทยแล้ว ทำให้รู้จักเส้นทางท่องเที่ยว เพียงพอที่จะเช่ารถขับท่องเที่ยวเอง ตรงนี้ยิ่งช่วยกระจายรายได้ลงสุ๋ชุมชนรากหญ้าอย่างแท้จริง
นอกจากนั้น บริษัท ยังได้จับมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) และสายการบินภายในประเทศ สานต่อโครงการ ไทยแลนด์ ฟลาย แอนด์ ไดร์ฟ ปีนี้เป็นปีที่สอง โดยนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ที่เดินทางโดยเครื่องบิน แล้วเช่ารถของบริษัทเพื่อขับท่องเที่ยว จะได้อัตราค่าบริการพิเศษ ลดสูงสุดถึง 50% โดยบริษัท มีรถให้บริการหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความต้องการ อัตราค่าเช่า เริ่มที่ วันละ 800 บาท ไปถึง กว่า 2,000 บาท โดยแคมเปญนี้จะยืนราคาไปถึงสิ้นปี และที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ คือ บริษัท ได้รวบรวม รายชื่อโรงแรมที่พัก ที่เป็นของคนไทยเท่านั้น เป็นโรงแรมระดับ 3-5 ดาว ที่เป็นเอสเอ็มอี หรือ บูติคโฮเทล มารวบรวมไว้ในเว็บไซน์ ไทยโฮเทลนาว ดอท คอม สามารถลิ้งค์เข้าไปได้จากเว็บไซน์ เอวิสไทยแลนด์ ดอม คอม
“นักท่องเที่ยวที่ลิ้งค์ไปจากเว็บของเอวิสไทยแลนด์ ดอท คอม เพื่อเข้าไปจองที่พักในเว็บ ไทยโฮเทลนาว ดอท คอม จะได้รับส่วนลด ที่แต่ละโรงแรมตั้งไว้ ซึ่งโครงการนี้ บริษัท ได้ร่วมกับ ททท. เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมของคนไทย ที่มีทุนน้อย เป็นกลุ่มเอสเอ็มอี ถือเป็นการหาตลาดให้เขา จะได้ช่วยกระจายรายได้ลงสู่รากหญ้าอย่างแท้จริง “
นายกิตติธัช กล่าวว่า ปัจจุบัน ลูกค้ามีความเข้าใจบริการรถเช่า มากขึ้น เพราะไลฟ์สไตล์ ของคนที่เปลี่ยนไป กล่าวคือ ความสะดวก ในเรื่องของการคมนาคม เช่นบริการระบบขนส่งมวลชน ที่มีรถไฟฟ้าบีทีเอส และ รถไฟฟ้าใต้ดินเข้ามาเสริม ทางอากาศมีสายการบิน โลว์คอส และการบินไทย ให้บริการ ครอบคลุมเมืองหลักและเมืองรองในแต่ละภูมิภาค ทำให้ ความจำเป็นที่จะซื้อรถไว้ใช้เป็นส่วนตัวลดลง ขณะที่รถเช่า ไม่ต้อง กังวลเรื่องค่าผ่อนรถ ค่าซ่อมบำรุง ค่าต่อภาษีประจำปี และค่าประกันภัยรายปี ซึ่งหากคิดรวมๆแล้ว สำหรับผู้ที่ไม่มีความจำเป็นใช้รถในชีวิตประจำวันมาก การเช่ารถขับเฉพาะเวลา ท่องเที่ยว หรือ ติดต่องานสำคัญๆเท่านั้น จะเสียค่าใช้จ่ายถูกกว่า25-30% และหากกรณีรถเสียฉุกเฉิน ก็จะมีรถคันใหม่มาให้ใช้ทันที
สำหรับการลงทุนใหม่ๆ ของผู้สนใจเข้ามาในธุรกิจรถเช่า อาจค่อนข้างลำบากและมีความเสี่ยงสูง เพราะรถเช่ามีการลงทุนสูง ปัจจุบันน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาแพง ส่งผลให้ต้นทุนค่าบำรุงรักษาสูงขึ้นด้วย อัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในช่วงขาขึ้น ขณะที่ เอวิส ค่อนข้างมีระบบการจัดการแบบมืออาชีพตรงตามแบบฉบับบริษัทแม่ที่ประเทศอเมริกา ในประเทศไทย เปิดให้บริการมานาน 25 ปี ล่าสุด เพิ่มบริการรถเช่า ระยะยาว 1-5 ปี จากที่ผ่านมา จะให้บริการเช่าระยะสั้น ไม่เกิน 1 ปี ทั้งนี้เพื่อเป็นไปตามพันธสัญญาของบริษัทแม่ แต่บริษัทจะให้ความสำคัญทำตลาดลูกค้าเช่าระยะสั้นมากกว่า เพราะเช่าระยะยาว กำไรน้อย เพียง 1-2% และในภาวะต้นทุนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จะเสี่ยงต่อการขาดทุนสูงกว่า
นายกิตติธัช กล่าว ทิ้งท้ายว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมัน ที่ปรับขึ้นเกิน 40 บาท ต่อลิตร ทำให้สิ้นเดือนนี้ บริษัท ต้องนำตัวเลขรายได้และรายจ่าย มาทบทวนอีกครั้ง เพื่อปรับแผนธุรกิจรับมือ แต่ยืนยันว่า ยังไม่ปรับขึ้นค่าเช่ารถ และ ยังไม่ยกเลิกแคมเปญ ไทยแลนด์ ฟลาย แอนด์ ไดร์ฟ ที่ทำร่วมกับ ททท. แต่จะปรับวิธีบริหารจัดการ รวมถึง การจัดซื้อรถใหม่ ที่ใช้พลังงานรูปแบบใหม่ เช่น E20 หรือ E85 และลดเวลาการใช้รถแต่ละคันเหลือ 2-2.5 ปี จากเดิม บริษัทจะใช้รถคันละ 3-4 ปี เพื่อลดต้นทุนค่าซ่อมบำรุง
นายกิตติธัช ไทยอารี ผู้จัดการทั่วไป เอวิส เรนท์ อะ คาร์ ดำเนินธุรกิจรถเช่า เพื่อการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ธุรกิจของบริษัท เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ เห็นได้ชัดในปีนี้ ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา บริษัท มีรายได้และกำไรจากการดำเนินงาน โตขึ้นอย่างละ 10% โดยปัจจุบัน อัตราการใช้รถต่อคันต่อสัปดาห์ของบริษัท อยู่ที่ 60-70% จากก่อนหน้านี้อัตราการใช้รถต่อคันจะอยู่ที่ 40-50% เท่านั้น ซึ่งลูกค้า 70-80%เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
การเติบโตดังกล่าวมาจากหลายปัจจัยเกื้อหนุน เช่น พฤติกรรมการท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เปลี่ยนไป เป็นกลุ่มเอฟไอที หรือ เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองเพิ่มขึ้น จากอดีต จะเป็นกรุ๊ปทัวร์เป็นส่วนมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวเอฟไอที นี้ ถือเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ มีการจับจ่ายใช้สอยสูง และกว่า 50% เคยเดินทางมาประเทศไทยแล้ว ทำให้รู้จักเส้นทางท่องเที่ยว เพียงพอที่จะเช่ารถขับท่องเที่ยวเอง ตรงนี้ยิ่งช่วยกระจายรายได้ลงสุ๋ชุมชนรากหญ้าอย่างแท้จริง
นอกจากนั้น บริษัท ยังได้จับมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) และสายการบินภายในประเทศ สานต่อโครงการ ไทยแลนด์ ฟลาย แอนด์ ไดร์ฟ ปีนี้เป็นปีที่สอง โดยนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ที่เดินทางโดยเครื่องบิน แล้วเช่ารถของบริษัทเพื่อขับท่องเที่ยว จะได้อัตราค่าบริการพิเศษ ลดสูงสุดถึง 50% โดยบริษัท มีรถให้บริการหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความต้องการ อัตราค่าเช่า เริ่มที่ วันละ 800 บาท ไปถึง กว่า 2,000 บาท โดยแคมเปญนี้จะยืนราคาไปถึงสิ้นปี และที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ คือ บริษัท ได้รวบรวม รายชื่อโรงแรมที่พัก ที่เป็นของคนไทยเท่านั้น เป็นโรงแรมระดับ 3-5 ดาว ที่เป็นเอสเอ็มอี หรือ บูติคโฮเทล มารวบรวมไว้ในเว็บไซน์ ไทยโฮเทลนาว ดอท คอม สามารถลิ้งค์เข้าไปได้จากเว็บไซน์ เอวิสไทยแลนด์ ดอม คอม
“นักท่องเที่ยวที่ลิ้งค์ไปจากเว็บของเอวิสไทยแลนด์ ดอท คอม เพื่อเข้าไปจองที่พักในเว็บ ไทยโฮเทลนาว ดอท คอม จะได้รับส่วนลด ที่แต่ละโรงแรมตั้งไว้ ซึ่งโครงการนี้ บริษัท ได้ร่วมกับ ททท. เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมของคนไทย ที่มีทุนน้อย เป็นกลุ่มเอสเอ็มอี ถือเป็นการหาตลาดให้เขา จะได้ช่วยกระจายรายได้ลงสู่รากหญ้าอย่างแท้จริง “
นายกิตติธัช กล่าวว่า ปัจจุบัน ลูกค้ามีความเข้าใจบริการรถเช่า มากขึ้น เพราะไลฟ์สไตล์ ของคนที่เปลี่ยนไป กล่าวคือ ความสะดวก ในเรื่องของการคมนาคม เช่นบริการระบบขนส่งมวลชน ที่มีรถไฟฟ้าบีทีเอส และ รถไฟฟ้าใต้ดินเข้ามาเสริม ทางอากาศมีสายการบิน โลว์คอส และการบินไทย ให้บริการ ครอบคลุมเมืองหลักและเมืองรองในแต่ละภูมิภาค ทำให้ ความจำเป็นที่จะซื้อรถไว้ใช้เป็นส่วนตัวลดลง ขณะที่รถเช่า ไม่ต้อง กังวลเรื่องค่าผ่อนรถ ค่าซ่อมบำรุง ค่าต่อภาษีประจำปี และค่าประกันภัยรายปี ซึ่งหากคิดรวมๆแล้ว สำหรับผู้ที่ไม่มีความจำเป็นใช้รถในชีวิตประจำวันมาก การเช่ารถขับเฉพาะเวลา ท่องเที่ยว หรือ ติดต่องานสำคัญๆเท่านั้น จะเสียค่าใช้จ่ายถูกกว่า25-30% และหากกรณีรถเสียฉุกเฉิน ก็จะมีรถคันใหม่มาให้ใช้ทันที
สำหรับการลงทุนใหม่ๆ ของผู้สนใจเข้ามาในธุรกิจรถเช่า อาจค่อนข้างลำบากและมีความเสี่ยงสูง เพราะรถเช่ามีการลงทุนสูง ปัจจุบันน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาแพง ส่งผลให้ต้นทุนค่าบำรุงรักษาสูงขึ้นด้วย อัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในช่วงขาขึ้น ขณะที่ เอวิส ค่อนข้างมีระบบการจัดการแบบมืออาชีพตรงตามแบบฉบับบริษัทแม่ที่ประเทศอเมริกา ในประเทศไทย เปิดให้บริการมานาน 25 ปี ล่าสุด เพิ่มบริการรถเช่า ระยะยาว 1-5 ปี จากที่ผ่านมา จะให้บริการเช่าระยะสั้น ไม่เกิน 1 ปี ทั้งนี้เพื่อเป็นไปตามพันธสัญญาของบริษัทแม่ แต่บริษัทจะให้ความสำคัญทำตลาดลูกค้าเช่าระยะสั้นมากกว่า เพราะเช่าระยะยาว กำไรน้อย เพียง 1-2% และในภาวะต้นทุนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จะเสี่ยงต่อการขาดทุนสูงกว่า
นายกิตติธัช กล่าว ทิ้งท้ายว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมัน ที่ปรับขึ้นเกิน 40 บาท ต่อลิตร ทำให้สิ้นเดือนนี้ บริษัท ต้องนำตัวเลขรายได้และรายจ่าย มาทบทวนอีกครั้ง เพื่อปรับแผนธุรกิจรับมือ แต่ยืนยันว่า ยังไม่ปรับขึ้นค่าเช่ารถ และ ยังไม่ยกเลิกแคมเปญ ไทยแลนด์ ฟลาย แอนด์ ไดร์ฟ ที่ทำร่วมกับ ททท. แต่จะปรับวิธีบริหารจัดการ รวมถึง การจัดซื้อรถใหม่ ที่ใช้พลังงานรูปแบบใหม่ เช่น E20 หรือ E85 และลดเวลาการใช้รถแต่ละคันเหลือ 2-2.5 ปี จากเดิม บริษัทจะใช้รถคันละ 3-4 ปี เพื่อลดต้นทุนค่าซ่อมบำรุง
