นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในรายการ"สนทนาประสาสมัคร" ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวานนี้ (15 มิ.ย.) โดยกล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 179 ว่า การที่รัฐบาลขอเปิดสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 9 มิ.ย.นั้น เพื่อพิจารณางบประมาณ แต่มี ส.ว. และส.ส. ต้องการที่จะยื่นญัตติ ทำหนังสือมาให้ตน โดยอ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 เพื่อให้ตนเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ แต่ตนจะไม่ใช้สิทธิ์นี้ คือไม่เปิดอภิปรายให้ เนื่องจากมีเวลาจำกัด ถ้าฝ่ายค้านอยากจะอภิปราย ก็ให้ไปยื่นญัตติ ขออภิปรายไม่ไว้วางใจได้
"วันที่ 25 มิ.ย. จะอภิปรายงบประมาณ ทุกกระทรวงเตรียมการกันหมดแล้ว แต่จะขออภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 23 มิ.ย. ท่านทั้งหลายก็คิดดูแก้แล้วกัน อะไรสมควร ไม่สมควร พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นมา บอกขอให้พิจารณาตัวเอง ให้จัดการอภิปรายตัวเองตาม มาตรา 179 ผมก็รับไว้ เมื่อไม่อภิปราย ก็แปลว่า ผมไม่ใช้สิทธิ์นี้ "
นายสมัคร กล่าวว่า ถ้าฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ใช้สิทธิได้เลย ไม่เป็นปัญหา ก็ยื่นมา แต่ยื่นมาแล้วจะทำยังไง วุฒิสมาชิกยื่นมาก่อน ตนก็ยังรับไม่ได้ เพราะเหตุว่า จะต้องทำงบประมาณ
"พระราชกฤษฎีกาไม่ได้กำหนดไว้ เปิดมาเพื่ออะไร เปิดมาเพราะจะอภิปรายงบประมาณ เขาไม่เขียนใส่ไว้ตรงนั้น เผื่อว่าจะมีอะไร จะได้เติมได้ แต่ว่าไม่ใช่เผื่อเอาไว้ว่า ไม่ไว้วางใจ จะได้สอดแทรกเข้ามาได้
"ผมต้องย้ำตรงนี้นะครับ ผมไม่ได้กลัว ไม่ได้เกรงท่าน บริหารมา 4 เดือนครับ 4 เดือนเท่านั้น จะโทษจะทำอะไรผิด ยังไม่ผิดหรอก ผมได้ยกตัวอย่างๆ เช่น จะใช้คำนี้เดี๋ยวจะว่าผมอีก แต่ผมต้องใช้คำว่า กระเหี้ยนกระหือรือ พจนานุกรมบอกไว้แล้วว่า คำนี้ไม่หยาบคาย ใช้ได้ จะเอากันละ แล้วยังไงครับ พอคิดเท่านั้นละ ความคิดดำเนินการ แน่นอนทุกอย่างจะต้องคิด ต้องแสดงอาการ ยังไม่ทันประกาศเชิญชวน ยังไม่ได้ปฏิบัติการทั้งสิ้นเลยครับ โอ้โหข้อกล่าวหามาหมด ผมถึงบอกว่าผมยิ้มได้ละครับพรรค์อย่างนี้ละก็ คือทำไมรีบร้อน รีบนั่นเหลือเกิน เขาคิดจะแก้ไขปัญหา เขาเสนอความคิดมา มันต้องเห็นชอบตามความคิดเขาก็จะเอาไปดำเนินการ โอ้โห ล่อกันซะก่อนจนป่านนี้แล้ว อย่างนี้ก็เสร็จสิครับ ผมแน่ใจว่า ผมทำถูกต้อง ผมต้องดำเนินการต่อไป แต่ถ้าผมทุจริต ผมก็ต้องหยุดไม่ดำเนินการ แล้วความผิดจะอยู่ตรงไหนละครับ ในเมื่อการเสนอความคิด คิดเอาละพูดแล้วต้องอธิบายให้ฟังซะตรงนี้ เดี๋ยวจะว่าไม่อธิบาย" นายสมัคร กล่าว
**ปชป.มีมติยื่นซักฟอก"หมัก"
เมื่อเวลา 14 .00 น.วันเดียวกันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุมแกนนำพรรค โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า ที่ประชุมมติให้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช และรัฐมนตรี 5-6 คน ต่อประธานสภาฯ ในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ โดยหลังจากนี้ จะได้มอบหมายคณะกรรมการประสานพรรคร่วมฝ่ายค้านไปยกร่างญัตติ และรวบรวมรายชื่อสมาชิกให้ได้ 1 ใน 5 ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 158 บัญญัติไว้
การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะไม่มีการยื่นถอดถอน ต่อป.ป.ช. ซึ่งไม่ใช่ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีข้อมูล แต่การบริหารประเทศในขณะนี้ พรรคไม่สามารถที่จะไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อไปได้ เพราะนายกรัฐมนตรี และ ครม.ได้กระทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม จึงต้องระงับความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยไม่ต้องรอว่าจะมีการทำทุจริตเกิดขึ้น หรือต้องรอให้ประเทศเสียดินแดนไปก่อน ถึงจะมายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
" พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการเตรียมการเอาไว้แล้ว โดยมีบางเรื่องไม่เหมาะสมที่จะให้บริหารต่อไป เพราะอาจจะนำไปสู่การก่อให้เกิดวิกฤติ ชาติเสียหาย เนื่องจากมีบางเรื่องรัฐบาลเตรียมนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. แต่กลับเลื่อนออกไปก่อนเพื่อหนีการตรวจสอบ ดังนั้นฝ่ายค้านมีหน้าที่พูด เพื่อยับยั้งไม่ให้มีการกระทำเกิดขึ้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว และว่า พรรคจะเร่งดำเนินการ เพราะรัฐบาลระบุว่า จะมีการปิดสมัยการประชุมในวันที่ 27 มิ.ย.นี้
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการที่ นายกรัฐมนตรีบอกว่า พรรคกระเหี้ยนกระหือรืออยากอภิปราย เอากันให้ตายนั้น ถือว่านายกฯ เข้าใจผิด เพราการอภิปรายตาม มาตรา 179 ไม่ได้มีการลงมติ แต่เป็นการเปิดโอกาสให้สมาชิกได้แสดงออก และร่วมกันหาทางออกปัญหาของประเทศ
ส่วนการอ้างว่า สามารถอภิปรายได้ในในช่วงการพิจารณา ร่าง งบประมาณรายจ่ายนั้น ถือเป็นคนละเรื่อง งบประมาณเป็นเรื่องของการรับรองงบประมาณรายจ่ายที่ให้รัฐบาลนำไปบริหารประเทศ แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นการพูดถึงความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล และไม่อาจที่จะไว้วางใจบริหารประเทศต่อไปได้
ส่วนเรื่งที่นายสมัคร อ้างว่ามีเวลาไม่เพียงพอให้อภิปรายนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลเป็นผู้กำหนดระยะเวลาการเปิด-ปิด มีอำนาจเต็มในการกำหนดวันเปิด-ปิด เพราะตอนแรกบอกว่าจะมีการเปิดวิสามัญในช่วงวันที่ 9-30 มิ.ย.นี้ แต่พอฝ่ายค้านเสนอให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 179 และ ส.ว.ยื่นอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 161 กลับมีการหาเหตุผลเรื่องเงื่อนเวลาขึ้นมาอ้าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่จิรงใจ และจงใจหลีกเลี่ยงกระบวนการตรวจสอบในรัฐสภา
ทั้งนี้ เมื่อฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระ รัฐบาลมีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้การอภิปรายเกิดขึ้น อย่ามาหลับหูหลับตาเล่นแง่ ให้ปิดสภาแล้วตรวจสอบไม่ได้ ซึ่งจะให้รัฐบาลและประธานสภา ตอบว่าจะเอาวันไหน หากได้รับการปฏิเสธ พรรคจะหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
**ส.ว.ฉุน"หมัก"ขาสั่นหนีซักฟอก
น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี และแกนนำ 61 ส.ว.ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติ กล่าวว่า แม้นายกฯ จะไม่เปิดให้อภิปรายในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ กลุ่ม ส.ว.61 คน ที่ขอเปิดอภิปรายจะมีการหารือกันในวันนี้ (16 มิ.ย.) ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร แต่เห็นว่าข้ออ้างของนายกฯนั้นไม่มีเหตุผลเพียงพอ โดยเฉพาะข้ออ้างเรื่องระยะเวลาการบริหารงานแค่ 4 เดือน ตนอยากถามว่า ทำไมจึงไม่ทำอะไรตามที่ควรทำ อีกทั้งการยื่นญัตติเปรียบเสมือนพี่ถามน้อง ทั้งนี้ ส่วนตัวรู้สึกเสียใจที่นายกฯ มองเรื่องของสมาชิกวุฒิสภา ปะปนกับฝ่ายค้าน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเรื่องนี้ จะทำให้ประชาชนเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ มากขึ้น
**จวก"หมัก"ปากกล้า ขาสั่น
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร กล่าวว่า ส.ส. , ส.ว.กระเหี้ยนกระหือรือ ที่จะเปิดอภิปรายทั่วไปในช่วงสมัยประชุมวิสามัญ โดยอ้างว่า เขาไม่กลัว แต่ไม่จำเป็นที่จะเปิดอภิปรายในช่วงนี้ นายสมเกียรติ กล่าวว่า อย่างนี้เรียกว่าปากกล้าขาสั่น อ้างว่าไม่กลัว แต่กลับบอกว่าไม่จำเป็นต้องเปิด เหมือนกับที่ปากกล้าบอกว่าจะแตกหักกลับผู้ชุมนุม พอทหารไม่เอาด้วยก็บอกว่า ไม่เคยบอกว่าจะสลายการชุมนุม เช่นเดียวกับที่ ร.ต.อ.เฉลิม บอกว่าให้ปิด เอเอสทีวี แต่เมื่อวาน ก็พูดใหม่ว่า ไมได้บอกว่าให้ปิด และเมื่อย้อนไปปี 2549 ตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้เทมาเส็ก พันธมิตรฯ เตรียมออกมาชุมนุมขับไล่ ก็บอกว่าจะเปิดสภาให้ซักถาม ไม่ให้ใช้กลไกข้างถนน แต่แล้วก็ยุบสภาหนี
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า คำพูดของนายสมัคร ที่บอกว่า ส.ส.-ส.ว. สอดไส้ยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปนั้น เป็นคำพูดที่เหมือนกับซ่อนอะไรเอาไว้ เพราะที่จริงแล้วเรื่องนี้ ไม่ใช่การสอดไส้ แต่เป็นการทำตามหน้าที่ และการที่นายสมัครไม่ต้องการให้เปิดในสมัยประชุมวิสามัญนี้ โดยให้รอเปิดในสมัยหน้า ซึ่งก็จะเป็นสมัยนิติบัญญัติ ก็จะไม่สามารถเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ เท่ากับเป็นการยื้อเวลาไม่ให้เปิดอภิปราย เพื่อรอให้โครงการบางอย่างเสร็จก่อน เพราะฉะนั้นนายสมัครเ องที่สอดไส้ซ่อนเงื่อนเอาไว้
"วันที่ 25 มิ.ย. จะอภิปรายงบประมาณ ทุกกระทรวงเตรียมการกันหมดแล้ว แต่จะขออภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 23 มิ.ย. ท่านทั้งหลายก็คิดดูแก้แล้วกัน อะไรสมควร ไม่สมควร พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นมา บอกขอให้พิจารณาตัวเอง ให้จัดการอภิปรายตัวเองตาม มาตรา 179 ผมก็รับไว้ เมื่อไม่อภิปราย ก็แปลว่า ผมไม่ใช้สิทธิ์นี้ "
นายสมัคร กล่าวว่า ถ้าฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ใช้สิทธิได้เลย ไม่เป็นปัญหา ก็ยื่นมา แต่ยื่นมาแล้วจะทำยังไง วุฒิสมาชิกยื่นมาก่อน ตนก็ยังรับไม่ได้ เพราะเหตุว่า จะต้องทำงบประมาณ
"พระราชกฤษฎีกาไม่ได้กำหนดไว้ เปิดมาเพื่ออะไร เปิดมาเพราะจะอภิปรายงบประมาณ เขาไม่เขียนใส่ไว้ตรงนั้น เผื่อว่าจะมีอะไร จะได้เติมได้ แต่ว่าไม่ใช่เผื่อเอาไว้ว่า ไม่ไว้วางใจ จะได้สอดแทรกเข้ามาได้
"ผมต้องย้ำตรงนี้นะครับ ผมไม่ได้กลัว ไม่ได้เกรงท่าน บริหารมา 4 เดือนครับ 4 เดือนเท่านั้น จะโทษจะทำอะไรผิด ยังไม่ผิดหรอก ผมได้ยกตัวอย่างๆ เช่น จะใช้คำนี้เดี๋ยวจะว่าผมอีก แต่ผมต้องใช้คำว่า กระเหี้ยนกระหือรือ พจนานุกรมบอกไว้แล้วว่า คำนี้ไม่หยาบคาย ใช้ได้ จะเอากันละ แล้วยังไงครับ พอคิดเท่านั้นละ ความคิดดำเนินการ แน่นอนทุกอย่างจะต้องคิด ต้องแสดงอาการ ยังไม่ทันประกาศเชิญชวน ยังไม่ได้ปฏิบัติการทั้งสิ้นเลยครับ โอ้โหข้อกล่าวหามาหมด ผมถึงบอกว่าผมยิ้มได้ละครับพรรค์อย่างนี้ละก็ คือทำไมรีบร้อน รีบนั่นเหลือเกิน เขาคิดจะแก้ไขปัญหา เขาเสนอความคิดมา มันต้องเห็นชอบตามความคิดเขาก็จะเอาไปดำเนินการ โอ้โห ล่อกันซะก่อนจนป่านนี้แล้ว อย่างนี้ก็เสร็จสิครับ ผมแน่ใจว่า ผมทำถูกต้อง ผมต้องดำเนินการต่อไป แต่ถ้าผมทุจริต ผมก็ต้องหยุดไม่ดำเนินการ แล้วความผิดจะอยู่ตรงไหนละครับ ในเมื่อการเสนอความคิด คิดเอาละพูดแล้วต้องอธิบายให้ฟังซะตรงนี้ เดี๋ยวจะว่าไม่อธิบาย" นายสมัคร กล่าว
**ปชป.มีมติยื่นซักฟอก"หมัก"
เมื่อเวลา 14 .00 น.วันเดียวกันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุมแกนนำพรรค โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า ที่ประชุมมติให้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช และรัฐมนตรี 5-6 คน ต่อประธานสภาฯ ในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ โดยหลังจากนี้ จะได้มอบหมายคณะกรรมการประสานพรรคร่วมฝ่ายค้านไปยกร่างญัตติ และรวบรวมรายชื่อสมาชิกให้ได้ 1 ใน 5 ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 158 บัญญัติไว้
การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะไม่มีการยื่นถอดถอน ต่อป.ป.ช. ซึ่งไม่ใช่ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีข้อมูล แต่การบริหารประเทศในขณะนี้ พรรคไม่สามารถที่จะไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อไปได้ เพราะนายกรัฐมนตรี และ ครม.ได้กระทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม จึงต้องระงับความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยไม่ต้องรอว่าจะมีการทำทุจริตเกิดขึ้น หรือต้องรอให้ประเทศเสียดินแดนไปก่อน ถึงจะมายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
" พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการเตรียมการเอาไว้แล้ว โดยมีบางเรื่องไม่เหมาะสมที่จะให้บริหารต่อไป เพราะอาจจะนำไปสู่การก่อให้เกิดวิกฤติ ชาติเสียหาย เนื่องจากมีบางเรื่องรัฐบาลเตรียมนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. แต่กลับเลื่อนออกไปก่อนเพื่อหนีการตรวจสอบ ดังนั้นฝ่ายค้านมีหน้าที่พูด เพื่อยับยั้งไม่ให้มีการกระทำเกิดขึ้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว และว่า พรรคจะเร่งดำเนินการ เพราะรัฐบาลระบุว่า จะมีการปิดสมัยการประชุมในวันที่ 27 มิ.ย.นี้
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการที่ นายกรัฐมนตรีบอกว่า พรรคกระเหี้ยนกระหือรืออยากอภิปราย เอากันให้ตายนั้น ถือว่านายกฯ เข้าใจผิด เพราการอภิปรายตาม มาตรา 179 ไม่ได้มีการลงมติ แต่เป็นการเปิดโอกาสให้สมาชิกได้แสดงออก และร่วมกันหาทางออกปัญหาของประเทศ
ส่วนการอ้างว่า สามารถอภิปรายได้ในในช่วงการพิจารณา ร่าง งบประมาณรายจ่ายนั้น ถือเป็นคนละเรื่อง งบประมาณเป็นเรื่องของการรับรองงบประมาณรายจ่ายที่ให้รัฐบาลนำไปบริหารประเทศ แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นการพูดถึงความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล และไม่อาจที่จะไว้วางใจบริหารประเทศต่อไปได้
ส่วนเรื่งที่นายสมัคร อ้างว่ามีเวลาไม่เพียงพอให้อภิปรายนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลเป็นผู้กำหนดระยะเวลาการเปิด-ปิด มีอำนาจเต็มในการกำหนดวันเปิด-ปิด เพราะตอนแรกบอกว่าจะมีการเปิดวิสามัญในช่วงวันที่ 9-30 มิ.ย.นี้ แต่พอฝ่ายค้านเสนอให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 179 และ ส.ว.ยื่นอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 161 กลับมีการหาเหตุผลเรื่องเงื่อนเวลาขึ้นมาอ้าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่จิรงใจ และจงใจหลีกเลี่ยงกระบวนการตรวจสอบในรัฐสภา
ทั้งนี้ เมื่อฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระ รัฐบาลมีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้การอภิปรายเกิดขึ้น อย่ามาหลับหูหลับตาเล่นแง่ ให้ปิดสภาแล้วตรวจสอบไม่ได้ ซึ่งจะให้รัฐบาลและประธานสภา ตอบว่าจะเอาวันไหน หากได้รับการปฏิเสธ พรรคจะหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
**ส.ว.ฉุน"หมัก"ขาสั่นหนีซักฟอก
น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี และแกนนำ 61 ส.ว.ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติ กล่าวว่า แม้นายกฯ จะไม่เปิดให้อภิปรายในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ กลุ่ม ส.ว.61 คน ที่ขอเปิดอภิปรายจะมีการหารือกันในวันนี้ (16 มิ.ย.) ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร แต่เห็นว่าข้ออ้างของนายกฯนั้นไม่มีเหตุผลเพียงพอ โดยเฉพาะข้ออ้างเรื่องระยะเวลาการบริหารงานแค่ 4 เดือน ตนอยากถามว่า ทำไมจึงไม่ทำอะไรตามที่ควรทำ อีกทั้งการยื่นญัตติเปรียบเสมือนพี่ถามน้อง ทั้งนี้ ส่วนตัวรู้สึกเสียใจที่นายกฯ มองเรื่องของสมาชิกวุฒิสภา ปะปนกับฝ่ายค้าน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเรื่องนี้ จะทำให้ประชาชนเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ มากขึ้น
**จวก"หมัก"ปากกล้า ขาสั่น
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร กล่าวว่า ส.ส. , ส.ว.กระเหี้ยนกระหือรือ ที่จะเปิดอภิปรายทั่วไปในช่วงสมัยประชุมวิสามัญ โดยอ้างว่า เขาไม่กลัว แต่ไม่จำเป็นที่จะเปิดอภิปรายในช่วงนี้ นายสมเกียรติ กล่าวว่า อย่างนี้เรียกว่าปากกล้าขาสั่น อ้างว่าไม่กลัว แต่กลับบอกว่าไม่จำเป็นต้องเปิด เหมือนกับที่ปากกล้าบอกว่าจะแตกหักกลับผู้ชุมนุม พอทหารไม่เอาด้วยก็บอกว่า ไม่เคยบอกว่าจะสลายการชุมนุม เช่นเดียวกับที่ ร.ต.อ.เฉลิม บอกว่าให้ปิด เอเอสทีวี แต่เมื่อวาน ก็พูดใหม่ว่า ไมได้บอกว่าให้ปิด และเมื่อย้อนไปปี 2549 ตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้เทมาเส็ก พันธมิตรฯ เตรียมออกมาชุมนุมขับไล่ ก็บอกว่าจะเปิดสภาให้ซักถาม ไม่ให้ใช้กลไกข้างถนน แต่แล้วก็ยุบสภาหนี
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า คำพูดของนายสมัคร ที่บอกว่า ส.ส.-ส.ว. สอดไส้ยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปนั้น เป็นคำพูดที่เหมือนกับซ่อนอะไรเอาไว้ เพราะที่จริงแล้วเรื่องนี้ ไม่ใช่การสอดไส้ แต่เป็นการทำตามหน้าที่ และการที่นายสมัครไม่ต้องการให้เปิดในสมัยประชุมวิสามัญนี้ โดยให้รอเปิดในสมัยหน้า ซึ่งก็จะเป็นสมัยนิติบัญญัติ ก็จะไม่สามารถเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ เท่ากับเป็นการยื้อเวลาไม่ให้เปิดอภิปราย เพื่อรอให้โครงการบางอย่างเสร็จก่อน เพราะฉะนั้นนายสมัครเ องที่สอดไส้ซ่อนเงื่อนเอาไว้