ที่ประชุมพรรค ปชป.มีมติเห็นพ้อง ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ “หมัก” และครม.เป็นรายบุคคล หลังถูกปฏิเสธเปิดอภิปรายทั่วไปหนีซักฟอก ชี้เจตนาดีไม่ปล่อยให้รัฐบาลพาชาติล่ม เตรียมล่าชื่อสมาชิก 17 มิ.ย.นี้
วันนี้ (15 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้เรียกประชุมแกนนำพรรค เช่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค นายนิพนธ์ บุญญามณี นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล นายกรณ์ จาติกวณิช นายถวิล ไพรสณฑ์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร และนายสาทิตย์ วงหนองเตย โดยใช้เวลาในการหารือร่วม 2 ชั่วโมง
ภายหลังการประชุม นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า ที่ประชุมมติให้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช และรัฐมนตรี 5-6 คน ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ โดยหลังจากนี้จะได้มอบหมายคณะกรรมการประสานพรรคร่วมฝ่ายค้านไปยกร่างญัตติและรวบรวมรายชื่อสมาชิกให้ได้ 1 ใน 5 ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 158 บัญญัติ ในที่ประชุม ส.ส.พรรควันที่ 17 มิ.ย.นี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะไม่มีการยื่นถอดถอนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีข้อมูล แต่การบริหารประเทศในขณะนี้พรรคไม่สามารถที่จะไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อไปได้ เพราะนายกรัฐมนตรี และ ครม.ได้กระทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจสังคม จึงต้องระงับความเสียหายทีเกิดขึ้น โดยไม่ต้องรอว่าจะมีการทำทุจริตเกิดขึ้น หรือต้องรอให้ประเทศเสียดินแดนไปก่อน ถึงจะมายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
“นายกรัฐมนตรีได้บริหารประเทศด้วยความล้มเหลว และก่อให้ประเทศเกิดความเสียหาย จึงไม่อาจที่จะไว้วางใจให้บริหารประเทศต่อไปได หากปล่อยให้บริหารต่อไป โดยที่สภายังไว้วางใจประเทศจะเสียหาย ซึ่งไม่ใช่เป็นการโยนหินถามทาง เพราะพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการเตรียมการเอาไว้แล้ว โดยมีบางเรื่องไม่เหมาะสมที่จะให้บริหารต่อไป เพราะอาจจะนำไปสู่การก่อให้เกิดวิกฤต ชาติเสียหาย เนื่องจากมีบางเรื่องรัฐบาลเตรียมนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.แต่กลับเลื่อนออกไปก่อนเพื่อหนีการตรวจสอบ ดังนั้น ฝ่ายค้านมีหน้าที่พูดเพื่อยับยั้งไม่ให้มีการกระทำเกิดขึ้น” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเพราะ นายสมัครได้ปฏิเสธอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่จะมีการเปิดอภิปรายทั่วไปของสมาชิกรัฐสภา ตามมาตรา 179 ซึ่งถือเป็นแนวทางที่เปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาได้แสดงความคิดเห็น และให้รัฐบาลได้รับฟังความคิดเห็นต่อปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้นำไปคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น แต่น่าเสียดายที่รัฐบาลมองไม่เห็นเจตนาดีของพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องนำไปสู่การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในที่สุด เพราะพรรคยืนยันแนวทางการต่อในระบบรัฐสภา โดยพรรคจะเร่งดำเนินการเพราะรัฐบาลระบุว่าจะมีการปิดสมัยการประชุมในวันที่ 27 มิ.ย.นี้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันชัดเจนที่จะใช้กลไกการตรวจสอบในระบบรัฐสภา เพื่อตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาลที่กำลังวิกฤตในขณะนี้ การที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าพรรคกระเหี้ยนกระหือรืออยากอภิปรายเอากันให้ตายนั้น ถือว่านายกรัฐมนตรีเข้าใจผิด เพราะการอภิปรายตามมาตรา 179 ไม่ได้มีการลงมติแต่เป็นการเปิดโอกาสให้สมาชิกได้แสดงออกและร่วมกันหาทางออกปัญหาของประเทศ ส่วนการอ้างว่าสามารถอภิปรายได้ในการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายนั้นถือเป็นคนละเรื่อง งบประมาณเป็นเรื่องของการรับรองงบประมาณรายจ่ายที่ให้รัฐบาลนำไปบริหารประเทศ แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นการพูดถึงความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล และไม่อาจที่จะไว้วางใจบริหารประเทศต่อไปได้
เมื่อถามว่าด้วยเงื่อนเวลาสมัยการประชุมที่กระชั้นชิดเป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะอ้างว่าไม่สามรถบรรจุระเบียบวาระการประชุมได้ทัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลเป็นผู้กำหนดระยะเวลาการเปิดปิด มีอำนาจเต็มในการกำหนดวันเปิดปิด เพราะตอนแรกบอกว่าจะมีการเปิดวิสามัญในช่วงวันที่ 9-30 มิ.ย.นี้ แต่พอฝ่ายค้านเสนอให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 179 และ ส.ว.ยื่นอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 161 กลับมีการหาเหตุผลเรื่องเงื่อนเวลาขึ้นมาอ้าง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่จริงใจ และจงใจหลีกเลี่ยงกระบวนการตรวจสอบในรัฐสภา เมื่อฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระ รัฐบาลมีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้การอภิปรายเกิดขึ้น อย่ามาหลับหูหลับตาเล่นแง่ ให้ปิดสภาแล้วตรวจสอบไม่ได้ ซึ่งจะให้รัฐบาลและประธานสภาตอบว่าจะเอาวันไหน หากได้รับการปฏิเสธพรรคจะหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
เมื่อถามว่า หากรัฐบาลปฏิเสธการตรวจสอบในรัฐสภาจะเข้าร่วมเคลื่อนไหวกับเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตามเสียงเรียกร้องหรือไม่ ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังคงยืนยันในระบบการตรวจสอบในสภา