xs
xsm
sm
md
lg

“สมเกียรติ” ไล่อันธพาลพ้นสภา-ยัน “การุณ” ก่อกวนหลายรอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์
“สมเกียรติ” ย้ำ อันธพาล-นักเลงไม่ควรอยู่ในรัฐสภา แฉ “การุณ” วนเวียนก่อกวนถึง 3 รอบ กินเวลากว่า 10 นาที เหน็บเป็นคน 2 หน้า นอกสภาพูดอย่างในสภาพูดอีกอย่าง

วานนี้ (3 เม.ย.) นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน ยืนยันว่า ไม่ได้พูดจาหยาบคาย และไม่ได้ทำร้ายนายสมเกียรติ ว่า ประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุมีประมาณ 20 คน ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดเพียงนาทีเดียว แต่เกิดขึ้นประมาณ 10 กว่านาที และมีการปะทะกันหลายรอบ โดยรอบแรกเป็นการปะทะกันระหว่างนายการุณ กับนายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ และนายโกวิท ธารณา ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์

“รอบสุดท้ายมาอีกรอบ คือ ถือถุงกระดาษมาเป็นการปะทะกับ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นการย้ำว่าพฤติกรรมของการหาเรื่องมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ผม แต่ผมไม่ได้ตอบโต้ และไม่ได้มีคำพูดอะไรออกมาจากปากของผม ดังนั้นกรณีนี้ก็ควรต้องมีการดำเนินการ โดยกระบวนการกฎหมาย เราต้องให้กฎหมายคลี่คลายปัญหานี้ เพราะปัญหานี้มันไม่ใช่เรื่องผมเจ็บขนาดไหน มันเป็นเรื่องเกียรติภูมิของชาติ ผมสงสารประเทศไทยมากที่รัฐสภาอันทรงเกียรติ อำนาจหลักของชาติได้ ส.ส.แบบนี้ ใน 200 ประเทศมีก่อเหตุไม่กี่ประเทศ และเป็นการก่อเหตุซ้ำซากด้วย ดังนั้นอันธพาล และนักเลงไม่ควรอยู่ในรัฐสภา ถ้าประเทศเรามีศักดิ์ศรีจริง” นายสมเกียรติ กล่าว

นายสมเกียรติ กล่าวด้วยว่า ประจักษ์พยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุมากเกินกว่าที่จะบอกว่านายการุณ พูดจริง โดยเฉพาะที่พูดว่า “อาจารย์ครับ” แล้วมาเปลี่ยนเป็น “พี่ครับ” และไปบอกในรายการ “สยามเช้านี้” ทางช่อง 5 ว่า ตนพูดหยาบคายในสภา ซึ่งตรงนี้ตนได้บันทึกเทปเอาไว้แล้ว เพื่อจะได้ทราบว่าสิ่งที่พยายามแก้ตัวโดยตลอดถูกต้องหรือไม่ หากคนพูดความจริงในสภา ผู้แทนราษฎรคงไม่โห่ ซึ่งในสภามีการโห่กันอย่างหนัก คือ ในสมัยพฤษภาทมิฬ ปี 2535 ที่โห่พรรคสามัคคีธรรม ซึ่งเป็นพรรคเสียงข้างมาก และกรณีของนายการุณ มีการโห่ถึงสองครั้ง ฉะนั้นน่าจะมีนัยของข้อความที่ฝ่าฝืนความจริงอยู่มาก ไม่เช่นนั้นสภาคงไม่เกิดอารมณ์ร่วมกันในการโห่ถึงสองครั้ง

ส่วนกรณีที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า การลงโทษ ส.ส.ที่กระทำการวิวาท ทำได้แค่ว่ากล่าวตักเตือนนั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตนไม่มีปัญหา ต้องแล้วแต่กระบวนการ เพราะกรอบจริยธรรมไม่ใช่เรื่องการลงโทษหนักเบา แต่เป็นมโนธรรมสำนึกส่วนบุคคลว่าจะรักษาเกียรติภูมิของประเทศชาติได้หรือไม่ ซึ่งเป็นมโนธรรมสำนึกของแต่ละคนว่า ถ้ากระทำผิดก็ต้องยอมรับ เหมือนกรณีที่ตนใช้คำว่า “ไอ้” กับ รมต.บางคน ตนก็ยอมรับ เพราะ รมต.คนนั้นใช้คำว่า “ไอ้ 5 พันธมิตร” กับตนก่อน

“ผมไม่เคยปฏิเสธเรื่องแบบนี้ ผมไม่เคยแสร้งทำเป็นมนุษย์สองหน้า ที่ด้านนอกสภาเป็นอีกอย่างหนึ่ง ด้านในสภาเป็นอีกอย่างหนึ่ง เราไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนี้ ส่วนจะหวังได้แค่ไหนนั้น ประชาชนเฝ้าติดตามพฤติกรรมที่ผ่านมาของนายการุณ อยู่ และผมคงไม่เหมาะที่จะไปแสดงความเห็น เพราะเป็นคู่กรณี และหากนายการุณ ยืนยันว่าไม่ได้กระทำการตามที่ผมระบุ ก็ไม่เป็นไร เพราะมีคณะกรรมการสอบสวนของสภาผู้แทนราษฎร และมีกลไกทางศาลที่จะต้องพิสูจน์กัน” นายสมเกียรติ กล่าว

นายสมเกียรติ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายการุณ นำอาวุธเดินเข้ามาหาว่า นายนิพนธ์ ยืนยันว่า มีอาวุธอยู่ในถุง ซึ่งในช่วงนั้นตนนั่งอยู่ห่างประมาณ 3 วา แต่ตนไม่เห็นอาวุธ เห็นเพียงถุง ซึ่งครั้งแรกที่เดินเข้ามาไม่ได้ถือถุง โดยครั้งแรกที่ต่อกรกับนายโกวิท โดยเห็นว่านายการุณ พยายามใช้มือซื้อหยิบส้อมหนาๆ ของห้องอาหาร แต่ไม่ได้ทำอะไร

ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ได้รับการประสานจาก พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง เพื่อให้ไปปรึกษาเรื่องตั้งกรรมการสอบสวนกรณีที่นายสมเกียรติ ระบุว่า ถูกนายการุณ ใช้วาจาหยาบคาย และกระโดดถีบ ซึ่งทางพรรคได้ส่งกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้านไปช่วยดูแลว่าจะทำอย่างไรให้เรื่องนี้มีความกระจ่างตามข้อเท็จจริง และดำเนินการอย่างเหมาะสม

“ในความเห็นของเรา คิดว่ากรณีนี้ไม่ใช่เรื่องระหว่างบุคคล หรือระหว่างพรรค แต่เป็นพฤติกรรมของ ส.ส.ที่เข้ามาทำร้ายร่างกาย ส.ส.อีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งเป็น ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ จึงอยากให้การสอบสวนเรื่องนี้ตรงไปตรงมา เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสภาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ดังทางแก้ไขไม่ใช่พยายามที่จะปฏิเสธข้อเท็จจริง แต่ควรแสดงให้เห็นว่าสภาผู้แทนราษฎรจริงจังกับเรื่องนี้ และดำเนินการตามความเหมาะสม” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์เกิดไปแล้ว ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว วันนี้เป็นความรับผิดชอบของทุกฝ่ายที่จะบรรเทาความเสียหายด้วยการแสดงให้เห็นว่า สภาไม่ควรจะยอมรับพฤติกรรมอย่างนี้ และจริงๆ แล้ว พฤติกรรมอย่างนี้ หนึ่งมีปัญหาเรื่องผิดกฎหมาย สองก็ขัดกับจริยธรรมค่อนข้างชัดเจน ก็ต้องมีการดำเนินการ ซึ่งตนคิดว่าประธานคงต้องดูบรรทัดฐานในอดีต และดูเจตนารมณ์ในรัฐธรรมนูญด้วย

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า ไม่ว่าคณะกรรมการสอบสวนจะเป็นใครมาจากที่ไหน ก็ขอให้ยึดในกรอบข้อเท็จจริง และแสดงความรับผิดชอบกันไป เชื่อว่าเรื่องจะจบได้ เพราะคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุมีจำนวนมาก ไม่ใช่มีเฉพาะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ฉะนั้นขอให้พูดความจริง และขอย้ำว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีความคิด และไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้นที่จะไปสบคบกันกล่าวร้ายเพื่อน ส.ส.ด้วยกัน

“แต่กรณีที่เกิดขึ้นเป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องว่าไปตามจริง เพราะหลังเกิดเหตุการณ์ ส.ส.ของพรรคได้มาพบตน และทุกคนยืนยันตรงกันว่านายสมเกียรติ ไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้มีท่าทีที่จะไปต่อสู้อะไรทั้งสิ้น และคำที่นายการุณ พูดก็เป็นคำหยาบ และไม่เหมาะสม ดังนั้นอยากแนะนำนายการุณ ว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรก็ขอให้ยึดตามนั้น แล้วก็แก้ไขกันไป” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น