“ยามเฝ้าแผ่นดิน” ชี้ “สมเกียรติ” แค่ต้องการให้ ส.ส.พปช.หยุดเหน็บแนมพันธมิตรฯ ในสภา มีอะไรให้คุยกันข้างนอก จับพิรุธ “การุณ” โกหกกลางสภา อ้างเข้าไปคุยดีๆ แต่มีคนมาบอกให้ใจเย็นๆ เผยจุดเกิดเหตุมีกล้องวงจรปิด จี้เร่งเปิดเผยมัดตัวคผิด เตือน ปชช.เตรียมพร้อมร่วมมือพันธมิตรฯ ยื่นถอดถอน ส.ส.แก้ รธน.ฟอกผิดตัวเอง
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 1
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ ยามเฝ้าแผ่นดิน โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สโรชา พรอุดมศักดิ์ ช่วงที่ 2
รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางเอเอสทีวี คืนวันที่ 2 เมษายน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นักวิชาการอิสระ และนางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรก ได้กล่าวถึงกรณีที่ นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน กระโดดถีบนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ที่ห้องรับประทานอาหาร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ว่า เป็นเหตุการณ์สืบเนื่องจากการอภิปรายพาดพิงกันไปมาระหว่าง นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชาชน ที่พยายามอภิปรายพาดพิงการสัมมนาทางวิชาการของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 28 มีนาคม จนเกิดการประท้วง โดยนายสมเกียรติที่ขอใช้สิทธิ์ลุกขึ้นชี้แจง หลังถูกกระแนะกระแหนมาหลายต่อหลายต่อครั้ง
ทั้งนี้ ไม่แปลกที่นายสมเกียรติจะเป็นจุดสนใจของพรรคพลังประชาชน เพราะนายสมเกียรติ ถือเป็นแกนนำพันธมิตรฯ เพียงคนเดียวที่อยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ขณะเดียวกัน การลุกขึ้นชี้แจงภายหลังถูกพาดพิง นายสมเกียรติก็ไม่ได้ท้าทายใคร เป้าหมายของนายสมเกียรติก็ไม่ได้อยู่ในสภาผู้แทนราษฎร
กรณีที่นายสมเกียรติบอกว่า สามารถไปพูดคุยกันข้างนอกกันต่อได้ ก็พูดด้วยท่าทีสุภาพ ไม่ได้หมายความว่าต้องไปลุยกันข้างนอกตามที่นายการุณเข้าใจ
“อาจารย์สมเกียรติได้แสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจน ไม่ได้พูดเพื่อท้าทายใคร ที่สำคัญอาจารย์สมเกียรติยังมองว่า หากมีการพูดพาดพิงถึงพันธมิตรฯ ก็ควรนำไปพูดกันนอกสภาผู้แทนราษฎร ไม่สมควรนำมาพูดในที่ประชุมอันทรงเกียรติ อีกทั้งยังไม่ใช่สาระที่จะต้องนำมาถกเถียงให้เกิดความวุ่นวาย ดังนั้น อาจารย์สมเกียรติจึงเลือกที่จะให้นำเรื่องดังกล่าวไปพูดข้างนอกห้องประชุมจะดีกว่า”
**ติงรองประธานฯ ชินคำหยาบ นปก.
นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการยังกล่าวตำหนิการทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรของ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ที่ปล่อยปละละเลยให้ นพ.ประสิทธิ์ กล่าวคำว่า “ถ่อย” ในระหว่างการอภิปรายว่า การหยิบยกพจนานุกรมมาใช้ในการวินิจฉัยเป็นสิทธิ์ที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรทำได้ แต่การที่ พ.อ.อภิวันท์ ถูกมองว่า อดีตเป็นถึงแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ได้รับโบนัสจากการขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีคณะรัฐประหารอย่างก้าวร้าวรุนแรง จึงไม่แปลกที่พ.อ.อภิวันท์ ปล่อยให้ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ลุกขึ้นมาอภิปรายด้วยคำหยาบคายในสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากเป็นสิ่งที่เคยชินมาแต่ครั้งเคลื่อนไหวกับ นปก.แต่สุดท้ายเมื่อ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลุกขึ้นประท้วง พร้อมประกาศใช้มาตรฐานนี้ในการอภิปรายครั้งต่อไป พ.อ.อภิวันท์ ถึงกับต้องรีบสั่งให้ นพ.ประสิทธิ์ ถอนคำว่า “ถ่อย” ไปในท้ายที่สุด
** จับผิด “การุณ” โกหกกลางสภา
ส่วนเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ห้องรับประทานอาหารชั้น 2 อาคารรัฐสภา ตามรายงานข่าวที่ปรากฏ จะเห็นว่าสิ่งที่นายการุณกระทำนั้นไม่เหมาะสม ทั้งกิริยา หรือการกล่าวคำหยาบคาย ด่ากราด ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาว่าจะเข้ามารุมทำร้าย ทั้งๆ ที่ ส.ส.เหล่านั้นจะเข้ามาห้ามปราม จนในที่สุดวิปฝ่ายค้านสุดทนกับพฤติกรรมจึงมีมติให้แจ้งความข้อหาทำร้ายร่างและหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ต่อนายการุณ ขณะที่นายการุณ ก็ถือโอกาสแก้ตัวและชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรด้วยเสียงที่ออดอ้อนว่าตัวเองเป็น ส.ส.มือใหม่ ไม่ทันเกมการเมือง เป็นลักษณะเฉพาะตัวของนายการุณ ที่มักจะใช้เวลาลงพื้นที่หาเสียงให้ดูน่าสงสาร
ผู้ดำเนินรายการยังได้จับผิดคำพูดของนายการุณที่พยายามชี้แจงในสภาว่า ตนไม่ได้เข้าไปต่อว่าหรือทำร้ายนายสมเกียรติ แต่ได้เข้าไปถามดีๆ แต่ถูกนายสมเกียรติผลักอก และนายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้มาจับแขนไว้ และบอกตนว่าให้ใจเย็นๆ ซึ่งหากนายการุณเข้าไปถามนายสมเกียรติด้วยความสุภาพตามที่อ้าง ทำไมนายนิพนธ์จะบอกกับนายการุณว่าให้ใจเย็นๆ นอกจากนี้นายการุณยังพยายามพูดว่าในที่เกิดเหตุมีแต่ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านอยู่ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ให้เกิดความรู้สึกว่าตนเองกำลังโดนรุม
**จี้เปิดเผยภาพวงจรปิด
ผู้ดำเนินรายการกล่าวต่อว่า แหล่งข่าวในสภายืนยันว่า บริเวณที่เกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ ดังนั้น เรื่องดังกล่าวจะมีความชัดเจนมากขึ้น หากเจ้าหน้ารัฐสภานำเทปบันทึกภาพในกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุมาเปิดเผย ว่าใครถูกใครผิด และขอให้แสดงความรับผิดชอบที่เกิดขึ้น อย่าอ้างเหตุผลเดิมๆ ว่ากล้องวงจรปิดเสีย ต้องแสดงความชัดเจน และหลักฐานออกมา จะได้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนและหลังนั้นเป็นอย่างไร
จากนั้นผู้ดำเนินรายการได้ย้อนประวัติของนายการุณอย่างละเอียด ทั้งการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทะเลาะวิวาทกันที่บริเวณหน่วยเลือกตั้ง ส.ก.เขตดอนเมือง เมื่อปี 2548 นอกจากจะมีคดีความทำร้ายร่างกายยามโรงหนักเก่า ทำร้ายร่างกายทีมงานหาเสียงของพรรคชาติไทย ทำร้ายร่างกายอดีตภรรยาตนเองที่สนามบินดอนเมืองต่อหน้าผู้คน ปีเดียวกันยังโดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ปรับเงินจำนวน 30,254,052 บาท ฐานลักลอบนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลบเลี่ยงภาษีศุลกากร
จากนั้นปี 2549 ก็มาโดนแจ้งความข้อหาร่วมกับพวกทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัท อุดมสุข จำกัด นอกจากนี้ ในปีเดียวกันนั้นเอง ศาลฎีกายังมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของนายการุณ โดยขณะนั้นยังสังกัดอยู่กับพรรคไทยรักไทย เนื่องจากเพราะมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ประกาศยกเลิกใบปริญญาบัตรของผู้สมัครฯ ทั้งหมดนี้คือพฤติกรรมของ ส.ส.หน้าใหม่ของพรรคพลังประชาชนที่พูดจาให้ตัวเองดูน่าสงสารในสภา และทำให้เห็นมาตรการคัดเลือกคนของพรรคการเมืองนี้ว่าเป็นอย่างไร
**เตรียมพร้อมยื่นถอด ส.ส.แก้ รธน.เพื่อตัวเอง
ในช่วงที่ 2 ผู้ดำเนินรายการ กล่าวถึงการออกแถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 5/2551 เรื่อง “พร้อมต่อต้านอาชญากรประชาธิปไตยล้มล้างรัฐธรรมนูญฟอกความผิดให้ตัวเอง” ว่า เป็นแถลงการณ์ที่มีหลายประเด็น โดยประเด็นแรกคือการขอบคุณประชาชนที่ได้เข้าร่วมงานสัมมนาของพันธมิตรฯ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ประเด็นต่อมา คือการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 237 วรรค และ มาตรา 309 เพื่อให้พรรคพลังประชาชนและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นจากความผิด
และประเด็นสำคัญ คือ การเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อ มาตรา 68 วรรคแรก ซึ่งพันธมิตรฯ จะขอใช้สิทธิในฐานะผู้ทราบการกระทำดังกล่าวยื่นเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว หรือยุบพรรคการเมืองดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรคสองและวรรคสาม โดยจะยื่นทันทีที่มีการนำวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ
นอจากนนี้ยังมีกรณี มาตรา 122 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่า ส.ส.จะต้องไม่กระทำการใดที่เป็นการขัดกันทางผลประโยชน์ เช่น เมื่อตัวเองมีความผิดอยู่ ก็จะแก้ไขกฎหมายให้ตัวเองพ้นจากความผิดไม่ได้ ไม่เช่นนั้น ประชาชนสามารถเข้าชื่อกัน 20,000 ชื่อ ยื่นถอดถอน ส.ส.ที่กระทำผิดมาตรานี้ได้ ดังนั้นกรณีการไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 นั้น หากมี ส.ส.จากพรรคการเมืองที่กำลังจะถูกยุบไปเข้าชื่อเสนอญัตติด้วย ประชาชนก็มีสิทธิที่จะยื่นถอดถอน และทราบว่าขณะนี้ มีส.ส.เข้าชื่อกัน 228 คนแล้ว
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวต่อว่า วันเดียวกันนี้มีการออกแถลงการณ์ของอาจารย์ด้านนิติศาสตร์ 26 คน จาก 9 มหาวิทยาลัย ต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 237 เพื่อไม่ให้พรรคการเมืองถูกยุบ ซึ่งแถลงการณ์ของอาจารย์ฯ สรุปได้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ใช่ทำได้ตามอำเภอใจ หรืออ้างเสียงข้างมากอย่างเดียว ต้องคำนึงถึงหลักการความถูกต้องตามหลักนิติธรรมด้วย การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นสามารถทำได้ แต่ไม่ใช่แก้หลังจากได้กระทำความผิดแล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วหลักการปกครองจะพังไม่เป็นท่า การแก้ไขมาตรา 237 เมื่อมีการกระทำผิดแล้ว จึงทำลายระบบนิติศาสตร์ของประเทศลงอย่างสิ้นเชิง ซึ่งคณาจารย์นิติศาสตร์เห็นว่าไม่ควรมีการกระทำหรือสนับสนุนให้กระทำดังกล่าวอย่างยิ่ง
ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า แถลงการณ์ของอาจารย์นิติศาสตร์สอดคล้องกันกับแถลงการณ์ของพันธมิตรฯ ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนเตรียมสำเนาบัตรประชาชนไว้เลย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าชื่อยื่นถอดถอน ส.ส. ซึ่งพันธมิตรฯ จะทำให้เร็วที่สุด หลังจากมีการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภา และปรากฏว่ามี ส.ส.จากพรรคที่กำลังจะถูกยุบเข้าชื่อด้วย เราจะยื่นถอดถอนทันที
เชื่อว่าใน 228 คน ที่เข้าชื่อไปแล้วจะมีชื่อนายการุณ โหสกุล รวมอยู่ด้วย สำหรับ ส.ส.ที่ยังไม่ได้ลงชื่อนั้น ถือว่าเราได้เตือนแล้ว ให้ระวังเนื้อระวังตัวให้ดี เพราะแม้จะไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค แต่ถ้าทำผิดมาตรา 122 ก็ถูกถอดถอนได้
ผู้ดำเนินรายการกล่าวอีกว่า ตามแถลงการณ์ล่าสุดนั้น พันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหวทุกรูปแบบภายใต้รัฐธรรมนูญ เพื่อต่อต้านการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จ ตามที่พันธมิตรฯ เคยแถลงก่อนหน้านี้ว่า มีความพยายามล้มคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งโดยวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยึดอำนาจตัวเอง