xs
xsm
sm
md
lg

เผยอีก"เพ็ญ"หมิ่นเบื้องสูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แกนนำพันธมิตรฯ “สนธิ ลิ้มทองกุล” เผยหลักฐานใหม่ตอกฝาโลงพฤติกรรม “ทัศนคติอันตราย”ของ “จักรภพ เพ็ญแข” เผยคนในกรมประชาสัมพันธ์สุดทน รมว.เจ้าปัญหาเหลิงอำนาจ เอาภาพตัวเองขึ้นปก ‘วารสาร’ แทนที่จะเป็นภาพพระบรมฉายาลักษณ์และสถานที่สำคัญ พร้อมจี้ “อธิบดี” ตอบคำถามสังคมให้ได้ คนในกรมฯฮือเข้าเวปถล่มดุเดือด ด้านเวทีชุมนุมวันที่ 4 คนยังคึกคัก เตรียมยื่นถอดถอนวันชุมนุมใหญ่ 30 พ.ค.นี้ ขณะเดียวกัน เผยจุดยืนพันธมิตรฯ ถึงแม้
จะถอนญัตติ ครม.ก็ต้องลาออกยกชุด ขณะที่ ‘เฉลิม’ปากดีรับดีเบต ‘สนธิ’ วิวายตั้งเงื่อนไข หัวหน้าหุ่นเชิด ‘สมัคร’ใจดีสู้เสือฮัมเพลง “โยสลัม” ร่วมงานประชุมขรก.แต่เรียกรมว.ลูกพรรคถกบ้าน ‘เฉลิม’

การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนิน วานนี้ (28 พ.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ 4 ยังคงมีประชาชนเข้าร่วมเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงเย็นประชาชนทยอยเดินทางมาเป็นระยะๆ ท่ามกลางท้องฟ้ามีเมฆฝนจำนวนมากและฝนตกลงมาในบางช่วง
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวว่า เดิมกลุ่มพันธมิตรฯ จะยื่นรายชื่อถอดถอน ส.ส.และ ส.ว.ที่ลงชื่อรับรองญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันศุกร์ที่ 30 พ.ค.นี้ แต่จากการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เจ้าหน้าที่แนะนำว่าให้นำรายชื่อมายื่นทีเดียวอย่าทยอยมา เพราะจะนับรายชื่อที่นำมายื่นในครั้งแรกเท่านั้น
นายสุริยะใส กล่าวว่า วันศุกร์ที่ 30 พ.ค.นี้จะเป็นวันดีเดย์ ที่จะประกาศจุดยืน ใหม่ของการชุมนุม และจะขอประชามติจากผู้ร่วมชุมนุมว่าจะทำอย่างไรต่อไป โดยขอให้ เครือข่ายของพันธมิตรฯ ที่อยู่ในต่างจังหวัด งดกิจกรรมและเข้ามาร่วมชุมนุมกันในกทม.
ส่วนที่รัฐบาลมีทีท่าจะถอนญัตติแก้รัฐธรรมนูญ ผู้ชุมนุมจะยุติการชุมนุม หรือไม่นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ต้องดูสถานการณ์ว่าจะทำอย่างไรต่อไป แต่หากรัฐบาลจะทำประชามติตอนนี้ก็ไม่มีความหมาย เพราะมันเลยขั้นตอนนั้นไปแล้ว การทำประชามติชัดเจนว่าเป็นความต้องการที่จะฟอกความผิดให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ปูดพฤติกรรมตอกย้ำจักรภพ ‘ทัศนคิตอันตราย’

สำหรับการอภิปรายบนเวทีพันธมิตรฯช่วงกลางคืนนอกจากจะมีบุคคลที่มีชื่อเสียงจากวงการเมือง และ นักวิชาการผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีแล้ว
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ได้เปิดเผยข้อมูลใหม่ที่สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมความเป็นคนที่มี ‘ทัศนคิตอันตราย’ ต่อเนื่องจากกรณี จาบจ้วงเบื้องสูงของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อสื่อมวลชนหลังเวที
ทั้งนี้ นายสนธิ นำเอาวารสารกรมประชาสัมพันธ์ หน้าปกตั้งแต่ปี2549 จนถึงปัจจุบัน มาแสดงให้สื่อมวลชนดู พร้อมกับชี้ให้เห็นว่าวารสารของกรมประชาสัมพันธ์ทุกฉบับนั้นรูปที่ขึ้นปก จะเป็นพระบรมฉายาลักษณ์หรือพระฉายาลักษณ์เท่านั้น หรือหากเป็นวันสำคัญทางศาสนา ก็จะเป็นรูปทางศาสนา
       จากนั้น นายสนธิ ได้ยกเอาวารสารฯ ฉบับเดือนเม.ย.2551 ขึ้นมาให้ดู ซึ่งเป็นรูปนายจักรภพ ในขณะที่พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นเพียงพระฉายาลักษณ์เล็กๆอยู่ในปกด้านใน ทั้งที่เดือนเมษายนนี้ เป็นเดือนพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และยังมีวันจักรีอีกวันหนึ่ง
         นายสนธิ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ข้าราชการส่วนใหญ่ในกรมประชาสัมพันธ์ไม่เห็นด้วย คนที่ทำขึ้นมา น่าจะเป็นเหตุผลเพราะว่าต้องการเอาใจรัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องคำนึงด้วยว่า ใช่ช่วงเดือนนี้มีความสำคัญอย่างไร เป็นวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ใด การเอารูปของนายจักรภพขึ้นหน้าปก สะท้อนเจตนาของคนทำได้อย่างดี
         “เราไม่ต้องการที่จะดำเนินคดีใดๆทั้งสิ้น แต่จะชี้ให้ประชาชนเห็น เวลาทำหนังสืออย่างนี้ จะต้องมีการรายงานนายจักรภพแน่นอน นายจักรภพน่าจะใช้สติปัญญา ว่าควรจะทำอย่างนี้หรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องนี้อธิบดีจะต้องตอบว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เพราะเท่ากับการยิ่งไปซ้ำเติมถึงเจตนาที่อยู่ในทุกคำพูดของนายจักรภพ ข้อเรียกร้องของเราตอนนี้ไม่ได้เพียงแค่ให้นายจักรภพลาออกเท่านั้น แต่ครม.ชุดนี้จะต้องลาออกยกชุด” นายสนธิ กล่าว
         นอกจากนั้น นายสนธิ ยังกล่าวด้วยว่า สถานการณ์ที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่า คณะรัฐมนตรีชุดนี้ ไม่ได้มุ่งแก้ปัญหาของชาวบ้าน แต่ทำเพื่อรักษาฐานอำนาจของตัวเองเท่านั้น ตั้งแต่เรื่องข้าวยากหมากแพง การแลกอธิปไตยเขาพระวิหาร หรือแม้แต่ญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งตอนนี้ประเด็นเหล่านี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าจะมีการถอนญัตติการแก้รัฐธรรมนูญ ครม.ชุดนี้ก็ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกทั้งสิ้น
         ก่อนหน้านี้ นายจักรภพ มีพฤติกรรมที่หมิ่นเหม่ต่อการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง เมื่อคราวไปการพูดที่ชมรมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทย (เอฟซีซีที) เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2550 และการปราศรัยกับคนไทยที่ลอสแองเจลิสเมื่อวันที่ 10 พ.ย.2550       
   อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบของ “ผู้จัดการออนไลน์” เพิ่มเติมพบว่า หลังจากวารสารฉบับนี้เผยแพร่ออกไป ปรากฏว่า ข้าราชการกรมประชาสัมพันธ์ฯได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือด ในระบบอินทราเน็ตของกรมประชาสัมพันธ์ที่อนุญาตให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ที่มีรหัสผ่านเข้าไปใช้ได้เท่านั้น ในประเด็นความไม่เหมาะสมของการเลือกภาพขึ้นปกวารสารฉบับดังกล่าว บางคนถึงกับนำปกวารสารไปเผา เหลือไว้แต่เนื้อใน บางคนระบุว่า ปกฉบับนี้อันตรายที่สุด ขณะที่
บางคนได้ถามหาความรับผิดชอบของบรรณาธิการวารสารที่ต้องการเอาใจรัฐมนตรีจนเกินงามหรือไม่

แฉกุ้ยจ้องป่วนไม่เลิกรา

ช่วงเวลา 17.00 น.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 1 ในแกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวทีและประกาศให้ รปภ.ของพันธมิตรฯ เตรียมพร้อมอย่าประมาท เพราะอาจจะมีผู้มาป่วนชุมนุม
ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อเวลา 16-30 น. ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ 3 คน ได้เข้าป่วนบริเวณ หน้าเวทีของพันธมิตรฯโดยเข้ามาด่าทอส่งเสียงโวยวายทำให้ประชาชนที่นั่งอยู่บริเวณนั้นลุกฮือขึ้นหน่วยรักษาความปลอดภัยต้องกันตัวออกไป ทำให้เหตุการณ์สงบ

พปช.ยื่นกกต.ยุบพรรคประชาธิปัตย์

วันเดียวกัน นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกพรรคพลังประชาชน เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยอ้างว่ากระทำในฐานะส่วนตัว ขอให้ดำเนินการยุบพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ และกระทำการขัดต่อกฎหมาย ซึ่งอาจถูกศาลรัฐ
ธรรมนูญสั่งยุบพรรค ตามพ.ร.บ.พรรคการเมือง พ.ศ. 2550 มาตรา 94 (3) (4) ประกอบมาตรา 95
ทั้งนี้มีการระบุว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 แต่ไม่ใช้วิธีการโต้แย้งคัดค้านในรัฐสภา แต่กลับมีมติให้สมาชิกพรรค เข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการเล่นการเมือง นอกสภาที่เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตราดังกล่าวของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ซึ่งถือว่าเป็นเหตุที่ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองสามารถ ดำเนินการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการไปร่วมเวทีพันธมิตรฯของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จนเป็นเหตุให้มีการยื่นยุบพรรคแตกต่างอย่างไรกับการที่นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ไปร่วมกับกลุ่มแกนนำมหาพลังประชาชน นายศุภชัย กล่าวว่า พรรคพลังประชาชนไม่เคยมีการแถลงเป็นมติเหมือนพรรคประชาธิปัตย์ สิ่งที่นายประชาทำไป พรรคไม่ได้มีส่วนรับรู้หรือเห็นด้วย

ขู่แจ้งความปธ.วุฒิฯหากรับถอดถอนส.ส.

ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า หาก นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา รับรายชื่อประชาขนที่กลุ่มพันธมิตรฯนำมายื่น ให้ถอดถอน ส.ส.และ ส.ว.ที่ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนก็จะแจ้งความดำเนินคดีกับนายประสพสุข ตามมาตรา 113 ของกฎหมายอาญา เนื่องจากการกระทำดังกล่าว ถือว่าขัดขวางการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งเข้าข่ายการเป็นกบฏเพราะสมาชิกรัฐสภา ที่ร่วมลงชื่อ ถือว่าทำหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ จำเป็นต้องทำ เพื่อปกป้องสถาบันนิติบัญญัติ การปกครองระบอบประชาธิปไตยและระบบรัฐสภา
ทั้งนี้ หากมีการยื่นรายชื่อประชาชน 20,000 ชื่อ เพื่อถอดถอน ส.ส.และ ส.ว. ที่ยื่นญัตติดังกล่าวเมื่อใด ตนก็จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับประชาชน ที่ร่วมลงชื่อถอดถอนทั้ง 20,000 คนทันที เพราะถือว่าล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย
นายวรวัจน์ กล่าวด้วยว่าตนพร้อม ส.ส.พลังประชาชน จะเดินทางไปยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุด เพื่อขอให้พิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์จากกรณีที่มี ส.ส.ของพรรคไปเข้าร่วมชุมนุมพันธมิตรฯ ถือเป็นการล้มล้างระบบรัฐสภา และระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตย

ปชป.สอนเชิงไล่ไปอ่านกฎหมาย

ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า อยากให้พรรคพลังประชาชนดูข้อกฎหมายให้ละเอียด เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ ที่เข้าข่ายมาตรา 68 ว่าด้วยการล้มล้างระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เชื่อว่าการแจ้งความดังกล่าว ก็เพื่อทำลายพรรคประชาธิปัตย์ อีกทั้ง การแจ้งความเอาผิดกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่สามารถทำได้ เพราะเป็นการเคลื่อนไหว ของภาคประชาชน และ
มีมาตรา 63 คุ้มครองอยู่
ดังนั้น พรรคพลังประชาชนอย่าสร้างภาพ เพื่อก่อความวุ่นวายให้สังคม และอยากให้ย้อนกลับไปดูรายชื่อผู้ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าตอนนี้เหลือกี่คนแล้ว เพราะได้ข่าวว่ามีส.ส.และส.ว.เริ่มถอนรายชื่ออกบ้างแล้ว
“อยากเรียกร้องให้ส.ส.และส.ว.ที่เข้าชื่อถอนชื่อออก เพื่อให้ญัตตินี้ตกไป อีกทั้ง ยังลดการปะทะของ 2 ฝ่ายที่สนับสนุนและคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ อย่ากลัวเสียหน้า เพราะถ้าเสียหน้าแล้วไม่ทำให้ประเทศเสียหาย ก็ควรจะทำ”

ประสพสุขไม่หวั่นยันทำหน้าที่

นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ไม่ทราบว่ากลุ่มพันธมิตรฯจะมายื่นรายชื่อเพื่อถอดถอน ส.ส.และ ส.ว.เมื่อใด เพราะยังไม่ได้รับการประสานมา ซึ่งขณะนี้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา กำลังตรวจสอบข้อกล่าวหาและคุณสมบัติผู้แสดงตนยื่นถอดถอน จากนั้นก็จะพิจารณาว่าข้อกล่าวหามีมูลหรือไม่ ถ้ามีมูลในฐานะประธานวุฒิสภา ก็จะส่งเรื่อง ให้ค ป.ป.ช. พิจารณาเรื่องการถอดถอน ตามมาตรา 272 ซึ่งหากป.ป.ช.ชี้มูลความผิดตามข้อกล่าวหาผู้ที่
ถูกถอดถอน ก็ต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตามกว่าจะถึงขั้นตอนนั้นคงใช้เวลาอีกหลายเดือน
ส่วนที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนประกาศจะดำเนินคดีกับประธานวุฒิสภาหากรับรายชื่อประชาชนที่ยื่นถอดถอน ส.ส.และส.ว.ที่ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายประสพสุข กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 272 ระบุไว้ว่าเป็นหน้าที่ของประธานวุฒิสภา ที่ต้องรับเรื่องการยื่นถอดถอน หากจะมาบอกว่ารับก็ผิดไม่รับก็ผิด ตนเองก็ไม่รู้จะต้องทำอย่างไร จึงขอบอกว่าเรื่องนี้ประธานวุฒิสภาได้ทำตามกฎหมายจึงไม่มีความผิด แต่ถ้าไม่ทำถึงจะผิดกฎหมาย

สมัครทำใจดีสู้เสือฮัมเพลง “โยสลัม”

วันเดียวกัน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงครั้งที่ 3/2551 ณ ห้องประชุมกระทรวงศึกษาธิการ ชั้น 2 อาคารราชวัลลภ ในโอกาสนี้ สถาบัน MIT ได้ทูลเกล้าฯถวายเครื่องคอมพิวเตอร์ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เพื่อพระราชทานให้กับโรงเรียนโยธีราชศรัทธาธรรม และโรงเรียนวัดธรรมปัญญา ซึ่งนายสมัคร ได้สาธิตการใช้โปรแกรมร้องเพลง โดยใช้เพลง “โยสลัม” เพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 มาขับร้อง ทั้งนี้เนื้อหาของเพลงหมายความ ว่า ให้คนในชาติรู้รักสามัคคีกันหากมีคนยุให้แตกแยกแล้วไม่รู้รักสามัคคีบ้านเมืองจะวอดวายจึงอยากให้ทุกฝ่ายรักสามัคคีกัน
หลังการประชุมผู้สื่อข่าวถามถึงการนัดรับประทานอาหารร่วมกับ รัฐมนตรีพรรคพลังประชาชนในวันศุกร์ที่ 30 พ.ค.นี้ นายสมัคร กล่าวว่า รัฐมนตรี ของพรรคพลังประชาชนไม่เจอกันนาน เลยนัดกินข้าวกัน เมื่อถามว่า คุยกันเรื่องอะไร นายสมัคร กล่าวสั้นๆว่า คุยกันเรื่องงาน เมื่อถามว่า ไปทานกันที่ไหน บ้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทยใช่หรือไม่ นายสมัคร แสดงสีหน้าแปลกใจพร้อมกับกล่าวว่า “ทำไมรู้ล่ะ”

เฉลิมปากดีรับดีเบตแต่ตั้งเงื่อนไข

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวว่า อยากให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ มาแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งตนยินดีที่จะแสดงความคิดเห็นด้วย แต่จะไม่เป็นลักษณะเปิดเวทีดีเบต ควรแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อ นั่งกันคนละมุม ให้คนละ 20 หรือ 30 นาที และต้องเป็นเรื่องรัฐธรรมนูญเท่านั้น เรื่องอื่นไม่เอาด้วย
“ผมอยากแสดงความคิดเห็นกับคุณสนธิ หรือใครก็ได้ที่คุณสนธิส่งมา คุณสนธิอย่าไปใช้อารมณ์ ไม่ยิ้มเลย โกรธกันมาตั้งแต่เมื่อไร”
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่ากำลังเก็บข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเสนอต่อศาลจังหวัดเชียงรายให้ยกคำร้องการถอนการปล่อยตัวชั่วคราวนายสนธิ หลังจากการยื่นฟ้องครั้งแรกศาลไม่รับฟ้อง ถ้านายสนธิ พูดจาพาดพิงบ่อยๆ ก็สามารถเอาข้อมูลไปยื่นศาลใหม่ได้
ร.ต.อ.เฉลิม ยังปฎิเสธว่าไม่ได้เชิญรัฐมนตรีของพรรคพลังประชาชนไปรับประทานอาหารที่บ้านริมคลองของตนเอง แต่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นคนเชิญ ซึ่งก็มาคุยกันในฐานะรัฐมนตรีของพรรคพลังประชาชน ไม่มีนัยสำคัญอะไร แต่ถ้ามีก็ไม่ให้ใครรู้

ยันไม่จับกุม 5 แกนนำ

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่รอง ผบ.ตร.(มค.1) พร้อมด้วย พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษกนครบาล พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก. ในฐานะรองโฆษก ตร.ร่วมประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
โดย พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า จากการประเมินเบื้องต้นรับรายงานว่าจะมีการยุติการชุมนุมในช่วงเช้าวันที่ 28 พ.ค. แต่มีการเปลี่ยนแปลงไม่ยุติการชุมนุม ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการจับกุมแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน และจะมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉินนั้น ตนขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรจะมีการชุมนุมใหญ่ในวันศุกร์ ที่ 30 พ.ค.นี้ พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า ทราบว่าจะมีผู้ชุมนุมมาเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่ได้รับรายงานการเคลื่อนขบวน ซึ่งส่วนนี้จะได้ประสานแกนนำอีกครั้ง แต่หากมีการเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมนั้นจะทำให้ตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยได้อย่างลำบากและอาจเป็นโอกาสที่ผู้ไม่หวังดีหรือมือที่ 3 จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายได้ แต่หากจะมีการเคลื่อนขบวนไปยังสถานที่ที่
เหมาะสมตำรวจก็ยินดี

ตร.โหมกระจายข่าวขรก.แจ้งจับพันธมิตรฯ

เวลา 15.30 น. ที่สน.ดุสิต นายบำเหน็จ ทิพย์อักษร อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 ต.ทรัพย์พระยา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคคลากรทางการศึกษา(สกสค.)กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมข้าราชการประมาณ 10 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.เอกพล ทวิชวงศ์ชัยกุล พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ดุสิต เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ทางตำรวจ ประสานงานให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ย้ายการชุมนุมจากบนถนนราชดำเนิน ให้ไปอยู่ที่อื่น เนื่องจาก ข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ นายบำเหน็จ ได้นำรายชื่อข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการที่ได้รับผลกระทบต่อการปิดถนนของกลุ่มพันธมิตรฯ จำนวน 143 คน มามอบให้

พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน

ด้าน พ.ต.ท.เอกพล กล่าวว่า เบื้องต้น ได้รับแจ้งความ และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว จากนั้น จะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชา ให้เป็นผู้พิจารณาต่อไป
เป็นที่น่าสังเกตว่า ในคดีที่นายบำเหน็จ นำข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.ดุสิต นั้น ทางศูนย์วิทยุกรุงเทพ ของมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง ศูนย์วิทยุพระนคร ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และสูนย์วิทยุพระราม 9 ได้ออกวิทยุสื่อสาร แจ้งให้สื่อมวลชนทราบว่า "ศูนย์วิทยุ ได้รับแจ้งจากพ.ต.ท.พิพัฒน์ บุญพิทักษ์ สว.ฝอ.บก. อก.บช.น. หรือสารวัตรประชาสัมพันธ์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) แจ้งว่า เวลา 15.30 น. จะมีตัวแทนจากข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้รับผลกระทบด้านการจราจรจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เข้าแจ้งความที่สน.ดุสิต หากสื่อมวลชนใด ไม่ติดว.29 (ไม่ติดราชการ หรืองานอื่น) และต้องการว.8 (รายละเอียด)ให้เดินทางไปที่ สน.ดุสิตในเวลานี้" ทั้งนี้ ข้อความดังกล่าว ได้ออกวิทยุสื่อสารแจ้งต่อสื่อมวลชนแขนงต่างๆถึง 2 รอบ
มีรายงานจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลแจ้งว่า การออกวิทยุสื่อสารให้สื่อมวลชนไปทำข่าวที่สน.ดุสิตในครั้งนี้ ทางพ.ต.ท.พิพัฒน์ ได้รับคำสั่งมาจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้ดำเนินการอีกชั้นหนึ่ง อีกทั้งการแจ้งทางวิทยุสื่อสารดังกล่าว ได้แจ้งก่อนเวลาที่นายบำเหน็จ จะเดินทางไปแจ้งความด้วย ซึ่งตามปกติ แผนกประชาสัมพันธ์ของบช.น. จะออกวิทยุสื่อสารแจ้งสื่อมวลชนต่อกรณีที่"นาย"จะแถลงข่าว หรือออกตรวจตราสถานที่ต่างๆ ยังไม่เคยปรากฏว่า แผนกประชาสัมพันธ์บช.น. จะออกวิทยุสื่อสารในลักษณะที่เกิดขึ้นว่า ใครจะไปแจ้งความในเวลานั้นเวลานี้เป็นต้น

ตจว.เคลื่อนสมทบชุมนุมใหญ่ศุกร์นี้

วานนี้ (28 พ.ค.) ที่สำนักงานยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ต เลขที่ 28 หมู่บ้านนิมิตซอย 1 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต กลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินภูเก็ตได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3/2550 เรื่อง "การเข้าร่วมชุมนุมใหญ่กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ส่วนกลาง
โดยแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวระบุว่า จากที่พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ประกาศชุมนุมใหญ่อีกครั้งในวันศุกร์ที่ 30 พ.ค.51 นี้ ในนามของพันธมิตรในระดับจังหวัดอย่างเช่น จ.ภูเก็ต เองนั้น มีแนวทางที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นกับการเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ และการจัดเวทีคู่ขนานกับเวทีใหญ่ของพันธมิตรฯ ส่วนกลาง เรามีแนวทางอย่างชัดเจน ในการเข้าร่วมชุมนุมทุกครั้งว่า เราขับเคลื่อนภายใต้ธงแห่ง สันติ อหิงสา หากแต่การที่มีกลุ่มคนที่พยายามจะขัดขวาง ตลอดจนการทำร้ายพี่น้องพันธมิตรฯ อย่างที่เห็นได้จากการเคลื่อนขบวนของพันธมิตรฯ คืนวันที่ 25 พ.ค.51 เป็นต้น ในการชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่จะชุมนุมใหญ่วันที่ 30 พ.ค.51 นี้นั้น เรายืนยันที่จะเข้าร่วมชุมนุมกับ พันธมิตรฯ ส่วนกลาง

พันธมิตรสงขลาฯจะมากว่าหมื่น

นายสุมิตร นวลมณี แกนนำพันธมิตรสงขลาเพื่อประชา-ธิปไตย เปิดเผยว่า ในส่วนของพันธมิตรสงขลาตั้งแต่ช่วงเช้ามีประชา-ชนมาลงชื่อกว่า 50 คน และเป็นที่น่ายินดีที่พี่น้องชาวประมงทั่วภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดประจวบครีขันธ์จนถึงจังหวัดนราธิวาสที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจทุกวันนี้โดยเฉพาะเรื่องราคาน้ำมันแพง สมาคมประมงจังหวัดนครศรีธรรมราชกำลังรวมตัวกันคาดว่าประมาณร่วม 10,000 คน เพื่อไปร่วมชุมนุมกับพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วย

เหนือระดมคนร่วมชุมนุมใหญ่

ที่ จ.เชียงใหม่ เครือข่ายพันธมิตรประชาชนภาคเหนือ ได้แถลงข่าวแสดงจุดยืนการร่วมเคลื่อนไหวร่วมกับพันธมิตรฯ ที่กรุงเทพฯ เพื่อคัดค้านความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายเฉลิมพล แซมเพชร ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนภาคเหนือ กล่าวว่า ทางเครือข่ายสนับสนุนการชุมนุมของพันธมิตรฯโดยในการนัดชุมนุมใหญ่ที่กรุงเทพฯ ในวันศุกร์นี้จะมีการระดมสมาชิกเครือข่ายเข้าร่วมการชุมนุมด้วย ซึ่งจะพยายามระดมคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ขณะเดียวกันจะมีระดมเงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการชุมนุมในครั้งนี้ด้วย โดยตั้งเป้าระดมเงินบริจาคให้ได้ 300,000 บาท ภายในวันศุกร์นี้ ซึ่งเบื้องต้นสามารถระดม
เงินได้แล้ว 100,000 บาท และโอนเข้าบัญชีของ ASTV ไปแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น