ณ พ.ศ. นี้ ประเทศไทย มีความทุกข์ อย่างน้อย 4 ประการ
1. ปรากฏหลักฐานทำให้เชื่อได้ว่า มีกระบวนการจ้องทำลายสถาบันสูงสุด ที่คนไทยเคารพรัก โดยมีการปล่อยข่าว การแสดงออกถึงความไม่เคารพ และถึงขั้นโจมตี ใส่ร้าย ซึ่งหากประมวลเอกสารหลักฐานจากบุคคลหลายบุคคลที่ได้มีพฤติการณ์ร่วมในลักษณะหมิ่นเหม่ จาบจ้วง ในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกัน พบดังนี้
(1) บทความ “รู้ทันราชวงศ์จักรี” ตีพิมพ์ในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง มีเนื้อหาโจมตีกษัตริย์ในราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ ด้วยเทคนิคการเขียนเรียบง่าย สุภาพ ร้อยเรียงและเดินเรื่องเสมือนเป็นผลงานวิชาการที่ดูน่าเชื่อถือ
หากผู้อ่านพลั้งเผลอ อาจคิดคล้อยตามได้ว่าเป็นความจริง เพราะข้อเขียนประกอบไปด้วยข้อมูลบางส่วนที่เป็นความจริง แต่แต่งเสริมเติมต่อด้วยข้อมูลที่สร้างขึ้น ประกอบความเห็นชี้นำ เล่าร้อยเรียงข้อมูล ลำดับเหตุผลให้ดูน่าเชื่อถือ และมีการอ้างอิงนักวิชาการที่มีชื่อเสียงด้านประวัติศาสตร์ของไทย
บทความดังกล่าวยาวหลายสิบหน้า ใช้นามแฝงว่า “รักษ์ธรรม รักษ์ไทย” โดยไม่มีชื่อผู้รับผิดชอบ ไม่มีชื่อจริงของบรรณาธิการ ผู้เขียนและผู้ใด
(2) นิตยสาร “ฟ้าเดียวกัน” ได้ใช้เทคนิคนำรูปที่ดูเหมือนพระมหากษัตริย์บางพระองค์ ประกอบข้อความบางประการที่อาจไม่เหมาะสม ลงในแผ่นปก ทำให้ดูคล้ายฉลากปิดขวดเหล้าฝรั่งยี่ห้อหนึ่ง และอีกภาพให้ดูเหมือนฉลากปิดกระป๋องน้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่ง
ภายในนิตยสาร ยังมีการลงภาพและข้อความที่ชี้ให้คนเปรียบเทียบระหว่างการตัดต้นไม้เพื่อประกอบในพระราชพิธีกับการที่ชาวบ้านตัดต้นไม้แล้วได้รับโทษ และอีกตอนหนึ่ง ก็เป็นการจงใจเปรียบเทียบระหว่างการนำงบประมาณมาใช้เพื่อพระราชพิธีอันสำคัญกับการนำมาใช้ประโยชน์อื่นเพื่อคนธรรมดาทั่วๆ ไป อาทิ การศึกษา การรักษาพยาบาล เป็นต้น
(3) การแสดงออกถึงการฝ่าฝืนกฎหมาย โดยจงใจไม่ยืนตรง แสดงความเคารพ ในระหว่างการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ ทั้งยังมีขบวนการรณรงค์ว่า “ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากรรม คิดต่างไม่ใช่อาชญากร” อันเป็นการเล่นคำเพื่อกลบเกลื่อนประเด็นการกระทำผิดกฎหมาย และยังมีการตั้งกระทู้ในเว็บไซด์ เพื่อให้คนเข้าไปแสดงความชื่นชมผู้กระทำการดังกล่าว
(4) การนำสารคดีข่าวและภาพเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงล้มเลิกสถาบันกษัตริย์ของประเทศเนปาล ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ในวันจักรี อันเป็นวันสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย อย่างจงใจ
(5) นายจักรภพ เพ็ญแข ไปพูดกับคนไทยที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2550 ปาฐกถา เรื่อง “การเมืองไทยหลังเลือกตั้ง” ตวามตอนหนึ่ง กล่าวว่า
“คุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ผมทำงานด้วย ไม่อยากจะวิจารณ์ผู้บังคับบัญชาเลย แต่นี่มันบ้านเมืองใหญ่กว่า ความรู้สึกส่วนตัว คุณสุรเกียรติ์อยู่ได้ จนถึงนาทีสุดท้าย เพราะอะไร อยู่เพื่อจะกระซิบคุณทักษิณที่นิวยอร์กว่า อย่าไปสู้เลย รัฐประหารครั้งนี้เนี่ย สูงมาก ซึ่งเป็นผลให้คุณทักษิณตัดสินใจไม่ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น เพราะอยากเห็นความสมานฉันท์ในบ้านเมือง ผมนะเสียใจมาก ถ้ารู้ว่ารับมืออยู่กับโจรเนี่ย เชียร์ให้ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นไปซะนานแล้ว ทางนี้จะได้กลายเป็นเถื่อนไปให้หมด ทางนี้หมายถึงที่กรุงเทพฯนะ ไม่ว่าจะฤาษีเลี้ยงเต่าหรือเต่าควายอะไรทั้งหลายนั่นหนะ เถื่อนทั้งนั้น .เถื่อนทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นเนี่ย มันมีเหตุผลที่จะต้องตัดสินใจยามคับขัน ผมเห็นใจท่านนายกฯ ตอนนั้นผมอยู่ที่กรุงเทพฯ นะครับ ท่านนายกฯอยู่นิวยอร์ก ผมไม่ได้ไปด้วย เพราะว่าเราเริ่มได้กลิ่นอะไรไม่ค่อยดีกัน
ทีนี้ มาตรงนี้ ในเมื่อเข้าซอยตรงนี้ ก็เล่าตรงนี้ว่า ทำไมไม่สู้ กำลังก็มี เตรียมไว้แล้วด้วย
ก็ตอบสั้นๆ เท่านั้นล่ะครับ แล้วขอตอบประโยคเดียว ใครถามก็จะร้องเพลงให้ฟังแทน ไม่ตอบเพิ่ม ว่า ..เหตุที่ ไม่สู้ ก็เพราะว่า เราเตรียมกำลังไว้สู้กับคุณเปรมเท่านั้นถ้าเป็นเฉพาะคุณเปรมนั่นเหรอ ก็จบเกมไปนานแล้ว
เพราะว่าดูหนังจีนเรื่องเดียวกันรู้ว่าจะจัดการกับนางพญาผมขาวอย่างไร ดูเหมือนกันหนังเรื่องนี้ รู้วิธีครับ ขันทีก็ได้รู้ว่าเก็บถ้วยที่เก็บของสำคัญไว้ตรงไหน ขันทีนี่ เขาต้องตัดของสำคัญแล้วเก็บใส่ถ้วยไว้ แล้วเวลาเปลี่ยนขันทีในจีนนี่ ต้องเอาอวัยวะเนี่ยมา แต่ใส่ในภาชนะนะฮะ แล้วเอาไว้บนหัว แล้วก็เดินออกมา
ท่านต้องดูหนังเดอะลาสต์เอ็มเปอเรอร์ (The Last Emperor) ที่ว่าด้วย ที่เดอะลอร์ด (The Lord) ปู้ยี หรือ ปูยี กษัตริย์องค์สุดท้ายของจีน ก่อนจะปฏิวัติเป็นสาธารณะ ขันทีเดิน (เสียงขาดหาย) เดิน (เสียงขาดหาย) ผมตั้งใจจะไม่พูดภาษาที่มันชัดเจนเกินไป กรุณาอย่าขึ้นภาพประกอบนะฮะ เขาทำอย่างนั้นแล้วก็เดินออกไป ก็รู้วิธีจัดการ เพียงแต่ว่า เมืองไทยมันซับซ้อนกว่านั้น เพราะฉะนั้นนี่ คุณทักษิณก็เลยบินจากนิวยอร์ก ไปลอนดอน
ถ้าจะว่าไป ก็คือ ทำงานมากเกินไปด้วย ชั่วโมงงานเลยยาว ในขณะที่ช่วงเวลาแห่งการเอาใจสั้น นายกฯ เมืองไทย ต้องทำงาน 2 ใน 3 แล้วก็ประจบอีก 1 ใน 3 จะไปได้ดี ผมได้สูตรนั้นแล้ว แต่ถ้าหากว่าประจบ 2 ใน 3 แล้วทำงาน 1 ใน 3 ก็อาจจะเป็น มหาบุรุษ ไม่ใช่นายกฯ เฉยๆ...”
คำถามที่คาใจ คือ นายจักรภพ เพ็ญแข ผู้แสดงตนว่ารักใคร่ชอบพอกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระทั่งเคยเป็นแกนนำ นปก. บุกถล่มบ้าน พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษมาแล้ว ปาฐกถาด้วยข้อความเช่นนี้ได้อย่างไร มีเจตนาจะสื่อความหมายอะไร
ข้อสงสัยประการแรก การพูดว่า “รัฐประหารครั้งนี้เนี่ยสูงมาก” กับ “ถ้ารู้ว่ารับมืออยู่กับโจรเนี่ย” กับ “ถ้าเป็นเฉพาะคุณเปรมนั่นเหรอจบเกมไปนานแล้ว”
คำว่า “สูงมาก” กับ “โจร” นายจักรภพหมายถึงใคร? หรืออะไร?
และที่ไม่ใช่เฉพาะ “คุณเปรม” จะหมายถึงหรือเข้าใจว่า “สูงกว่าคุณเปรม” ด้วยหรือไม่ เพราะเป็นการพูดต่อเนื่องกัน
ข้อสงสัยประการต่อมา การพูดว่า นายกฯ เมืองไทยต้องประจบ นายจักรภพต้องการจะสื่อความหมายอะไร ที่ว่า “ประจบ” หมายความว่า “ประจบใคร” ? และที่บอกว่า “ถ้าหากว่าประจบ 2 ใน 3 ทำงาน 1 ใน 3 ก็อาจจะเป็นมหาบุรุษ ไม่ใช่นายกฯ เฉยๆ” นายจักรภพหมายถึงพลเอกเปรมที่ได้เป็น “รัฐบุรุษ” ใช่หรือไม่ ?
นี่เป็นแค่ตัวอย่างประเด็นความข้องใจของคนที่เคารพเทิดทูนสถาบันสูงสุด และยิ่งกว่านั้น นายจักรภพยังได้ไปพูดที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศอย่างไม่บังควรอีกครั้งหนึ่งด้วย
คำพูดของนายจักรภพ สะท้อนทัศนคติ ท่าที เจตนาและความมุ่งหมาย อันเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเรียงร้อยเรื่องราวให้เห็นเด่นชัดว่า ขณะนี้ กำลังเกิดขบวนการอะไร อย่างไร ต่อสถาบันสูงสุด
2. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่ง นำโดย ส.ส.พรรคพลังประชาชน และ ส.ว.บางคน ได้เข้าชื่อเสนอญัตติซึ่งอ้างว่าขอแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย พ.ศ.2550 แต่เมื่อพิจารณาเนื้อหาและรายละเอียดแล้ว ปรากฏว่า เหมือนกันกับเนื้อหาที่นายเหวง โตจิราการ และกลุ่ม นปก. เคยล่ารายชื่อ 50,000 คน ขอแก้ไข และเหมือนกันกับที่ฝ่ายกฎหมายของพรรคพลังประชาชนเป็นผู้จัดทำ กล่าวคือ
(1) เป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 ทั้งฉบับ แล้วนำเอารัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ โดยปรับแก้ในบางมาตรา การดำเนินการดังกล่าว แทบไม่ต่างกับการรัฐประหาร ยึดอำนาจ ล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แล้วนำรัฐธรรมนูญที่เอื้อให้คนของตนได้ผูกขาดอำนาจรัฐ โดยไม่แยแสต่อการที่ประชาชนเสียงข้างมากได้แสดงเจตจำนงในการลงประชามติ “เห็นชอบ” กับรัฐธรรมนูญ 2550 ถึง 14 ล้าน 7 แสนคน
และยังเป็นการละเว้น ไม่นำพาต่อพระบรมราชโองการฯ ที่สำคัญ 2 ตอน คือ
ตอนแรก ความว่า “ทรงพระราชดําริวา สมควรพระราชทานพระบรมราชานุมัติตามมติของมหาชน…”
อีกตอน ความว่า “จงมีความสมัครสโมสรเปนเอกฉันท ในอันที่จะปฏิบัติตามและพิทักษรักษารัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทยนี้”
(2) เป็นการฉีกรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อให้พรรคการเมืองของตน และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวก ไม่ต้องรับความผิดจากคดีที่อาจต้องถูกยุบพรรค และห้ามทำงานการเมือง 5 ปี กับตัดตอนกระบวนการยุติธรรมที่กำลังตรวจสอบการกระทำของระบอบทักษิณที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ
(3) การไประบุในบทเฉพาะกาลตามญัตติที่ขอแก้ไขเพิ่มเติมที่ให้ยกเลิกประกาศ คำสั่ง กฎ หรือการกระทำใดของ คมช. ซึ่งจะมีผลให้เลิกล้มองค์กรและกระทบกระเทือนต่อสถาบันสำคัญ เช่น
- การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ และการตรากฎหมายของ สนช. จะเป็นอันขัดต่อรัฐธรรมนูญใหม่ และโมฆะไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น คตส. ปปช. คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ผู้ว่า สตง. กกต. และคำวินิจฉัยของหน่วยงานต่างๆ ข้างต้น จะเป็นโมฆะ และเลิกล้ม
- ผู้ที่ถูกคณะตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดให้ยุติบทบาททางการเมือง จำนวน 111 คน จะกลับเข้ามามีบทบาท ทำลายการเมืองต่อไปได้
- การตรวจสอบของ คตส. และ ปปช. ที่ส่งดำเนินคดีต่อศาลยุติธรรม รวมทั้งผลคำวินิจฉัยของ กกต. เรื่องโกงการเลือกตั้ง จะใช้ไม่ได้อีกต่อไป
ที่สำคัญ การผูกขาดอำนาจรัฐที่กลุ่มบุคคลที่อาศัยเงินตราเป็นบารมี จะสามารถผูกขาดอำนาจรัฐ วุฒิสภาจะเป็นสภาผัวเมีย สภาหมอนข้าง สภาตรายาง การแทรกแซงองค์กรอิสระในการสรรหาแต่งตั้งจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
3. ขณะนี้ บ้านเมืองมีทุกข์ด้านเศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง
- เกิดภาวะ “ข้าวยากหมากแพง” ข้าวของทยอยขึ้นราคา ก่อให้เกิดความทุกข์ยาก โดยเฉพาะกับบรรดาผู้มีรายได้น้อย กินเงินเดือนค่าจ้างประจำ ในขณะที่ผู้มีเงินออมเกิดความท้อแท้ใจที่จะออมเงิน เพราะออมไปค่าเงินก็เล็กลง เนื่องจากข้าวของแพงขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ได้รับไม่คุ้มค่า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนและพัฒนาประเทศระยะยาว
- เกิดภาวะ “ราคาน้ำมัน ราคาพลังงานแพง” เป็นประวัติการณ์ ส่งผลกระทบต่อการขนส่ง การคมนาคม การทำมาหากิน การเดินทางไปทำงาน การไปมาหาสู่ ความสัมพันธ์เครือญาติที่อยู่คนห่างไกลกันก็พลอยได้รับผลกระทบ
-ประชาชนคนไทยและสังคมโลก ไม่เชื่อมั่นฝีมือการบริหารประเทศของรัฐบาลสมัคร เพราะขาดผู้มีความรู้ความสามารถมาบริหารนโยบายการคลังการเงิน แม้การบริหารการพาณิชย์และการศึกษาก็ยังอ่อนด้อยซึ่งประสบการณ์และความรู้พื้นฐาน
นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาล ก็ใส่ใจแต่การชิมไปบ่นไป ไปตรวจราชการ ไปเยี่ยมประเทศเพื่อนบ้านก็สนใจในเรื่องการชิมการกินอาหาร และมีพฤติกรรมด่าทอต่อว่าสื่อสารมวลชนอย่างเสียๆ หายๆ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย อ่อนด้อยวุฒิภาวะ มุ่งเน้นการโต้วาทีเพื่อเอาชนะคะคานมากกว่ามุ่งประสานการทำงานและเคารพสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น
ล่าสุด ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ปรากฏว่า ประชาชนต้องการให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีเป็นอันดับแรก และให้เปลี่ยนแปลงรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายจักรภพ เพ็ญแข และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ตามลำดับ
4. บ้านเมืองกำลังมีปัญหาด้านความมั่นคงและสังคม
ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังไม่ได้รับการแก้ไข อีกทั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึงนายกรัฐมนตรีที่ควบรัฐมนตรีกลาโหม ก็ไม่แสดงความเอาใจใส่ ที่จะลงไปแก้ปัญหาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เอาจริงเอาจัง
ปัจจุบัน ในสังคมทั่วไป กลับปรากฏว่า มีคดีอาชญากรรม ความรุนแรง การทำร้ายร่างกาย การปล้นชิงทรัพย์ ปล้นร้านทอง ลักขโมยและทำลายทรัพย์สินสาธารณะ รวมไปถึงปัญหาความเสื่อมโทรมทางค่านิยม จิตใจ และพฤติกรรมของเยาวชนก็ไม่ได้รับการดูแลแก้ไขอย่างเข้าใจ ส่วนไสยศาสตร์ หมอดู การพนันและการเสี่ยงโชค กลับเฟื่องฟู คนทำดีถูกเหยียบย่ำ คนที่มีข้อครหาในสังคมกลับก้าวหน้า ได้ผลประโยชน์ สังคมเสื่อมถอย
น่าหดหู่ใจยิ่งนัก..
บ้านเมืองกำลังมีทุกข์ มีทั้งปัญหาเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง ล้วนแต่กระทบชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศอย่างหนักหน่วง แต่รัฐบาลและผู้แทนประชาชน ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน บำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาราษฎรชาวไทย กลับละเลยและไม่แสดงฝีมือในการแก้ปัญหา ละเว้นไม่ดำเนินการตรวจสอบเอาผิดกับขบวนการล่วงละเมิดล้มล้างสถาบันสูงสุด แต่กลับใช้เวลา ใช้โอกาส ใช้อำนาจที่ได้มาจากประชาชน มุ่งนำไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉีกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เพื่อให้ตนเองและพรรคพวกพ้องรอดพ้นความผิดจากกระบวนการยุติธรรมที่กำลังทำงานอยู่
บัดนี้ ประชาชนจึงไม่สามารถไว้วางใจให้รัฐบาลชุดนี้อยู่ในอำนาจบริหารราชการแผ่นดินได้อีกต่อไป
1. ปรากฏหลักฐานทำให้เชื่อได้ว่า มีกระบวนการจ้องทำลายสถาบันสูงสุด ที่คนไทยเคารพรัก โดยมีการปล่อยข่าว การแสดงออกถึงความไม่เคารพ และถึงขั้นโจมตี ใส่ร้าย ซึ่งหากประมวลเอกสารหลักฐานจากบุคคลหลายบุคคลที่ได้มีพฤติการณ์ร่วมในลักษณะหมิ่นเหม่ จาบจ้วง ในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกัน พบดังนี้
(1) บทความ “รู้ทันราชวงศ์จักรี” ตีพิมพ์ในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง มีเนื้อหาโจมตีกษัตริย์ในราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ ด้วยเทคนิคการเขียนเรียบง่าย สุภาพ ร้อยเรียงและเดินเรื่องเสมือนเป็นผลงานวิชาการที่ดูน่าเชื่อถือ
หากผู้อ่านพลั้งเผลอ อาจคิดคล้อยตามได้ว่าเป็นความจริง เพราะข้อเขียนประกอบไปด้วยข้อมูลบางส่วนที่เป็นความจริง แต่แต่งเสริมเติมต่อด้วยข้อมูลที่สร้างขึ้น ประกอบความเห็นชี้นำ เล่าร้อยเรียงข้อมูล ลำดับเหตุผลให้ดูน่าเชื่อถือ และมีการอ้างอิงนักวิชาการที่มีชื่อเสียงด้านประวัติศาสตร์ของไทย
บทความดังกล่าวยาวหลายสิบหน้า ใช้นามแฝงว่า “รักษ์ธรรม รักษ์ไทย” โดยไม่มีชื่อผู้รับผิดชอบ ไม่มีชื่อจริงของบรรณาธิการ ผู้เขียนและผู้ใด
(2) นิตยสาร “ฟ้าเดียวกัน” ได้ใช้เทคนิคนำรูปที่ดูเหมือนพระมหากษัตริย์บางพระองค์ ประกอบข้อความบางประการที่อาจไม่เหมาะสม ลงในแผ่นปก ทำให้ดูคล้ายฉลากปิดขวดเหล้าฝรั่งยี่ห้อหนึ่ง และอีกภาพให้ดูเหมือนฉลากปิดกระป๋องน้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่ง
ภายในนิตยสาร ยังมีการลงภาพและข้อความที่ชี้ให้คนเปรียบเทียบระหว่างการตัดต้นไม้เพื่อประกอบในพระราชพิธีกับการที่ชาวบ้านตัดต้นไม้แล้วได้รับโทษ และอีกตอนหนึ่ง ก็เป็นการจงใจเปรียบเทียบระหว่างการนำงบประมาณมาใช้เพื่อพระราชพิธีอันสำคัญกับการนำมาใช้ประโยชน์อื่นเพื่อคนธรรมดาทั่วๆ ไป อาทิ การศึกษา การรักษาพยาบาล เป็นต้น
(3) การแสดงออกถึงการฝ่าฝืนกฎหมาย โดยจงใจไม่ยืนตรง แสดงความเคารพ ในระหว่างการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ ทั้งยังมีขบวนการรณรงค์ว่า “ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากรรม คิดต่างไม่ใช่อาชญากร” อันเป็นการเล่นคำเพื่อกลบเกลื่อนประเด็นการกระทำผิดกฎหมาย และยังมีการตั้งกระทู้ในเว็บไซด์ เพื่อให้คนเข้าไปแสดงความชื่นชมผู้กระทำการดังกล่าว
(4) การนำสารคดีข่าวและภาพเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงล้มเลิกสถาบันกษัตริย์ของประเทศเนปาล ออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ในวันจักรี อันเป็นวันสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย อย่างจงใจ
(5) นายจักรภพ เพ็ญแข ไปพูดกับคนไทยที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2550 ปาฐกถา เรื่อง “การเมืองไทยหลังเลือกตั้ง” ตวามตอนหนึ่ง กล่าวว่า
“คุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ผมทำงานด้วย ไม่อยากจะวิจารณ์ผู้บังคับบัญชาเลย แต่นี่มันบ้านเมืองใหญ่กว่า ความรู้สึกส่วนตัว คุณสุรเกียรติ์อยู่ได้ จนถึงนาทีสุดท้าย เพราะอะไร อยู่เพื่อจะกระซิบคุณทักษิณที่นิวยอร์กว่า อย่าไปสู้เลย รัฐประหารครั้งนี้เนี่ย สูงมาก ซึ่งเป็นผลให้คุณทักษิณตัดสินใจไม่ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น เพราะอยากเห็นความสมานฉันท์ในบ้านเมือง ผมนะเสียใจมาก ถ้ารู้ว่ารับมืออยู่กับโจรเนี่ย เชียร์ให้ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นไปซะนานแล้ว ทางนี้จะได้กลายเป็นเถื่อนไปให้หมด ทางนี้หมายถึงที่กรุงเทพฯนะ ไม่ว่าจะฤาษีเลี้ยงเต่าหรือเต่าควายอะไรทั้งหลายนั่นหนะ เถื่อนทั้งนั้น .เถื่อนทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นเนี่ย มันมีเหตุผลที่จะต้องตัดสินใจยามคับขัน ผมเห็นใจท่านนายกฯ ตอนนั้นผมอยู่ที่กรุงเทพฯ นะครับ ท่านนายกฯอยู่นิวยอร์ก ผมไม่ได้ไปด้วย เพราะว่าเราเริ่มได้กลิ่นอะไรไม่ค่อยดีกัน
ทีนี้ มาตรงนี้ ในเมื่อเข้าซอยตรงนี้ ก็เล่าตรงนี้ว่า ทำไมไม่สู้ กำลังก็มี เตรียมไว้แล้วด้วย
ก็ตอบสั้นๆ เท่านั้นล่ะครับ แล้วขอตอบประโยคเดียว ใครถามก็จะร้องเพลงให้ฟังแทน ไม่ตอบเพิ่ม ว่า ..เหตุที่ ไม่สู้ ก็เพราะว่า เราเตรียมกำลังไว้สู้กับคุณเปรมเท่านั้นถ้าเป็นเฉพาะคุณเปรมนั่นเหรอ ก็จบเกมไปนานแล้ว
เพราะว่าดูหนังจีนเรื่องเดียวกันรู้ว่าจะจัดการกับนางพญาผมขาวอย่างไร ดูเหมือนกันหนังเรื่องนี้ รู้วิธีครับ ขันทีก็ได้รู้ว่าเก็บถ้วยที่เก็บของสำคัญไว้ตรงไหน ขันทีนี่ เขาต้องตัดของสำคัญแล้วเก็บใส่ถ้วยไว้ แล้วเวลาเปลี่ยนขันทีในจีนนี่ ต้องเอาอวัยวะเนี่ยมา แต่ใส่ในภาชนะนะฮะ แล้วเอาไว้บนหัว แล้วก็เดินออกมา
ท่านต้องดูหนังเดอะลาสต์เอ็มเปอเรอร์ (The Last Emperor) ที่ว่าด้วย ที่เดอะลอร์ด (The Lord) ปู้ยี หรือ ปูยี กษัตริย์องค์สุดท้ายของจีน ก่อนจะปฏิวัติเป็นสาธารณะ ขันทีเดิน (เสียงขาดหาย) เดิน (เสียงขาดหาย) ผมตั้งใจจะไม่พูดภาษาที่มันชัดเจนเกินไป กรุณาอย่าขึ้นภาพประกอบนะฮะ เขาทำอย่างนั้นแล้วก็เดินออกไป ก็รู้วิธีจัดการ เพียงแต่ว่า เมืองไทยมันซับซ้อนกว่านั้น เพราะฉะนั้นนี่ คุณทักษิณก็เลยบินจากนิวยอร์ก ไปลอนดอน
ถ้าจะว่าไป ก็คือ ทำงานมากเกินไปด้วย ชั่วโมงงานเลยยาว ในขณะที่ช่วงเวลาแห่งการเอาใจสั้น นายกฯ เมืองไทย ต้องทำงาน 2 ใน 3 แล้วก็ประจบอีก 1 ใน 3 จะไปได้ดี ผมได้สูตรนั้นแล้ว แต่ถ้าหากว่าประจบ 2 ใน 3 แล้วทำงาน 1 ใน 3 ก็อาจจะเป็น มหาบุรุษ ไม่ใช่นายกฯ เฉยๆ...”
คำถามที่คาใจ คือ นายจักรภพ เพ็ญแข ผู้แสดงตนว่ารักใคร่ชอบพอกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระทั่งเคยเป็นแกนนำ นปก. บุกถล่มบ้าน พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษมาแล้ว ปาฐกถาด้วยข้อความเช่นนี้ได้อย่างไร มีเจตนาจะสื่อความหมายอะไร
ข้อสงสัยประการแรก การพูดว่า “รัฐประหารครั้งนี้เนี่ยสูงมาก” กับ “ถ้ารู้ว่ารับมืออยู่กับโจรเนี่ย” กับ “ถ้าเป็นเฉพาะคุณเปรมนั่นเหรอจบเกมไปนานแล้ว”
คำว่า “สูงมาก” กับ “โจร” นายจักรภพหมายถึงใคร? หรืออะไร?
และที่ไม่ใช่เฉพาะ “คุณเปรม” จะหมายถึงหรือเข้าใจว่า “สูงกว่าคุณเปรม” ด้วยหรือไม่ เพราะเป็นการพูดต่อเนื่องกัน
ข้อสงสัยประการต่อมา การพูดว่า นายกฯ เมืองไทยต้องประจบ นายจักรภพต้องการจะสื่อความหมายอะไร ที่ว่า “ประจบ” หมายความว่า “ประจบใคร” ? และที่บอกว่า “ถ้าหากว่าประจบ 2 ใน 3 ทำงาน 1 ใน 3 ก็อาจจะเป็นมหาบุรุษ ไม่ใช่นายกฯ เฉยๆ” นายจักรภพหมายถึงพลเอกเปรมที่ได้เป็น “รัฐบุรุษ” ใช่หรือไม่ ?
นี่เป็นแค่ตัวอย่างประเด็นความข้องใจของคนที่เคารพเทิดทูนสถาบันสูงสุด และยิ่งกว่านั้น นายจักรภพยังได้ไปพูดที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศอย่างไม่บังควรอีกครั้งหนึ่งด้วย
คำพูดของนายจักรภพ สะท้อนทัศนคติ ท่าที เจตนาและความมุ่งหมาย อันเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเรียงร้อยเรื่องราวให้เห็นเด่นชัดว่า ขณะนี้ กำลังเกิดขบวนการอะไร อย่างไร ต่อสถาบันสูงสุด
2. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนหนึ่ง นำโดย ส.ส.พรรคพลังประชาชน และ ส.ว.บางคน ได้เข้าชื่อเสนอญัตติซึ่งอ้างว่าขอแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย พ.ศ.2550 แต่เมื่อพิจารณาเนื้อหาและรายละเอียดแล้ว ปรากฏว่า เหมือนกันกับเนื้อหาที่นายเหวง โตจิราการ และกลุ่ม นปก. เคยล่ารายชื่อ 50,000 คน ขอแก้ไข และเหมือนกันกับที่ฝ่ายกฎหมายของพรรคพลังประชาชนเป็นผู้จัดทำ กล่าวคือ
(1) เป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 ทั้งฉบับ แล้วนำเอารัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้ โดยปรับแก้ในบางมาตรา การดำเนินการดังกล่าว แทบไม่ต่างกับการรัฐประหาร ยึดอำนาจ ล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แล้วนำรัฐธรรมนูญที่เอื้อให้คนของตนได้ผูกขาดอำนาจรัฐ โดยไม่แยแสต่อการที่ประชาชนเสียงข้างมากได้แสดงเจตจำนงในการลงประชามติ “เห็นชอบ” กับรัฐธรรมนูญ 2550 ถึง 14 ล้าน 7 แสนคน
และยังเป็นการละเว้น ไม่นำพาต่อพระบรมราชโองการฯ ที่สำคัญ 2 ตอน คือ
ตอนแรก ความว่า “ทรงพระราชดําริวา สมควรพระราชทานพระบรมราชานุมัติตามมติของมหาชน…”
อีกตอน ความว่า “จงมีความสมัครสโมสรเปนเอกฉันท ในอันที่จะปฏิบัติตามและพิทักษรักษารัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทยนี้”
(2) เป็นการฉีกรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อให้พรรคการเมืองของตน และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวก ไม่ต้องรับความผิดจากคดีที่อาจต้องถูกยุบพรรค และห้ามทำงานการเมือง 5 ปี กับตัดตอนกระบวนการยุติธรรมที่กำลังตรวจสอบการกระทำของระบอบทักษิณที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ
(3) การไประบุในบทเฉพาะกาลตามญัตติที่ขอแก้ไขเพิ่มเติมที่ให้ยกเลิกประกาศ คำสั่ง กฎ หรือการกระทำใดของ คมช. ซึ่งจะมีผลให้เลิกล้มองค์กรและกระทบกระเทือนต่อสถาบันสำคัญ เช่น
- การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ และการตรากฎหมายของ สนช. จะเป็นอันขัดต่อรัฐธรรมนูญใหม่ และโมฆะไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น คตส. ปปช. คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ผู้ว่า สตง. กกต. และคำวินิจฉัยของหน่วยงานต่างๆ ข้างต้น จะเป็นโมฆะ และเลิกล้ม
- ผู้ที่ถูกคณะตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดให้ยุติบทบาททางการเมือง จำนวน 111 คน จะกลับเข้ามามีบทบาท ทำลายการเมืองต่อไปได้
- การตรวจสอบของ คตส. และ ปปช. ที่ส่งดำเนินคดีต่อศาลยุติธรรม รวมทั้งผลคำวินิจฉัยของ กกต. เรื่องโกงการเลือกตั้ง จะใช้ไม่ได้อีกต่อไป
ที่สำคัญ การผูกขาดอำนาจรัฐที่กลุ่มบุคคลที่อาศัยเงินตราเป็นบารมี จะสามารถผูกขาดอำนาจรัฐ วุฒิสภาจะเป็นสภาผัวเมีย สภาหมอนข้าง สภาตรายาง การแทรกแซงองค์กรอิสระในการสรรหาแต่งตั้งจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
3. ขณะนี้ บ้านเมืองมีทุกข์ด้านเศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง
- เกิดภาวะ “ข้าวยากหมากแพง” ข้าวของทยอยขึ้นราคา ก่อให้เกิดความทุกข์ยาก โดยเฉพาะกับบรรดาผู้มีรายได้น้อย กินเงินเดือนค่าจ้างประจำ ในขณะที่ผู้มีเงินออมเกิดความท้อแท้ใจที่จะออมเงิน เพราะออมไปค่าเงินก็เล็กลง เนื่องจากข้าวของแพงขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ได้รับไม่คุ้มค่า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนและพัฒนาประเทศระยะยาว
- เกิดภาวะ “ราคาน้ำมัน ราคาพลังงานแพง” เป็นประวัติการณ์ ส่งผลกระทบต่อการขนส่ง การคมนาคม การทำมาหากิน การเดินทางไปทำงาน การไปมาหาสู่ ความสัมพันธ์เครือญาติที่อยู่คนห่างไกลกันก็พลอยได้รับผลกระทบ
-ประชาชนคนไทยและสังคมโลก ไม่เชื่อมั่นฝีมือการบริหารประเทศของรัฐบาลสมัคร เพราะขาดผู้มีความรู้ความสามารถมาบริหารนโยบายการคลังการเงิน แม้การบริหารการพาณิชย์และการศึกษาก็ยังอ่อนด้อยซึ่งประสบการณ์และความรู้พื้นฐาน
นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาล ก็ใส่ใจแต่การชิมไปบ่นไป ไปตรวจราชการ ไปเยี่ยมประเทศเพื่อนบ้านก็สนใจในเรื่องการชิมการกินอาหาร และมีพฤติกรรมด่าทอต่อว่าสื่อสารมวลชนอย่างเสียๆ หายๆ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย อ่อนด้อยวุฒิภาวะ มุ่งเน้นการโต้วาทีเพื่อเอาชนะคะคานมากกว่ามุ่งประสานการทำงานและเคารพสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น
ล่าสุด ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ปรากฏว่า ประชาชนต้องการให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีเป็นอันดับแรก และให้เปลี่ยนแปลงรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นายจักรภพ เพ็ญแข และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ตามลำดับ
4. บ้านเมืองกำลังมีปัญหาด้านความมั่นคงและสังคม
ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังไม่ได้รับการแก้ไข อีกทั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึงนายกรัฐมนตรีที่ควบรัฐมนตรีกลาโหม ก็ไม่แสดงความเอาใจใส่ ที่จะลงไปแก้ปัญหาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เอาจริงเอาจัง
ปัจจุบัน ในสังคมทั่วไป กลับปรากฏว่า มีคดีอาชญากรรม ความรุนแรง การทำร้ายร่างกาย การปล้นชิงทรัพย์ ปล้นร้านทอง ลักขโมยและทำลายทรัพย์สินสาธารณะ รวมไปถึงปัญหาความเสื่อมโทรมทางค่านิยม จิตใจ และพฤติกรรมของเยาวชนก็ไม่ได้รับการดูแลแก้ไขอย่างเข้าใจ ส่วนไสยศาสตร์ หมอดู การพนันและการเสี่ยงโชค กลับเฟื่องฟู คนทำดีถูกเหยียบย่ำ คนที่มีข้อครหาในสังคมกลับก้าวหน้า ได้ผลประโยชน์ สังคมเสื่อมถอย
น่าหดหู่ใจยิ่งนัก..
บ้านเมืองกำลังมีทุกข์ มีทั้งปัญหาเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง ล้วนแต่กระทบชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศอย่างหนักหน่วง แต่รัฐบาลและผู้แทนประชาชน ผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน บำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาราษฎรชาวไทย กลับละเลยและไม่แสดงฝีมือในการแก้ปัญหา ละเว้นไม่ดำเนินการตรวจสอบเอาผิดกับขบวนการล่วงละเมิดล้มล้างสถาบันสูงสุด แต่กลับใช้เวลา ใช้โอกาส ใช้อำนาจที่ได้มาจากประชาชน มุ่งนำไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉีกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เพื่อให้ตนเองและพรรคพวกพ้องรอดพ้นความผิดจากกระบวนการยุติธรรมที่กำลังทำงานอยู่
บัดนี้ ประชาชนจึงไม่สามารถไว้วางใจให้รัฐบาลชุดนี้อยู่ในอำนาจบริหารราชการแผ่นดินได้อีกต่อไป