xs
xsm
sm
md
lg

“มหาดไทย”ยึดส.ป.ก.นายหัวภูเก็ตปรับเป็นสวนสาธารณะ-จุดชมวิว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต -กระทรวงมหาดไทยหารือร่วมกับจังหวัดภูเก็ต ส.ป.ก.และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นำที่ดินส.ป.ก.4-01 ของนายหัวภูเก็ต ที่ศาลตัดสินสิ้นสุดให้ยึดคืนรัฐ เพราะขาดคุณสมบัติการเป็นเกษตรกร มาฟื้นฟูเป็นสวนสาธารณะ จุดชมวิว สวนพฤกษชาติ ที่คนภูเก็ตได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน

วานนี้( 20 พ.ค.)นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางการพัฒนาพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก.4-01 ของจังหวัดภูเก็ต แปลงที่ศาลฎีกาพิพากษาถึงที่สุด เพื่อนำมาพัฒนาเป็นพื้นที่ที่ประชาชนชาวภูเก็ตใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยมีนายนิรันดร์ กัลยาณมิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายธีรวุฒิ ถาวรพัฒนพงศ์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ร่วมหารือ

ที่ดินส.ป.ก. 4-01 ที่ศาลฎีกาตัดสินถึงที่สุดแล้วมีทั้งหมด 5 ราย จำนวน 11 แปลง เนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ จากที่ส.ป.ก.ยื่นฟ้องทั้งหมด 11 ราย เนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ เมื่อปี 2541 และศาลฎีกาได้ตัดสินเมื่อปลายปี 2550 เนื่องจากผู้ที่ครอบครองที่ดินทั้ง 3 ราย ขาดคุณสมบัติของการเป็นเกษตรกร เพราะมีที่ดินทำกินจำนวนเพียงพอแล้ว และไม่ได้ทำอาชีพเกษตรกรรมแต่เป็นนักธุรกิจ

สำหรับที่ดินส.ป.ก.4-01 ที่จะนำมาพัฒนาในครั้งนี้มีทั้งหมด 3 ราย จำนวน 6 แปลง ประกอบด้วย ที่ส.ป.ก.แปลงของนายบันลือ ตันติวิท (เสียชีวิตแล้ว) เนื้อที่ 69 ไร่กว่า ตั้งอยู่ที่ป่าตองติดริมทะเล ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เป็นพื้นที่ที่มีความสวยงามมาก ขณะนี้มีผู้ที่อ้างการครอบครองที่ดินบางส่วนจำนวน 21 ไร่ ได้ยื่นคัดค้านการตัดสินของศาลฎีกาโดยอ้างมีเอกสารสิทธิส.ค. 1 ซึ่งศาลนัดไต่สวนคดีในวันที่ 28 กรกฎาคม 2551 แต่ขณะนี้ที่ดินดังกล่าวผู้ที่ร้องคัดค้านได้มีการปักป้ายเป็นที่ดินส่วนบุคคล และมีการปรับพื้นที่พร้อมกับนำต้นไม้และต้นปาล์มไปปลูกในขณะนี้

ที่ส.ป.ก.แปลงของนายเจริญ ถาวรว่องวงศ์ (ทายาทตระกูลถาวรว่องวงศ์ ซึ่งมีที่ดินภูเก็ตจำนวนมากและประกอบธุรกิจหลายด้าน) เนื้อที่ 7 ไร่ ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต

ที่ส.ป.ก.4-01 แปลงของนายเจริญ ถาวรว่องวงศ์ เนื้อที่ 1 ไร่ อยู่ติดริมทะเลและอยู่ใกล้กับแปลงเนื้อที่ 7 ไร่ และที่ดินส.ป.ก.ของนายเจริญ ถาวรว่องวงศ์ เนื้อที่ 4 ไร่ ใกล้ๆกับจุดชมวิว ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต

ที่สปก.4-01 แปลงของนายทศพร เทพบุตร (ส.ส.ภูเก็ต) เนื้อที่ 98 ไร่ 1 งาน 0.7 ตารางวา ตั้งอยู่ที่แหลมมุมนอก ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เป็นที่ ที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างสวยงาม

นายธีรวุฒิ ถาวรพัฒนพงศ์ ปฎิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต รายงานต่อที่ประชุมว่า ที่ดินส.ป.ก.ทั้ง 5 ราย ที่ศาลตัดสินถึงที่สุดไปแล้ว ตนได้ทำหนังสือหารือไปยังเลขาธิการส.ป.ก.ตามที่จังหวัดภูเก็ตมีนโยบายที่จะฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ตได้มีมติไม่ให้นำที่ดินดังกล่าวไปจัดสรรให้บุคคลอื่นเข้าไปทำประโยชน์ แต่ให้นำไปทำโครงการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในเขตปฏิรูปที่ดิน เช่น ปลูกไม้ยืนต้น ทำแปลงอนุรักษ์พันธุ์พืช หรือ โครงการอื่นๆ ที่เหมาะสมต่อการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของแต่ละพื้นที่และแต่ละแปลง ซึ่งเลขาธิการส.ป.ก.ได้ตอบหนังสือมาแล้วว่าจะดำเนินการในลักษณะของการทำสวนป่าชุมชน โดยยึดตามแนวพระราชดำรัสป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง โดยมีส.ป.ก.เป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม นายพงศ์โพยม ได้แสดงความเป็นห่วงว่า หากดำเนินการในลักษณะของการทำสวนป่าชุมชนโดยส.ป.ก. เกรงว่าอาจจะล่าช้าในเรื่องของงบประมาณมาดำเนินการ ซึ่งอาจจะทำให้มีการบุกรุกเข้าไปในพื้นที่อีก หากปล่อยพื้นที่ไว้โดยไม่ดำเนินการอะไร เพราะต้องยอมรับว่าภูเก็ตเองก็มีปัญหาเรื่องการบุกรุก เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศที่มีการบุกรุกไปแล้วกว่า 6 ล้านไร่ ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีจำนวนมาก ดังนั้น กระทรวงมหาดไทย จะต้องเร่งดำเนินการ ประกอบกับศาลได้มีการตัดสินคดี ส.ป.ก.4-01 จนถึงที่สุดแล้วจำนวน 5 แปลง จึงต้องการที่จะฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของที่ดินดังกล่าวให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน

ในเบื้องต้นจะดำเนินการ 6 แปลงก่อน ซึ่งได้กำหนดแนวดำเนินการไว้หลายแนวทาง คือ หากเป็นที่แปลงเล็ก สามารถเข้าถึงได้สะดวก อยู่ริมชายหาดก็จะพัฒนาเป็นจุดชมวิว พักผ่อนหย่อนใจ ที่ดินแปลงใหญ่เข้าถึงสะดวกพัฒนาเป็นสวนพฤกษชาติ สวนสาธารณะ ที่ดินแปลงใหญ่เข้าถึงลำบากอยู่ในที่ลึกก็ต้องปลูกป่าเป็นต้น ซึ่งที่ดินแต่ละแปลงจะดำเนินการในลักษณะใดนั้น ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เชิญเลขาธิการส.ป.ก.และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาหารือร่วมกันอีกรอบ เพื่อจัดการฟื้นฟูที่ดินให้เหมาะสมกับพื้นที่และแปลงที่ดิน

ส่วนที่ส.ป.ก.4-01 แปลงของนายบันลือ ตันติวิท ที่มีผู้แย้งสิทธิการครอบครอง ได้มอบหมายให้ผู้ว่าฯปรึกษากับอัยการจะดำเนินการในลักษณะใด ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเมื่อศาลฎีกาตัดสินจนถึงที่สุดแล้ว เหตุใดยังไม่สามารถที่จะเข้าไปทำอะไรกับที่ดินแปลงดังกล่าวได้
กำลังโหลดความคิดเห็น