ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – จังหวัดเชียงใหม่ประชุมร่วมกรรมการสิทธิมนุษยชนกรณีนายทุนขายที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ในอำเภอแม่แตง ให้ชาวต่างด้าวสร้างบ้านอยู่อาศัยรวมกว่า 100 หลังคาเรือน พบมีการนำที่ดินไปใช้ประโยชน์ผิดวัตถุประสงค์ต้องสั่งเพิกถอนสิทธิและให้เจ้าของบ้านย้ายออก แต่เบื้องต้นคงไม่ดำเนินคดีกับชาวต่างด้าวโดยกันตัวเป็นพยานเพื่อเอาผิดกับขวนการที่หลอกลวงให้มาซื้อที่ดิน ขณะเดียวกันจะมีการตั้งคณะทำงานระดับจังหวัดขึ้นมาติดตามและแก้ไขปัญหานี้โดยตรง
จากกรณีมีนายทุนนำที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ในตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่รวมประมาณ 70 ไร่ ขายต่อให้กลุ่มชาวต่างด้าวเพื่อสร้างบ้านอยู่อาศัย ซึ่งปัจจุบันมีบ้านอยู่อาศัยกว่า 100 หลังคาเรือนโดยหลังจากที่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวทราบเรื่องจึงได้มีการเข้าไปดำเนินการ ซึ่งแนวทางเบื้องต้นจะทำการเพิกถอนสิทธิและให้ทำการรื้อถอนบ้านอยู่อาศัยในที่ดินดังกล่าวนั้น
วันนี้(25 เม.ย.51) ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานประชุมหารือติดตามข้อเท็จจริงและหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกับกรรมการสิทธิมนุษยชน สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ และตัวแทนชาวบ้าน
ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวเป็นที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ซึ่งมีการนำไปใช้ประโยชน์ผิดหลักเกณฑ์ ก็จะต้องมีการทำการเพิกถอนสิทธิ โดยกรณีนี้เชื่อว่ามีการทำกันเป็นขบวนการในการหลอกชาวต่างด้าวให้มาซื้อที่ดิน ซึ่งในการดำเนินคดีนั้น จะต้องมีการติดตามเอาผิดดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด อย่างไรก็ตามไม่เห็นด้วยหากจะมีการดำเนินคดีกับชาวต่างด้าวที่ถูกหลอกให้มาซื้อที่ดินกลุ่มนี้ ซึ่งได้ให้ข้อเสนอแนะดังกล่าวกับทางสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ เป็นแนวทางในการดำเนินการส่วนนี้ไปแล้ว
ส่วนนางสุนี ไชยรส กรรมการสิทธิมนุษยชน กล่าววว่า ยอมรับว่าการซื้อขายที่ดิน ส.ป.กง4-01 นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามในส่วนของกรรมการสิทธิมนุษยชนอยากจะขอร้องไม่ให้ดำเนินคดีกับชาวต่างด้าวกลุ่มนี้แล้วให้กันเป็นพยานในการดำเนินการเอาผิดกับขบวนการหลอกขายที่ดิน ขณะเดียวกันอยากให้มีกระบวนการเยียวยาชาวต่างด้าวกลุ่มนี้ในฐานะที่ตกเป็นเหยื่อด้วย ซึ่งหากเป็นไปได้อยากให้มีการอนุญาตให้อยู่ในพื้นที่เดิมได้จนกว่าการแก้ไขปัญหาจะสิ้นสุด
ขณะที่นายวรชัย อุทัยรัตน์ หัวหน้าสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เวลานี้ได้มีการแจ้งเตือนให้เจ้าของที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ทำการปรับสภาพที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิมภายในวันที่ 2 พ.ค.51 หากยังไม่มีการดำเนินการก็จะมีการเสนอเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดเชียงใหม่เห็นชอบให้ทำการเพิกถอนสิทธิต่อไป รวมทั้งคงจะต้องให้ชาวบ้านทำการรื้อถอนบ้านออกไป อย่างไรก็ตามคงจะไม่มีการดำเนินคดีกับชาวบ้านกลุ่มนี้ตามแนวทางที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดได้ให้ไว้
ด้านนางกนกรัฐ อึ้งศรีวงศ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าของที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ที่ถูกพาดพิงว่าขายที่ดินให้แก่ชาวต่างด้าวกลุ่มนี้ ได้ชี้แจงว่า ตนเองมีที่ดิน ส.ป.ก.4-01 อยู่ติดกับชุมชนดังกล่าวประมาณ 8 ไร่ แต่ปฏิเสธว่าไม่เคยทำการซื้อขายที่ดินดังกล่าวให้ชาวต่างด้าวแต่อย่างใด นอกจากนี้ในปี 2548 ก็ได้รับแจ้งจากทางสำนักงานปฏิรูปที่ดินว่าที่ดินของตนเองไม่ได้อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินด้วย และก็ได้ทำหนังสือขอยกเลิกสิทธิดังกล่าวไปแล้ว ดังนั้นจึงขอยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการขายที่ดิน ส.ป.ก.4-01 อย่างที่ตกเป็นข่าว ซึ่งสร้างความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียงให้แก่ตนเองอย่างมาก
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติร่วมกันให้ทางจังหวัดเชียงใหม่ตั้งคณะทำงานที่ประกอบด้วยตัวแทนหน่วยงานและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องขึ้นมาเพื่อติดตามข้อเท็จจริงและดำเนินการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้แล้ว