ราคาน้ำมันพุ่งไม่หยุดทุบสถิติใหม่ ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินปรับลิตรละ 50 สตางค์/ลิตร ขณะที่เอสโซ่ปรับดีเซลลิตรละ 70 สตางค์/ลิต ส่วนน้ำมันดิบทะลุระดับ 129 ดอลลาร์แล้ว ขณะที่ กก.ขนส่งทางบกกลางอนุมัติขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ร้อนอีก 1.50 บาทขยับเป็น 10 บาท มินิบัส 1 บาท รถแอร์ 1 บาทต่อช่วง ส่วน บขส.ให้ขึ้น 3 สต.ต่อ กม.ด้าน บขส.-ขสมก.รอนโยบาย ด้านประมงเมืองคอนเผาเผาเรือประท้วงหน้าปากอ่าวน้ำมันแพง-รัฐบาลไม่เหลี่ยวแล ผู้ว่าฯวิ่งกล่อมรับข้อเสนอหวั่นบานปลาย นายกสมาคมประมงสิชลขีดเส้น 23 พ.ค.ต้องรู้เรื่องไม่เช่นนั้นก่อม็อบเผาอีก 5 ลำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (20 พ.ค.) บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) ได้แจ้งนำประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันวันนี้ (21 พ.ค.) โดยกลุ่มเบนซินขึ้น 50 สตางค์/ลิตร ดีเซล 70 สตางค์/ลิตร ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลของไทยสร้างสถิติใหม่ 36.44 บาท/ลิตร ส่วนเบนซิน 95 ราคา 39.09 บาท/ลิตร เบนซิน 91 เป็น 37.99 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 35.09 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 34.29 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตาม เชลล์ และซัสโก้ ได้ปรับตาม แต่ ปตท.และบางจากขยับตามเฉพาะกลุ่มเบนซิน 50 สตางค์ต่อลิตรส่งผลราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินเท่ากันทุกรายเว้นดีเซลที่ปตท.และบางจากจะต่ำกว่ารายอื่น 1 บาทต่อลิตรโดยคงที่ 35.44 บาทต่อลิตร
เห็น"ดีเซล"40บาท ต่อลิตรแน่ปีนี้
ด้าน พล.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน กล่าวว่า กระทรวงฯได้หาทางทำแนวทางที่จะลดผลกระทบน้ำมันแพง โดยในส่วนของชาวประมง ทาง บมจ.ปตท.พร้อมรับภาระเบื้องต้นในการจัดหาน้ำมันม่วง หรือดีเซลกำมะถันสูงจำหน่ายให้ในราคาถูกกว่าดีเซลหน้าปั๊ม 2 บาท/ลิตร ซึ่งคาดว่าจะมีความต้องการประมาณ 15 ล้านลิตร/เดือน
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้รอเพียงองค์การสะพานปลายืนยันเรื่องการจัดสรรนำน้ำมันม่วงไปจำหน่ายเท่านั้น ส่วนเรือประมงขนาดใหญ่ในขณะนี้ได้ทดลองให้มีการติดตั้งเอ็นจีวีที่ จ.นครศรีธรรมราช อยู่ทางปตท.กำลังเร่งแก้ไขปัญหาการจัดส่งให้
"ที่ประชุม ครม.วานนี้ได้มีการพูดคุยกันเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำมันแพง ซึ่งพูดกันในภาพรวม แต่ รมว.คลังยังไม่ได้หยิบยกเรื่องถังก๊าซเอ็นจีวีเอื้ออาทรที่จะลดราคาลงครึ่งหนึ่งแต่อย่างใด" รมว.พลังงาน กล่าว
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน กล่าวว่า กรณีที่โกลแมนแซ็ก วาณิชธนกิจ ได้วิเคราะห์ว่า ในครึ่งหลังของปีนี้ ราคาน้ำมันดิบจะแตะระดับ 141 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลเป็นจริง ราคาน้ำมันในประเทศไทย ราคาเบนซินจะอยู่ที่ 43-44 บาท/ลิตร และราคาดีเซล จะอยู่ที่ระดับ 40-41 บาท/ลิตร
น้ำมันดิบทะลุระดับ129ดอลลาร์
สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่การซื้อขายระหว่างวันที่ลอนดอนวานนี้(20) ทะลุระดับ 129 ดอลลาร์ ไปทำนิวไฮอีกครั้งที่ 129.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
หลังจากที่ทะยานขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งดังกล่าวแล้ว สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของตลาดไนเม็กซ์แห่งนิวยอร์ก เพื่อการส่งมอบเดือนมิถุนายน ซึ่งซื้อขายกันวานนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนหมดอายุ ก็ได้ถอยกลับลงมา โดยยืนอยู่แถวๆ 129.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเวลาบ่ายๆ ของลอนดอน ซึ่งก็ยังสูงกว่าราคาปิดวันจันทร์(19)อยู่ 2.11 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ของลอนดอน เพื่อการส่งมอบเดือนกรกฎาคม วานนี้ก็พุ่งขึ้นทำนิวไฮเช่นกันที่ 127.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนหวนกลับมาอยู่ที่ 127.41 ดอลลาร์ สูงขึ้นจากตอนปิดวันจันทร์อยู่ 2.35 ดอลลาร์
เทรดเดอร์และนักวิเคราะห์ให้เหตุผลการทะยานขึ้นคราวนี้ไว้หลายประการ อาทิ น้ำมันสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูป ดังเช่น ดิสทิลเลต ที่นำมากลั่นเป็นดีเซลและน้ำมันเตา มีราคาพุ่งลิ่วแรงมาก เนื่องจากมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นทั้งจากจีน, ตะวันออกกลาง, แอฟริกาใต้, และอเมริกาใต้
ทั้งนี้ มีรายงานว่า จีนได้นำเอาน้ำมันสำเร็จรูป 8,312 ตันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ของตน มาใช้ในงานกู้ภัยและบรรเทาทุกข์ผู้ประสบเคราะห์จากแผ่นดินไหว
นอกจากนั้น ยังมีข่าวชาวประมงในฝรั่งเศสที่ประท้วงน้ำมันแพง ได้ปิดกั้นถนนเข้าท่าเรือขนถ่ายน้ำมันขนาดใหญ่, การอ่อนตัวลงอีกของเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินยูโรและเงินเยน, ความหวาดกลัวที่จะเกิดเหตุอันกระทบการขนส่งน้ำมันจากไนจีเรียและอิหร่าน, ตลอดจนท่าทีของโอเปกที่จะไม่ผลิตน้ำมันเพิ่ม
เรื่องที่โอเปกจะไม่ผลิตน้ำมันเพิ่มนั้น ได้ถูกยกเป็นเหตุผลสำคัญในการที่ราคาตลาดโลกยังขยับขึ้นพอสมควรเมื่อวันจันทร์มาแล้ว
วิกเตอร์ ชุม นักวิเคราะห์แห่ง เพอร์วิน แอนด์ เกิร์ตซ์ บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานในสิงคโปร์ ให้ความเห็นว่า ตลาดยังคงคาดหมายว่าราคาจะยังคงสูงไปเรื่อยๆ เพราะซัปพลายอยู่ในสภาพตึงตัว ขณะที่ความต้องการใช้ในทั่วโลกยังคงสดใสมาก
“ความตึงตัวในตลาดยังคงเป็นการให้อำนาจแก่พวกนักลงทุนที่จะขนเอาเงินเข้ามาลงทุนในน้ำมัน ... ดังนั้น (ราคา) จึงน่าจะพุ่งขึ้นทดสอบระดับจิตวิทยุที่ 130 ดอลลาร์ในระยะใกล้” เขากล่าว
ก่อนหน้านี้ ชาคิป เคลิล ประธานโอเปก ชาคิป ออกมาย้ำเมื่อวันจันทร์ว่า แม้ราคาจะทำนิวไฮกันเป็นรายวัน แต่ความจริงก็คือมีจำนวนน้ำมันเพียงพอกับความต้องการใช้ เขายังได้กล่าวอีกว่าการที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นนั้นมาจากปัจจัยสามประการก็คือ การเก็งกำไร , เงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง, และความตึงเครียดทางการเมืองในภูมิภาคที่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันต่าง ๆ
“ตามความเห็นของโอเปกแล้ว มีตัวบ่งชี้มากมายที่แสดงให้เห็นว่าปริมาณน้ำมันไม่ได้ขาดแคลน” เคลิลกล่าวพร้อมทั้งเสริมอีกว่าสมาชิกโอเปกไม่สามารถพบกันก่อนที่นัดกันไว้ในเดือนกันยายนได้เพราะสาเหตุนี้ และก็จะไม่มีการเพิ่มกำลังผลิตในตอนนั้นแต่อย่างใด
การที่โอเปกมีทัศนะเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่า ราคาน้ำมันยังคงขยับขึ้นอีก ถึงแม้ว่ารัฐมนตรีน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย อาลี อัล นาอิมิ ออกมาบอกในวันศุกร์(16)ว่าประเทศของเขาได้เพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 300,000 บาร์เรลต่อวันแล้ว ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม
ขึ้นค่าโดยสารอีก 1.50 บาท
ด้านคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง ที่มีนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธานวานนี้ ได้มีการพิจารณาอัตราโดยสารของรถโดยสารสาธารณะในเขตกรุงเทพฯและรถโดยสารระหว่างจังหวัด โดยที่ประชุมมีมติอนุมัติให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารเนื่องจากการอนุมัติขึ้นค่าโดยสารครั้งสุดท้ายในเดือน ต.ค.50 ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับ 27.34 บาทต่อลิตรแต่ปัจจุบันปรับเพิ่มถึง 35 บาทต่อลิตร ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้นเกือบ 60%
โดยในส่วนของรถขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วมบริการฯ ขสมก.ที่เป็นรถร้อนปรับขึ้นอีก 1.50 บาททำให้รถธรรมดาครีม-แดงจาก 7 บาทเป็น 8.50 บาท รถธรรมดาครีม-น้ำเงินจาก 8.50 บาท เป็น 10 บาท ส่วนรถโดยสารปรับอากาศเห็นควรให้เพิ่มขึ้นช่วงละ 1 บาท โดยสีน้ำเงินเพิ่มขึ้นจาก11-23 บาทเป็น 12-24 บาท, ปรับอากาศ (ยูโร2) เพิ่มขึ้นจาก 12-24 บาทเป็น 13-25 บาท รถมินิบัสปรับเพิ่มขึ้น 1 บาทจากเดิม 7 บาทเป็น 8 บาทรถสองแถว ซึ่งเป็นรถโดยสารหมวด 4 ขึ้น 1 บาทจากเดิม 6 บาทเป็น 7 บาท ส่วนรถโดยสารของบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) และรถร่วมฯ บขส.ให้ปรับขึ้น 3 สตางค์ต่อกิโลเมตร มีผลตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.51 เป็นต้นไป
นายปิยะพันธ์ กล่าวว่า การพิจารณาจากตัวเลขต้นทุนที่เกี่ยวข้องการอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการและดูแลประชาชนด้วย จึงให้ปรับขึ้นเพียงครึ่งหนึ่งจากที่ผู้ประกอบการขอมา ส่วนรถของ บขส.และ ขสมก.ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐนั้นจะได้รับสิทธิ์ในการปรับขึ้นด้วย แต่จะขึ้นหรือไม่ หรือปรับขึ้นในอัตราเท่าไรจะต้องรอนโยบายจากรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้วย โดยในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บขส.และ ขสมก.เห็นว่า ควรมีการปรับขึ้นเพราะค่าโดยสารขณะนี้ยังตามหลังเอกชนอยู่ก้าวหนึ่ง แต่การปรับขึ้นอาจจะไม่เท่ากับเอกชน เพราะ บขส.และ ขสมก.ต้องทำหน้าที่ดูแลบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนด้วย
โดยค่าโดยสารรถร้อน ขสมก.ต่ำกว่าเอกชนอยู่ 50 สต. อาจจะปรับขึ้นอีก 1.50 บาทตามที่ได้อนุมัติครั้งนี้เพื่อรักษาส่วนต่างที่ 50 สต.ไว้เหมือนเดิม เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ บขส.ต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าน้ำมันประมาณเดือนละ 50 ล้านบาทเนื่องจากอัตราค่าโดยสารที่เก็บในปัจจุบันคิดที่ต้นทุนน้ำมัน 23.84 บาทต่อลิตร เทียบกับราคาน้ำมันปัจจุบันเท่ากับ บขส.แบกรับภาระค่าน้ำมันถึง 12 บาท ส่วน ขสมก.ปัจจุบันขาดทุนประมาณ 500 ล้านบาทต่อเดือนและจะเพิ่มเป็น 600 ล้านบาทเพราะราคาน้ำมันยังเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
นายปิยะพันธ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้ตั้งหารือถึงแนวทางการลดภาระต้นทุนน้ำมันอื่นๆ นอกจากการขึ้นค่าโดยสาร เช่น การออกคูปองนักเรียนราคา 7 บาทแต่ขายในราคา 2 บาท ส่วนอีก 5 บาทให้ กทม.รับภาระ, การตั้งกองทุนเพื่อช่วยลดภาระการปรับขึ้นค่าโดยสารตามราคาน้ำมันทั้ง 100% และการหาเงินกูดอกเบี้ยต่ำช่วยผู้ประกอบการ ซึ่งจะนำข้อสังเกตเสนอกระทรวงคมนาคมต่อไป อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 21 พ.ค.นี้ ตนจะประชุมร่วมกับกระทรวงพลังงาน และ ปตท.เพื่อหามาตรการดูแลผู้ประกอบการ
สำหรับกรณีที่เครือข่ายคัดค้านขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะจะฟ้องศาลปกครองหรือขับไล่ออกจากตำแหน่งนั้น นายปิยะพันธ์ กล่าวว่า เป็นการทำหน้าที่ของแต่ละคน ซึ่งคณะกรรมการขนส่งกลางฯ ได้พิจารณาเพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้และทำในสิ่งที่เหมาะสมแล้ว
ค้านขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวานนี้ก่อนการประชุมคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกลาง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม ได้รับหนังสือคัดค้านการขึ้นค่าโดยสารจากเครือข่ายคัดค้านขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะที่มีนายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข เป็นประธาน และนำสมาชิกมายื่นคัดค้านการขึ้นค่าโดยสาร และจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ซึ่งนายสันติ ไม่ได้รับปากกรณีที่เครือข่ายฯต้องการให้ใช้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการออกคำสั่งยกเลิกการปรับขึ้นค่าโดยสาร โดยระบุว่าอำนาจในการพิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสารหรือไม่ ในอัตราเท่าใดนั้น เป็นของคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง
โดยนายสันติ กล่าวว่า ต้องเห็นใจผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันเช่นกัน แต่ในอนาคตหากมีการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ของรถโดยสารสาธารณะไปใช้ก๊าซเอ็นจีวีทั้งหมดแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับโครงสร้างค่าโดยสารใหม่และถูกลงส่วนข้อเสนอของเครือข่ายฯ ที่ต้องการให้ทำตั๋วโดยสาร 1 วันราคาเดียว เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชนนั้นจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ขสมก.และกรมการขนส่งทางบกคาดว่าจะได้รับความชัดเจนเร็วๆ นี้
ประมงเมืองคอนเผาเรือประท้วง
ส่วนที่บริเวณปากอ่าวปากน้ำสิชล ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช กลุ่มเรือประมงประมาณ 100 ลำยังคงลอยลำปิดปากอ่าวสิชลต่อเนื่องมาตั้งแต่เย็นวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมาจนถึงเช้าวานนี้ (20 พ.ค.) นายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางเข้าพบกับผู้ชุมนุมและมีการเจรจาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งมีการหารือใน 7 ประเด็นข้อเรียกร้องหลักของกลุ่มชาวประมงทั้งหมด ซึ่งในการเจรจานั้นได้มีตัวแทนชาวประมงจาก จ.สุราษฎร์ธานี และชุมพร เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
ในขณะที่มีการเจรจากลุ่มชาวประมงสิชลได้นำเรือประมงอวนลากขนาด 9 วา มาจอดลอยลำหน้าแนวกองเรือประมงที่มีการปิดอ่าว พร้อมทั้งปิดป้ายผ้าข้อความ "บอกลาประมงไทย ปีหน้าซื้อปลาต่างชาติกิน" "รัฐบาลอยู่เป็นสุข ความทุกข์เป็นของชาวประมง" "ล่มจมด้วยหนี้สิน หมดสิ้นที่อาศัย ใครช่วยชาวประมง" ซึ่งกลุ่มชาวประมงได้พร้อมใจกันจุดประทัดนับพันนัดจากนั้นได้ประท้วงรัฐบาลโดยการจุดไฟเผาเรือประมง ที่จอดลอยลำอยู่ในจุดดังกล่าว เพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างรุนแรงท่ามกลางเสียงโห่ร้องของชาวประมง ที่ร่วมชุมนุมอยู่ในบริเวณดังกล่าว
หลังเผาเรือประท้วงผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และนายสุธรรม วิชชุไตรภพ นายกสมาคามชาวประมงสิชล ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าหารือและสรุปถึงข้อเรียกร้องที่ได้ยื่นหนังสือไปแล้ว 7 ประเด็น ประกอบด้วย 1.ผ่อนผันการจับกุมแรงงานต่างด้าวในเรือประมง และผ่อนผันการขึ้นทะเบียนอนุญาตแรงงานต่างด้าวในเรือประมงสักระยะหนึ่ง 2.การควบคุมราคาน้ำมัน 3.พักหนี้หรือผ่อนผันหรือหยุถดดอกเบี้ยจากธนาคารภาครัฐ ภาคเอกชนและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับชาวประมงอย่างเร่งด่วน
4.สนับสนุนเงินทุนในการดำเนินกิจการประมง เพื่อให้ชาวประมงมีโอกาสพัฒนาการประมง 5.จัดตั้งคณะอนุกรรมการแก้ปัญหาชาวประมงให้อำเภอสิชล จังหวัดและส่วนกลางเป็นการเร่งด่วน 6.ขอผ่อนผันการเสียภาษีเงินได้ให้ชาวประมง และ 7.การปราบปรามโจรสลัดอย่างจริงจัง
นายวิชม กล่าวว่า ในการพิจารณาทางจังหวัดฯสามารถดำเนินการในข้อ 5, 6 และ 7 ได้ทันที และจะแจ้งความคืบหน้าให้กับชาวประมงในอีก 3 วัน คือ วันที่ 23 พ.ค.โดยเฉพาะปัญหาแรงงานต่างด้าวนั้นจะมีการสรุปในวันที่ 22 พ.ค.นี้ ส่วนประเด็น 1-4 นั้นเป็นปัญหาในเชิงนโยบาย ที่จังหวัดจะต้องประสานไปยังส่วนกลางอย่างเร่งด่วน และทั้งหมดนั้นจะแจ้งให้ทราบภายในวันที่ 23 พ.ค.51
ขณะที่นายสุธรรม กล่าวว่า ในคณะกรรมการสมาคมฯมีความพอใจในระดับหนึ่ง ซึ่งขณะนี้เรามีเรือประมงพร้อมที่จะถูกนำมาเผาประท้วงอีก 5 ลำเป็นเรือประมงขนาดใหญ่ ซึ่งถ้าไม่มีความคืบหน้าในวันที่ 23 พ.ค.นี้ทางกลุ่มชาวประมงพร้อมที่จะชุมนุมเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว และพร้อมจะเคลื่อนไหวทันที ซึ่งจะกำหนดกันอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนที่ จ.สงขลา ที่บริเวณท่าเทียบเรือประมงอวนลากเล็กสะพานไม้ ท่าเทียบเรือประมงสงขลา เจ้าของเรือประมงอวนลากเล็ก 5 ลำได้ตัดสินใจทำลายเรือทิ้งหลังประสบปัญหาขาดทุนจากพิษน้ำมันแพง และนำเครื่องยนต์ถอดขายเป็นเศษเหล็ก เนื่องจากไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาลอย่างจริงจัง หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแบกรับภาระไม่ไหว ประกอบกับปัญหาราคาสินค้าสัตว์น้ำตกต่ำ ไม่คุ้มกับการลงทุนจึงต้องหยุดทำการประมง ส่วนที่เหลืออีก 16 ลำจะทยอยทำลายทิ้งในช่วงต่อไป เนื่องจากเรือทั้งหมดไม่สามารถนำออกไปทำการประมงได้อีกแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (20 พ.ค.) บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) ได้แจ้งนำประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันวันนี้ (21 พ.ค.) โดยกลุ่มเบนซินขึ้น 50 สตางค์/ลิตร ดีเซล 70 สตางค์/ลิตร ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลของไทยสร้างสถิติใหม่ 36.44 บาท/ลิตร ส่วนเบนซิน 95 ราคา 39.09 บาท/ลิตร เบนซิน 91 เป็น 37.99 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 35.09 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เป็น 34.29 บาทต่อลิตร
อย่างไรก็ตาม เชลล์ และซัสโก้ ได้ปรับตาม แต่ ปตท.และบางจากขยับตามเฉพาะกลุ่มเบนซิน 50 สตางค์ต่อลิตรส่งผลราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินเท่ากันทุกรายเว้นดีเซลที่ปตท.และบางจากจะต่ำกว่ารายอื่น 1 บาทต่อลิตรโดยคงที่ 35.44 บาทต่อลิตร
เห็น"ดีเซล"40บาท ต่อลิตรแน่ปีนี้
ด้าน พล.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน กล่าวว่า กระทรวงฯได้หาทางทำแนวทางที่จะลดผลกระทบน้ำมันแพง โดยในส่วนของชาวประมง ทาง บมจ.ปตท.พร้อมรับภาระเบื้องต้นในการจัดหาน้ำมันม่วง หรือดีเซลกำมะถันสูงจำหน่ายให้ในราคาถูกกว่าดีเซลหน้าปั๊ม 2 บาท/ลิตร ซึ่งคาดว่าจะมีความต้องการประมาณ 15 ล้านลิตร/เดือน
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้รอเพียงองค์การสะพานปลายืนยันเรื่องการจัดสรรนำน้ำมันม่วงไปจำหน่ายเท่านั้น ส่วนเรือประมงขนาดใหญ่ในขณะนี้ได้ทดลองให้มีการติดตั้งเอ็นจีวีที่ จ.นครศรีธรรมราช อยู่ทางปตท.กำลังเร่งแก้ไขปัญหาการจัดส่งให้
"ที่ประชุม ครม.วานนี้ได้มีการพูดคุยกันเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำมันแพง ซึ่งพูดกันในภาพรวม แต่ รมว.คลังยังไม่ได้หยิบยกเรื่องถังก๊าซเอ็นจีวีเอื้ออาทรที่จะลดราคาลงครึ่งหนึ่งแต่อย่างใด" รมว.พลังงาน กล่าว
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน กล่าวว่า กรณีที่โกลแมนแซ็ก วาณิชธนกิจ ได้วิเคราะห์ว่า ในครึ่งหลังของปีนี้ ราคาน้ำมันดิบจะแตะระดับ 141 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลเป็นจริง ราคาน้ำมันในประเทศไทย ราคาเบนซินจะอยู่ที่ 43-44 บาท/ลิตร และราคาดีเซล จะอยู่ที่ระดับ 40-41 บาท/ลิตร
น้ำมันดิบทะลุระดับ129ดอลลาร์
สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่การซื้อขายระหว่างวันที่ลอนดอนวานนี้(20) ทะลุระดับ 129 ดอลลาร์ ไปทำนิวไฮอีกครั้งที่ 129.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
หลังจากที่ทะยานขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งดังกล่าวแล้ว สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของตลาดไนเม็กซ์แห่งนิวยอร์ก เพื่อการส่งมอบเดือนมิถุนายน ซึ่งซื้อขายกันวานนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนหมดอายุ ก็ได้ถอยกลับลงมา โดยยืนอยู่แถวๆ 129.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเวลาบ่ายๆ ของลอนดอน ซึ่งก็ยังสูงกว่าราคาปิดวันจันทร์(19)อยู่ 2.11 ดอลลาร์
ส่วนสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ของลอนดอน เพื่อการส่งมอบเดือนกรกฎาคม วานนี้ก็พุ่งขึ้นทำนิวไฮเช่นกันที่ 127.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนหวนกลับมาอยู่ที่ 127.41 ดอลลาร์ สูงขึ้นจากตอนปิดวันจันทร์อยู่ 2.35 ดอลลาร์
เทรดเดอร์และนักวิเคราะห์ให้เหตุผลการทะยานขึ้นคราวนี้ไว้หลายประการ อาทิ น้ำมันสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูป ดังเช่น ดิสทิลเลต ที่นำมากลั่นเป็นดีเซลและน้ำมันเตา มีราคาพุ่งลิ่วแรงมาก เนื่องจากมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นทั้งจากจีน, ตะวันออกกลาง, แอฟริกาใต้, และอเมริกาใต้
ทั้งนี้ มีรายงานว่า จีนได้นำเอาน้ำมันสำเร็จรูป 8,312 ตันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ของตน มาใช้ในงานกู้ภัยและบรรเทาทุกข์ผู้ประสบเคราะห์จากแผ่นดินไหว
นอกจากนั้น ยังมีข่าวชาวประมงในฝรั่งเศสที่ประท้วงน้ำมันแพง ได้ปิดกั้นถนนเข้าท่าเรือขนถ่ายน้ำมันขนาดใหญ่, การอ่อนตัวลงอีกของเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินยูโรและเงินเยน, ความหวาดกลัวที่จะเกิดเหตุอันกระทบการขนส่งน้ำมันจากไนจีเรียและอิหร่าน, ตลอดจนท่าทีของโอเปกที่จะไม่ผลิตน้ำมันเพิ่ม
เรื่องที่โอเปกจะไม่ผลิตน้ำมันเพิ่มนั้น ได้ถูกยกเป็นเหตุผลสำคัญในการที่ราคาตลาดโลกยังขยับขึ้นพอสมควรเมื่อวันจันทร์มาแล้ว
วิกเตอร์ ชุม นักวิเคราะห์แห่ง เพอร์วิน แอนด์ เกิร์ตซ์ บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานในสิงคโปร์ ให้ความเห็นว่า ตลาดยังคงคาดหมายว่าราคาจะยังคงสูงไปเรื่อยๆ เพราะซัปพลายอยู่ในสภาพตึงตัว ขณะที่ความต้องการใช้ในทั่วโลกยังคงสดใสมาก
“ความตึงตัวในตลาดยังคงเป็นการให้อำนาจแก่พวกนักลงทุนที่จะขนเอาเงินเข้ามาลงทุนในน้ำมัน ... ดังนั้น (ราคา) จึงน่าจะพุ่งขึ้นทดสอบระดับจิตวิทยุที่ 130 ดอลลาร์ในระยะใกล้” เขากล่าว
ก่อนหน้านี้ ชาคิป เคลิล ประธานโอเปก ชาคิป ออกมาย้ำเมื่อวันจันทร์ว่า แม้ราคาจะทำนิวไฮกันเป็นรายวัน แต่ความจริงก็คือมีจำนวนน้ำมันเพียงพอกับความต้องการใช้ เขายังได้กล่าวอีกว่าการที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นนั้นมาจากปัจจัยสามประการก็คือ การเก็งกำไร , เงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง, และความตึงเครียดทางการเมืองในภูมิภาคที่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันต่าง ๆ
“ตามความเห็นของโอเปกแล้ว มีตัวบ่งชี้มากมายที่แสดงให้เห็นว่าปริมาณน้ำมันไม่ได้ขาดแคลน” เคลิลกล่าวพร้อมทั้งเสริมอีกว่าสมาชิกโอเปกไม่สามารถพบกันก่อนที่นัดกันไว้ในเดือนกันยายนได้เพราะสาเหตุนี้ และก็จะไม่มีการเพิ่มกำลังผลิตในตอนนั้นแต่อย่างใด
การที่โอเปกมีทัศนะเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่า ราคาน้ำมันยังคงขยับขึ้นอีก ถึงแม้ว่ารัฐมนตรีน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย อาลี อัล นาอิมิ ออกมาบอกในวันศุกร์(16)ว่าประเทศของเขาได้เพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 300,000 บาร์เรลต่อวันแล้ว ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม
ขึ้นค่าโดยสารอีก 1.50 บาท
ด้านคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง ที่มีนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นประธานวานนี้ ได้มีการพิจารณาอัตราโดยสารของรถโดยสารสาธารณะในเขตกรุงเทพฯและรถโดยสารระหว่างจังหวัด โดยที่ประชุมมีมติอนุมัติให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารเนื่องจากการอนุมัติขึ้นค่าโดยสารครั้งสุดท้ายในเดือน ต.ค.50 ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับ 27.34 บาทต่อลิตรแต่ปัจจุบันปรับเพิ่มถึง 35 บาทต่อลิตร ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสูงขึ้นเกือบ 60%
โดยในส่วนของรถขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วมบริการฯ ขสมก.ที่เป็นรถร้อนปรับขึ้นอีก 1.50 บาททำให้รถธรรมดาครีม-แดงจาก 7 บาทเป็น 8.50 บาท รถธรรมดาครีม-น้ำเงินจาก 8.50 บาท เป็น 10 บาท ส่วนรถโดยสารปรับอากาศเห็นควรให้เพิ่มขึ้นช่วงละ 1 บาท โดยสีน้ำเงินเพิ่มขึ้นจาก11-23 บาทเป็น 12-24 บาท, ปรับอากาศ (ยูโร2) เพิ่มขึ้นจาก 12-24 บาทเป็น 13-25 บาท รถมินิบัสปรับเพิ่มขึ้น 1 บาทจากเดิม 7 บาทเป็น 8 บาทรถสองแถว ซึ่งเป็นรถโดยสารหมวด 4 ขึ้น 1 บาทจากเดิม 6 บาทเป็น 7 บาท ส่วนรถโดยสารของบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) และรถร่วมฯ บขส.ให้ปรับขึ้น 3 สตางค์ต่อกิโลเมตร มีผลตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.51 เป็นต้นไป
นายปิยะพันธ์ กล่าวว่า การพิจารณาจากตัวเลขต้นทุนที่เกี่ยวข้องการอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการและดูแลประชาชนด้วย จึงให้ปรับขึ้นเพียงครึ่งหนึ่งจากที่ผู้ประกอบการขอมา ส่วนรถของ บขส.และ ขสมก.ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐนั้นจะได้รับสิทธิ์ในการปรับขึ้นด้วย แต่จะขึ้นหรือไม่ หรือปรับขึ้นในอัตราเท่าไรจะต้องรอนโยบายจากรัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้วย โดยในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บขส.และ ขสมก.เห็นว่า ควรมีการปรับขึ้นเพราะค่าโดยสารขณะนี้ยังตามหลังเอกชนอยู่ก้าวหนึ่ง แต่การปรับขึ้นอาจจะไม่เท่ากับเอกชน เพราะ บขส.และ ขสมก.ต้องทำหน้าที่ดูแลบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนด้วย
โดยค่าโดยสารรถร้อน ขสมก.ต่ำกว่าเอกชนอยู่ 50 สต. อาจจะปรับขึ้นอีก 1.50 บาทตามที่ได้อนุมัติครั้งนี้เพื่อรักษาส่วนต่างที่ 50 สต.ไว้เหมือนเดิม เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ บขส.ต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าน้ำมันประมาณเดือนละ 50 ล้านบาทเนื่องจากอัตราค่าโดยสารที่เก็บในปัจจุบันคิดที่ต้นทุนน้ำมัน 23.84 บาทต่อลิตร เทียบกับราคาน้ำมันปัจจุบันเท่ากับ บขส.แบกรับภาระค่าน้ำมันถึง 12 บาท ส่วน ขสมก.ปัจจุบันขาดทุนประมาณ 500 ล้านบาทต่อเดือนและจะเพิ่มเป็น 600 ล้านบาทเพราะราคาน้ำมันยังเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
นายปิยะพันธ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้ตั้งหารือถึงแนวทางการลดภาระต้นทุนน้ำมันอื่นๆ นอกจากการขึ้นค่าโดยสาร เช่น การออกคูปองนักเรียนราคา 7 บาทแต่ขายในราคา 2 บาท ส่วนอีก 5 บาทให้ กทม.รับภาระ, การตั้งกองทุนเพื่อช่วยลดภาระการปรับขึ้นค่าโดยสารตามราคาน้ำมันทั้ง 100% และการหาเงินกูดอกเบี้ยต่ำช่วยผู้ประกอบการ ซึ่งจะนำข้อสังเกตเสนอกระทรวงคมนาคมต่อไป อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 21 พ.ค.นี้ ตนจะประชุมร่วมกับกระทรวงพลังงาน และ ปตท.เพื่อหามาตรการดูแลผู้ประกอบการ
สำหรับกรณีที่เครือข่ายคัดค้านขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะจะฟ้องศาลปกครองหรือขับไล่ออกจากตำแหน่งนั้น นายปิยะพันธ์ กล่าวว่า เป็นการทำหน้าที่ของแต่ละคน ซึ่งคณะกรรมการขนส่งกลางฯ ได้พิจารณาเพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้และทำในสิ่งที่เหมาะสมแล้ว
ค้านขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวานนี้ก่อนการประชุมคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกลาง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม ได้รับหนังสือคัดค้านการขึ้นค่าโดยสารจากเครือข่ายคัดค้านขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะที่มีนายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข เป็นประธาน และนำสมาชิกมายื่นคัดค้านการขึ้นค่าโดยสาร และจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ซึ่งนายสันติ ไม่ได้รับปากกรณีที่เครือข่ายฯต้องการให้ใช้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการออกคำสั่งยกเลิกการปรับขึ้นค่าโดยสาร โดยระบุว่าอำนาจในการพิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสารหรือไม่ ในอัตราเท่าใดนั้น เป็นของคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง
โดยนายสันติ กล่าวว่า ต้องเห็นใจผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันเช่นกัน แต่ในอนาคตหากมีการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ของรถโดยสารสาธารณะไปใช้ก๊าซเอ็นจีวีทั้งหมดแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับโครงสร้างค่าโดยสารใหม่และถูกลงส่วนข้อเสนอของเครือข่ายฯ ที่ต้องการให้ทำตั๋วโดยสาร 1 วันราคาเดียว เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชนนั้นจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ขสมก.และกรมการขนส่งทางบกคาดว่าจะได้รับความชัดเจนเร็วๆ นี้
ประมงเมืองคอนเผาเรือประท้วง
ส่วนที่บริเวณปากอ่าวปากน้ำสิชล ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช กลุ่มเรือประมงประมาณ 100 ลำยังคงลอยลำปิดปากอ่าวสิชลต่อเนื่องมาตั้งแต่เย็นวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมาจนถึงเช้าวานนี้ (20 พ.ค.) นายวิชม ทองสงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางเข้าพบกับผู้ชุมนุมและมีการเจรจาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งมีการหารือใน 7 ประเด็นข้อเรียกร้องหลักของกลุ่มชาวประมงทั้งหมด ซึ่งในการเจรจานั้นได้มีตัวแทนชาวประมงจาก จ.สุราษฎร์ธานี และชุมพร เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
ในขณะที่มีการเจรจากลุ่มชาวประมงสิชลได้นำเรือประมงอวนลากขนาด 9 วา มาจอดลอยลำหน้าแนวกองเรือประมงที่มีการปิดอ่าว พร้อมทั้งปิดป้ายผ้าข้อความ "บอกลาประมงไทย ปีหน้าซื้อปลาต่างชาติกิน" "รัฐบาลอยู่เป็นสุข ความทุกข์เป็นของชาวประมง" "ล่มจมด้วยหนี้สิน หมดสิ้นที่อาศัย ใครช่วยชาวประมง" ซึ่งกลุ่มชาวประมงได้พร้อมใจกันจุดประทัดนับพันนัดจากนั้นได้ประท้วงรัฐบาลโดยการจุดไฟเผาเรือประมง ที่จอดลอยลำอยู่ในจุดดังกล่าว เพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างรุนแรงท่ามกลางเสียงโห่ร้องของชาวประมง ที่ร่วมชุมนุมอยู่ในบริเวณดังกล่าว
หลังเผาเรือประท้วงผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และนายสุธรรม วิชชุไตรภพ นายกสมาคามชาวประมงสิชล ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าหารือและสรุปถึงข้อเรียกร้องที่ได้ยื่นหนังสือไปแล้ว 7 ประเด็น ประกอบด้วย 1.ผ่อนผันการจับกุมแรงงานต่างด้าวในเรือประมง และผ่อนผันการขึ้นทะเบียนอนุญาตแรงงานต่างด้าวในเรือประมงสักระยะหนึ่ง 2.การควบคุมราคาน้ำมัน 3.พักหนี้หรือผ่อนผันหรือหยุถดดอกเบี้ยจากธนาคารภาครัฐ ภาคเอกชนและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับชาวประมงอย่างเร่งด่วน
4.สนับสนุนเงินทุนในการดำเนินกิจการประมง เพื่อให้ชาวประมงมีโอกาสพัฒนาการประมง 5.จัดตั้งคณะอนุกรรมการแก้ปัญหาชาวประมงให้อำเภอสิชล จังหวัดและส่วนกลางเป็นการเร่งด่วน 6.ขอผ่อนผันการเสียภาษีเงินได้ให้ชาวประมง และ 7.การปราบปรามโจรสลัดอย่างจริงจัง
นายวิชม กล่าวว่า ในการพิจารณาทางจังหวัดฯสามารถดำเนินการในข้อ 5, 6 และ 7 ได้ทันที และจะแจ้งความคืบหน้าให้กับชาวประมงในอีก 3 วัน คือ วันที่ 23 พ.ค.โดยเฉพาะปัญหาแรงงานต่างด้าวนั้นจะมีการสรุปในวันที่ 22 พ.ค.นี้ ส่วนประเด็น 1-4 นั้นเป็นปัญหาในเชิงนโยบาย ที่จังหวัดจะต้องประสานไปยังส่วนกลางอย่างเร่งด่วน และทั้งหมดนั้นจะแจ้งให้ทราบภายในวันที่ 23 พ.ค.51
ขณะที่นายสุธรรม กล่าวว่า ในคณะกรรมการสมาคมฯมีความพอใจในระดับหนึ่ง ซึ่งขณะนี้เรามีเรือประมงพร้อมที่จะถูกนำมาเผาประท้วงอีก 5 ลำเป็นเรือประมงขนาดใหญ่ ซึ่งถ้าไม่มีความคืบหน้าในวันที่ 23 พ.ค.นี้ทางกลุ่มชาวประมงพร้อมที่จะชุมนุมเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว และพร้อมจะเคลื่อนไหวทันที ซึ่งจะกำหนดกันอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนที่ จ.สงขลา ที่บริเวณท่าเทียบเรือประมงอวนลากเล็กสะพานไม้ ท่าเทียบเรือประมงสงขลา เจ้าของเรือประมงอวนลากเล็ก 5 ลำได้ตัดสินใจทำลายเรือทิ้งหลังประสบปัญหาขาดทุนจากพิษน้ำมันแพง และนำเครื่องยนต์ถอดขายเป็นเศษเหล็ก เนื่องจากไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาลอย่างจริงจัง หลังจากที่ราคาน้ำมันปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแบกรับภาระไม่ไหว ประกอบกับปัญหาราคาสินค้าสัตว์น้ำตกต่ำ ไม่คุ้มกับการลงทุนจึงต้องหยุดทำการประมง ส่วนที่เหลืออีก 16 ลำจะทยอยทำลายทิ้งในช่วงต่อไป เนื่องจากเรือทั้งหมดไม่สามารถนำออกไปทำการประมงได้อีกแล้ว