ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตะวันออกป่วน หลังราคาน้ำมันปรับราคา สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบทั้ง เรือประมงนับร้อยต้องจอด แม่ค้าขายของทะเลลำบาก รถทัวร์โดยสารแต่เตรียมปรับราคา วานรัฐเร่งแก้ไขปัญหาด่วน
หลังจากการน้ำมันมีการปรับราคาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชน และผู้ประกอบการทั้งหลายเดือนร้อนกันเป็นระบบลูกโซ่ เรือประมงขนาดกลางและเล็กกว่า 100 ลำ จอดนิ่งหยุดหาปลากันแล้ว เพราะเกิดภาวะขาดทุนต่อเนื่อง วอนรัฐบาลช่วยแก้ไขหาน้ำมันเขียวมาช่วยสนับสนุน
นายมานิตย์ บุบฝาชาติ ประธานชมรมเรือประมง จังหวัดชลบุรี เผยว่า ขณะนี้ บรรดาเจ้าของเรือประมงขนาดกลางและเล็กในชมรมฯ ประมาณ 180 ลำ จอดนิ่งที่บริเวณสะพานปลาต่างๆ ในเขตจังหวัดชลบุรี เพราะต่างประสบภาวะน้ำมันแพงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับค่าครองชีพ บรรดาลูกเรือประมงกลับสูงขึ้น เพราะราคาข้าวและสินค้าทุกประเภท ขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกด้วย แต่อาหารทะเลประเภทกุ้ง หอย ปู ปลา ที่หามาได้ราคาคงที่ ทำให้เกิดภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง บรรดาเจ้าของเรือประมงเกือบทุกรายหยุดออกเรือหาปลา
ด้านนายฐิติกร โลหะคุปต์ นายกสมาคมประมง จังหวัดตราด และเลขาธิการสมาคมประมงแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทุกวัน ได้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วไป ทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันสูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อชาวประมงเป็นอันมาก ซึ่งในขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซล สูงมากและน้ำมันดีเซลเป็นน้ำมัน ที่ชาวประมงใช้ในการประกอบอาชีพ ทำให้ต้นทุนในการประกอบอาชีพมีสูงขึ้น ทำให้ขณะนี้เรือประมงเริ่มจอดไม่ออกหาปลากันบ้างแล้ว เพราะนอกจากราคาน้ำมันที่แพงขึ้นแล้ว จำนวนปลาในท้องทะเลตราดก็เริ่มลดน้อยลงไปด้วย ทำให้การประกอบอาชีพไม่คุ้มกับต้นทุนที่สูง ผู้ประกอบการประมงหลายรายถึงกับขายเรือเพื่อเปลี่ยนอาชีพ และมีจำนวนไม่น้อยที่ต้องหันไปจับปลาในทะเลที่ภาคใต้
ทั้งนี้ ในกลุ่มเรือประมง จึงอยากจะวอนภาครัฐให้ความเป็นธรรม ช่วยหาทางแก้ไข และควบคุมราคาน้ำมัน พร้อมกับขอให้ช่วยเหลือในเรื่องของการนำน้ำมันเขียวมาขาย ซึ่งจะมีราคาถูกกว่าปกติ ลิตรละ 2-3 บาท โดยขอให้ออกมาช่วยเหลือชาวประมงอย่างเร่งด่วนอีกด้วย
ด้านแม่ค้าขายของทะเลลำบาก หลังมีการปรับขึ้นค่าน้ำมันล่าสุดเมื่อวันที่ 17 พ.ค.51 ปตท. ได้มีการปรับราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 50 สตางค์ ทำให้กลุ่มแม่ค้าที่ขายอาหารทะเลต้องประสบปัญหาการลงทุนที่ที่ต้องขาดทุน ซึ่งปัญหาที่น้ำมันปรับขึ้นราคาส่งผลกระทบต่อการขายอาหารทะเลโดยตรง
ขณะที่แม่ค้ารายหนึ่ง กล่าวว่า ในช่วงนี้ตนต้องปรับราคาอาหารทะเลให้สูงขึ้น เพราะแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว ชาวประมงที่ออกเรือไปหาอาหารทะเลนั้นก็ต้องทนแบกรับภาระค่าน้ำมัน ค่าจ้างแรงงาน รวมทั้งหมดก็เป็นรายจ่ายที่สูงอยู่พอสมควร เมื่อแม่ค้าไปรับอาหารทะเลมาจากชาวประมง อาหารทะเลก็มีราคาต้นทุนที่สูงอยู่แล้ว
จึงต้องเพิ่มราคาขายปลีกให้สูงขึ้นตาม ทำให้ลูกค้าผู้บริโภค เปลี่ยนไปบริโภคอาหารประเภทอื่น หรือซื้อในปริมาณที่น้อยลง ทำให้แม่ค้าบางคนต้องประสบปัญหาขาดทุน เมื่อสินค้าเหลือ ก็ไม่สามารถเก็บไว้ได้ ต้องขายวันต่อวัน เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้ข้ามวันอาหารพวกนี้ก็จะเกิดการเน่าเสีย ผู้บริโภคเดี๋ยวนี้เค้ามองออกว่าอาหารชนิดไหนสดไม่สด ถ้าไม่สดก็ไม่ซื้อ ทำให้ตอนนี้แม่ค้าต้องลดบริมาณการซื้อจากชาวประมงทำให้เกิดปัญหาไปเป็นทอด ๆ จนเรือประมงบางลำหยุดออกเรือไปบ้างแล้วก็มี จึงขอความช่วยเหลือให้รัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาตรงนี้ด่วน
ส่วนทางด้าน บริษัทรถทัวร์ตะวันออกก็เตรียมขึ้น 1 บาท หวังช่วยลดค่าใช้จ่าย ร้องขอประชาชน ต้องเห็นใจผู้ประกอบการ นายสุวัฒน์ พั่วคูขาม หัวหน้าเดินรถบริษัทเชิดชัยทัวร์ สาขาแกลง จำกัด กล่าวว่า บริษัทของตนจะเดินรถในเส้นทาง สามย่าน จันทรบุรี ตราด – กรุงเทพฯ โดยในขณะนี้ยังใช้ราคาค่าโดยสารราคาเดิมที่ปรับขึ้นมาตั้งแต่เมื่อ 8 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งไม่คุ้มกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากทางกรมการขนส่งทางบกอนุมัติ ให้ปรับให้ขึ้นราคาค่าโดยสารเพิ่มอีก 1 บาทก็จะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการได้บ้าง ซึ่งขณะนี้ทราบว่าทาง ขสมก. จะมีการปรับราคา กันอีก ซึ่งจริงแล้วควรที่จะมีการปรับกันทั้งประเทศ เพราะราคาน้ำมันขึ้นเหมือนทุกทีเดือนร้อน
ด้านนายสมควร นาหงส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีราชา ทัวร์ เผยว่า ทางบริษัทของตนขณะนี้ยังไม่ได้มีการปรับราคาค่าโดยสาร แม้ว่าทางกรมการขนส่งจะมีมติ ครม. ที่เตรียมจะปรับขึ้นค่าโดยสารอีก 1 บาท เพราะทางศรีราชา ทัวร์นั้นได้ติดตั้งถังก๊าซ NGV ให้กับรถโดยสารในบริษัทไปแล้ว 30 คัน หรือกว่า 80% ดังนั้น การปรับหรือไม่ปรับราคาค่าโดยสาร จึงไม่ส่งผลกระทบกับบริษัทของตนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เพราะศรีราชา ทัวร์ ได้เตรียมการรับมือกับราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นจาก 22 บาท จนถึงราคาปัจจุบัน โดยการลงทุนกว่าหลายล้านบาท เพื่อยกเครื่องใหม่ให้กับรถโดยสารในบริษัทสำหรับรองรับการเติมก๊าซ NGV โดยตรง และเปิดอู่ที่มีใบอนุญาต ได้มาตรฐานในการติดตั้งก๊าซให้กับรถขนาดใหญ่ รวมถึงในอนาคตทางบริษัทยังมีโครงการเปิดจุดจำหน่ายก๊าซ NGV 16 หัวจ่าย เพื่อให้บริการแก่รถที่ติดตั้งก๊าซ NGV ด้วย
“ก่อนหน้านี้ที่รถโดยสารในบริษัทเรายังเติมน้ำมันอยู่ เราต้องใช้น้ำมัน 80 – 90 ลิตรต่อคัน หากคิดเป็นเงินแล้วราคาถือว่าสูงมาก แต่หลังจากที่เราวางแผนรับมือกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก อยากให้ประชาชนที่ใช้บริการเข้าใจผู้ประกอบการบ้าง หากจะไม่ให้ผู้ประกอบการปรับราคาขึ้นตามต้นทุนเลย พวกเราก็อยู่ไม่ได้ ในอนาคตก็อาจจะไม่มีรถบริการให้พวกคุณนั่ง ต้องเห็นใจกันบ้าง”
หลังจากการน้ำมันมีการปรับราคาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชน และผู้ประกอบการทั้งหลายเดือนร้อนกันเป็นระบบลูกโซ่ เรือประมงขนาดกลางและเล็กกว่า 100 ลำ จอดนิ่งหยุดหาปลากันแล้ว เพราะเกิดภาวะขาดทุนต่อเนื่อง วอนรัฐบาลช่วยแก้ไขหาน้ำมันเขียวมาช่วยสนับสนุน
นายมานิตย์ บุบฝาชาติ ประธานชมรมเรือประมง จังหวัดชลบุรี เผยว่า ขณะนี้ บรรดาเจ้าของเรือประมงขนาดกลางและเล็กในชมรมฯ ประมาณ 180 ลำ จอดนิ่งที่บริเวณสะพานปลาต่างๆ ในเขตจังหวัดชลบุรี เพราะต่างประสบภาวะน้ำมันแพงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับค่าครองชีพ บรรดาลูกเรือประมงกลับสูงขึ้น เพราะราคาข้าวและสินค้าทุกประเภท ขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกด้วย แต่อาหารทะเลประเภทกุ้ง หอย ปู ปลา ที่หามาได้ราคาคงที่ ทำให้เกิดภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง บรรดาเจ้าของเรือประมงเกือบทุกรายหยุดออกเรือหาปลา
ด้านนายฐิติกร โลหะคุปต์ นายกสมาคมประมง จังหวัดตราด และเลขาธิการสมาคมประมงแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทุกวัน ได้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วไป ทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้นทำให้ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันสูงขึ้น
นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อชาวประมงเป็นอันมาก ซึ่งในขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซล สูงมากและน้ำมันดีเซลเป็นน้ำมัน ที่ชาวประมงใช้ในการประกอบอาชีพ ทำให้ต้นทุนในการประกอบอาชีพมีสูงขึ้น ทำให้ขณะนี้เรือประมงเริ่มจอดไม่ออกหาปลากันบ้างแล้ว เพราะนอกจากราคาน้ำมันที่แพงขึ้นแล้ว จำนวนปลาในท้องทะเลตราดก็เริ่มลดน้อยลงไปด้วย ทำให้การประกอบอาชีพไม่คุ้มกับต้นทุนที่สูง ผู้ประกอบการประมงหลายรายถึงกับขายเรือเพื่อเปลี่ยนอาชีพ และมีจำนวนไม่น้อยที่ต้องหันไปจับปลาในทะเลที่ภาคใต้
ทั้งนี้ ในกลุ่มเรือประมง จึงอยากจะวอนภาครัฐให้ความเป็นธรรม ช่วยหาทางแก้ไข และควบคุมราคาน้ำมัน พร้อมกับขอให้ช่วยเหลือในเรื่องของการนำน้ำมันเขียวมาขาย ซึ่งจะมีราคาถูกกว่าปกติ ลิตรละ 2-3 บาท โดยขอให้ออกมาช่วยเหลือชาวประมงอย่างเร่งด่วนอีกด้วย
ด้านแม่ค้าขายของทะเลลำบาก หลังมีการปรับขึ้นค่าน้ำมันล่าสุดเมื่อวันที่ 17 พ.ค.51 ปตท. ได้มีการปรับราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 50 สตางค์ ทำให้กลุ่มแม่ค้าที่ขายอาหารทะเลต้องประสบปัญหาการลงทุนที่ที่ต้องขาดทุน ซึ่งปัญหาที่น้ำมันปรับขึ้นราคาส่งผลกระทบต่อการขายอาหารทะเลโดยตรง
ขณะที่แม่ค้ารายหนึ่ง กล่าวว่า ในช่วงนี้ตนต้องปรับราคาอาหารทะเลให้สูงขึ้น เพราะแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว ชาวประมงที่ออกเรือไปหาอาหารทะเลนั้นก็ต้องทนแบกรับภาระค่าน้ำมัน ค่าจ้างแรงงาน รวมทั้งหมดก็เป็นรายจ่ายที่สูงอยู่พอสมควร เมื่อแม่ค้าไปรับอาหารทะเลมาจากชาวประมง อาหารทะเลก็มีราคาต้นทุนที่สูงอยู่แล้ว
จึงต้องเพิ่มราคาขายปลีกให้สูงขึ้นตาม ทำให้ลูกค้าผู้บริโภค เปลี่ยนไปบริโภคอาหารประเภทอื่น หรือซื้อในปริมาณที่น้อยลง ทำให้แม่ค้าบางคนต้องประสบปัญหาขาดทุน เมื่อสินค้าเหลือ ก็ไม่สามารถเก็บไว้ได้ ต้องขายวันต่อวัน เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้ข้ามวันอาหารพวกนี้ก็จะเกิดการเน่าเสีย ผู้บริโภคเดี๋ยวนี้เค้ามองออกว่าอาหารชนิดไหนสดไม่สด ถ้าไม่สดก็ไม่ซื้อ ทำให้ตอนนี้แม่ค้าต้องลดบริมาณการซื้อจากชาวประมงทำให้เกิดปัญหาไปเป็นทอด ๆ จนเรือประมงบางลำหยุดออกเรือไปบ้างแล้วก็มี จึงขอความช่วยเหลือให้รัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาตรงนี้ด่วน
ส่วนทางด้าน บริษัทรถทัวร์ตะวันออกก็เตรียมขึ้น 1 บาท หวังช่วยลดค่าใช้จ่าย ร้องขอประชาชน ต้องเห็นใจผู้ประกอบการ นายสุวัฒน์ พั่วคูขาม หัวหน้าเดินรถบริษัทเชิดชัยทัวร์ สาขาแกลง จำกัด กล่าวว่า บริษัทของตนจะเดินรถในเส้นทาง สามย่าน จันทรบุรี ตราด – กรุงเทพฯ โดยในขณะนี้ยังใช้ราคาค่าโดยสารราคาเดิมที่ปรับขึ้นมาตั้งแต่เมื่อ 8 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งไม่คุ้มกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากทางกรมการขนส่งทางบกอนุมัติ ให้ปรับให้ขึ้นราคาค่าโดยสารเพิ่มอีก 1 บาทก็จะสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการได้บ้าง ซึ่งขณะนี้ทราบว่าทาง ขสมก. จะมีการปรับราคา กันอีก ซึ่งจริงแล้วควรที่จะมีการปรับกันทั้งประเทศ เพราะราคาน้ำมันขึ้นเหมือนทุกทีเดือนร้อน
ด้านนายสมควร นาหงส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีราชา ทัวร์ เผยว่า ทางบริษัทของตนขณะนี้ยังไม่ได้มีการปรับราคาค่าโดยสาร แม้ว่าทางกรมการขนส่งจะมีมติ ครม. ที่เตรียมจะปรับขึ้นค่าโดยสารอีก 1 บาท เพราะทางศรีราชา ทัวร์นั้นได้ติดตั้งถังก๊าซ NGV ให้กับรถโดยสารในบริษัทไปแล้ว 30 คัน หรือกว่า 80% ดังนั้น การปรับหรือไม่ปรับราคาค่าโดยสาร จึงไม่ส่งผลกระทบกับบริษัทของตนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เพราะศรีราชา ทัวร์ ได้เตรียมการรับมือกับราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นจาก 22 บาท จนถึงราคาปัจจุบัน โดยการลงทุนกว่าหลายล้านบาท เพื่อยกเครื่องใหม่ให้กับรถโดยสารในบริษัทสำหรับรองรับการเติมก๊าซ NGV โดยตรง และเปิดอู่ที่มีใบอนุญาต ได้มาตรฐานในการติดตั้งก๊าซให้กับรถขนาดใหญ่ รวมถึงในอนาคตทางบริษัทยังมีโครงการเปิดจุดจำหน่ายก๊าซ NGV 16 หัวจ่าย เพื่อให้บริการแก่รถที่ติดตั้งก๊าซ NGV ด้วย
“ก่อนหน้านี้ที่รถโดยสารในบริษัทเรายังเติมน้ำมันอยู่ เราต้องใช้น้ำมัน 80 – 90 ลิตรต่อคัน หากคิดเป็นเงินแล้วราคาถือว่าสูงมาก แต่หลังจากที่เราวางแผนรับมือกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก อยากให้ประชาชนที่ใช้บริการเข้าใจผู้ประกอบการบ้าง หากจะไม่ให้ผู้ประกอบการปรับราคาขึ้นตามต้นทุนเลย พวกเราก็อยู่ไม่ได้ ในอนาคตก็อาจจะไม่มีรถบริการให้พวกคุณนั่ง ต้องเห็นใจกันบ้าง”