xs
xsm
sm
md
lg

อย่าอ้างอิงสถาบัน..!!??

เผยแพร่:   โดย: สำราญ รอดเพชร

“ผมคงไม่ตอบเรื่องทางการเมือง แต่เรื่องใดที่กระทบถึงสถาบันก็เป็นสิ่งที่องคมนตรีจะต้องคอยติดตาม แล้วคอยดู ซึ่งก็ได้ติดตามในส่วนที่สามารถติดตามได้ทางสื่อหนังสือพิมพ์ ทางอินเทอร์เน็ต
ส่วนที่อยากเรียนคือ ถ้าเป็นไปได้ก็คงพยายามที่จะหลีกเลี่ยงจากการที่จะอ้างอิงสถาบัน เพราะว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดความสามัคคี ไม่ทำให้เกิดโอกาสที่เราจะช่วยกันแก้ปัญหาบ้านเมือง...”
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี/ 18 พ.ค.51

“ สื่อมวลชนอย่าลงข่าวนี้”
พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์ ผบ.ทร./ 19 พ.ค.51

“ทหารทุกคนเป็นผู้ที่คำนึงถึงสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของประเทศ กองทัพไม่ต้องการให้ใครมาทำให้สถาบันเสื่อมเสีย
ผมเห็นว่าเป็นเรื่องดีหากสื่อจะนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้ประชาชนรับทราบว่าเป็นอย่างไร ประชาชนจะได้วิเคราะห์พิจารณาได้เอง ใครคงไม่สามารถคิดแทนคนอื่นได้...”
พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ./ 19 พ.ค.51

............................

สารภาพว่าแรงบันดาลใจที่ทำให้ต้องเขียนเรื่องนี้มาจากการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 “พี่แอ้ด” ของผมและของใครต่อใครนั่นแหละ...

นาน ๆ พูดที พอตอบคำถามเรื่องราวที่กำลังร้อน ๆ ก็เป็นข่าวระดับพาดหัวใหญ่ของนสพ.หลายฉบับทำนองว่า “เลิกอ้างสถาบัน” (ไทยโพสต์) หรือ “สุรยุทธ์ เตือน เลิกอ้างสถาบัน” (ข่าวสด) ฯลฯ

นับว่าพล.อ.สุรยุทธ์ผู้นำ “รัฐบาลขิงแก่” ที่งิ้วธรรมศาสตร์เรียกว่า “รัฐบาลสู้แล้วหยุด” ยังเปี่ยมบารมี ท่าทีท่วงทำนองก็ยังเป็นพล.อ.สุรยุทธ์คนเดิมที่สุภาพเรียบร้อยน่าเคารพ พูดจาด้วยความระมัดระวังยิ่ง...ผมเคารพคารวะท่านตรงนี้

แต่ต้องกราบเรียนตรงไปตรงมาด้วยความเคารพเหมือนกันว่า...หักกลบลบหนี้แล้ว ผมรู้สึกผิดหวัง...

เพราะแม้คำพูดของท่านจะดูกลางๆ แต่อึมครึม ไม่ชัดเจนว่าคำว่า “อ้างอิง” นั้นหมายความว่าอย่างไรกันแน่ แต่ผมเชื่อว่าเกือบร้อยทั้งร้อยเมื่อได้ยินก็จะเข้าใจไปในทำนองว่า..เป็นการปรามหรือเบรกกลุ่มคน ประชาชนที่ออกมาปกป้องสถาบัน แสดงความเป็นห่วงใยสถาบัน พูดถึงสถาบันที่กำลังถูกท้าทายด้วยความไม่สบายใจ...

ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์ สื่อมวลชน ที่ออกมานำเสนอหรือกระตุ้นเตือนให้รัฐบาลจัดการกับขบวนการและคนบางกลุ่มที่มีความเคลื่อนไหวมีแนวความคิด –ทัศนคติในเชิงลบต่อสถาบัน...

การพูดกว้างๆ แบบว่า... “อย่าอ้างอิง” สุดท้ายมันจะกลายเป็นว่า พรรคการเมืองบางพรรคที่มีสมาชิกพรรคหรือรัฐมนตรีของพรรคบางคนกำลังถูกตรวจสอบพฤติกรรมความคิด จะหยิบเอาคำพูดของท่านมาอ้างเอ่ยว่า ฝ่ายตรงข้ามกำลังเอาสถาบันมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเล่นงานพวกเขา...

เข้าทางปืนคนพวกนี้...ว่างั้นเถอะ

ในขณะที่กลุ่มคน หรือสื่อมวลชนที่พยายามเสนอตีแผ่พฤติการณ์พฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อสถาบันด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็ย่อมจะเกิดความสับสน ความไม่แน่ใจว่าควรที่จะเดินหน้าทำความจริงให้ปรากฏหรือว่าควรจะวางเฉย ปล่อยให้เชื้อไวรัสความคิดที่พุ่งเป้าทำลายสถาบันมันเติบใหญ่...

หรือกรณีพรรคประชาธิปัตย์..ถ้าพวกเขาเกิดน้อยอกน้อยใจขึ้นมา ก็อาจไปขอหนังสือลับที่ยื่นต่อนายกรัฐมนตรีเมื่อวันก่อนคืนมา เพื่อลบข้อหา “อ้างอิงสถาบัน!!”

อันที่จริง ผมเกรงอกเกรงใจท่านพล.อ.สุรยุทธ์ในฐานะท่านเป็น “องคมนตรี” ซึ่งต้องรู้ดีรู้ลึกในเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบัน

แต่ผมกำลังรู้สึกว่า...ก่อนที่ท่านจะเตือนสติให้ทุกฝ่ายเลิก “อ้างอิงสถาบัน” จะดีไม่น้อยหากท่านในฐานะองคมนตรีจะได้เตือนสติหรือเอ่ยปากปรามขบวนการ –บุคคลที่กำลังปฏิบัติการคุกคามทายท้าต่อสถาบัน เตือนหรือปรามว่าไม่ถูกต้องไม่เหมาะสม ขอให้หยุดเสีย...

ท่านต้องพูดให้ชัดเป็นเบื้องแรกเสียก่อนว่า เราต้องช่วยกันปกป้องสถาบัน
หรือไม่ท่านต้องยกรัฐธรรมนูญมาตรา 70 มาอ้างอิงกันให้เข้าใจไปเลยว่า..

“ บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้”

หรือแม้แต่ท่านจะพูดเป็นนัย ฝากให้รัฐบาลเข้มแข็งในการจัดการกับขบวนการอันตรายเหล่านั้นก็ยังได้...

ผมถึงบอกว่า..หักกลบลบหนี้แล้ว..ผมผิดหวัง

ผิดหวังตั้งแต่เมื่อครั้งเป็น “รัฐบาลขิงแก่” ที่ไม่ได้ดำเนินการจัดการขจัดเชื้อร้ายเหล่านี้ และผิดหวังในครั้งนี้

ส่วนท่านผบ.ทร.ที่ฟันธงว่าสื่อไม่ควรนำเสนอเรื่องนี้ ผมคงไม่ต้องบอกว่าน่าผิดหวังเพียงใด....

ที่ดูจะเข้าท่าน่าฟังน่าจะเป็นกรณีของท่านแม่ทัพฟ้า พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ซึ่งท่านคงจะเข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองดีว่าตกอยู่ในภาวะอย่างไร สถาบันถูกขบวนการใต้ดิน บนดิน คุกคามท้าทายอย่างไร...

ทั้งหลายทั้งปวงผมก็ต้องวกไปที่รัฐบาล “ชิมไปด่าไป” นั่นล่ะว่า เป็นอีกหนึ่งรัฐบาลที่ดูเหมือนจะไม่ได้นำพา ไม่ได้ให้ความสนใจที่จะดำเนินการ จัดการกับปัญหานี้เท่าที่ควรจะทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีเว็บไซต์ต่างๆ

และรวมทั้งรัฐมนตรีบางคนที่ควรจะแสดงสปิริตลาออก โดยไม่ต้องมานั่งแปลสปีชของตัวเอง เพราะเอาแค่คำพูดภาคภาษาไทยที่ลอสแอลเจลิส เมื่อ 10 พ.ย.2550 ที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล นำมาเสนอในรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ทาง ASTV เมื่อคืนก่อน ก็น่าจะเพียงพอแล้ว...

นี้ยังไม่นับกรณีอื่น ๆ ที่ย่ำยีจิตใจคนไทย อย่างกรณีธงชาติไทย....ที่จนบัดนี้ผมยังไม่เคยได้ยินคำขอโทษเป็นเบื้องต้นจากสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี แม้เพียงนิด เช่นเดียวกับที่ผมไม่ได้เห็นรัฐบาลชุดนี้จะทำหนังสือให้สโมสรแห่งนี้ชี้แจงแถลงไขข้อเท็จจริงแต่อย่างใด..

แต่ที่ได้เห็นกลายเป็นว่า..สโมสรเจ้าปัญหานี้ยกพลมาดวลแข้งกับนักเตะไทยอย่างครึกโครม ราวกับว่าเรื่องธงชาติเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย...

หรือว่าบ้านนี้เมืองนี้...ไม่มีอะไรที่สลักสำคัญเท่ากับเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องการหาหนทางที่จะพ้นผิดจากคดีโกงบ้านกินเมืองของ “นายใหญ่” ..เรื่องอื่น ๆ ล้วนแล้วแต้จิ๊บจ๊อย กระจ้อยริด ..!!?
กำลังโหลดความคิดเห็น