ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ เตือนรัฐบาลหมัก โยกย้ายข้าราชการต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ แนะให้ยึดหลักธรรมาภิบาล ยืนยันการจัดสัมมนา 28 มี.ค.ไม่ยืดเยื้อ เพราะไม่ใช่ม็อบสนามหลวง
วันนี้ (16 มี.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการ ครป. ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงการเคลื่อนไหวครั้งที่ 1 ของพันธมิตรฯ ในวันที่ 28 มี.ค. ที่หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ว่า เป็นการสัมมนาประชาชน ไม่ใช่การชุมนุมเดินขบวนเหมือนที่ผ่านมา การจัดกิจกรรมครั้งนี้จะไม่ยืดเยื้อจะเริ่มต้นและยุติลงที่หอประชุมใหญ่ตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ จะไม่มีการเคลื่อนขบวนหรือนำมวลชนไปกดดันที่ไหนใดๆ ทั้งสิ้น
"ขอยืนยันว่าการจัดกิจกรรมจะอยู่ในหลักสิทธิเสรีภาพตามกรอบกฎหมายรัฐธรรมนูญและหลักสันติวิธี และไม่ว่าจะมีการเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้นในอนาคต พันธมิตรฯก็ยังจะใช้หลักสันติวิธีเป็นแนวทางนำ จะไม่ยั่วยุหรือสร้างเงื่อนไขให้เกิดการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่และประชาชนอีกฝ่าย" นายสุริยะใส กล่าว และว่า
ส่วนที่มี ส.ส.ของรัฐบาลหลายคนพยายามจัดตั้งกลุ่มและนัดหมายชุมนุมประชาชนอีกกลุ่มในพื้นที่สนามหลวง หรือ โรงแรมรัตนโกสินทร์ เพื่อต่อต้านเวทีพันธมิตรฯ ที่หอประชุมใหญ่นั้น เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ขอถามว่ามีเจตนาอะไร เพราะมีการนัดหมายในวันเวลาเดียวกันและสถานที่ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้กลุ่ม ส.ส.รัฐบาลยังพูดจายั่วยุท้าทายพันธมิตรฯ ตลอดเวลา ต้องถามว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลใช่หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ใครจะรับผิดชอบหากเกิดความรุนแรงและการเผชิญหน้ากันของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย
"รัฐบาลประกาศนโยบายสมานฉันท์เป็นนโยบายเร่งด่วน แต่กลับส่งสัญญาณให้ ส.ส. ในสังกัดของพรรคออกมาระดมมวลชนเพื่อต่อต้านและเผชิญหน้ากับประชาชนอีกฝ่าย ซึ่งนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีควรตรวจสอบการกระทำของสมาชิกพรรคพลังประชาชนว่าเหมาะสมหรือไม่ และควรตรวจสอบกรณีการข่มขู่นายวีระ สมความคิด ด้วยว่าเกี่ยวโยงกับคนในรัฐบาลหรือไม่" นายสุริยะใส กล่าว
ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า เป้าหมายในการจัดสัมมนาครั้งนี้เพื่อสะท้อนความไม่ชอบมาพากลในการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายเช็คบิลข้าราชการ ความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นใช้อำนาจมิชอบ และการบริหารงานที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนและยุติพฤติกรรมดังกล่าวก่อนที่จะสายเกินไป ซึ่งพันธมิตรฯ ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายโค่นล้มหรือขับไล่รัฐบาลอย่างที่พยายามกล่าวหากัน ยังให้โอกาสรัฐบาลกอบกู้วิกฤติของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจและข้าวยากหมาแพง ไม่ใช่ฟอกผิดให้ระบอบทักษิณและไล่เช็คบิลฝ่ายตรงกันข้าม
ส่วนที่นายกฯระบุว่ากลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวโดยไม่ให้โอกาสรัฐบาลทำงานนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลสบายใจ หากจะทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนต่อไป แต่เราจำเป็นต้องเคลื่อนไหวเพราะเห็นว่ารัฐบาลกำลังใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้องจึงอยากให้รัฐบาลยุติพฤติกรรมดังกล่าว แต่นายสมัครกลับอ้างว่ารัฐบาลที่แล้วโยกย้ายข้าราชการจำนวนมาก แต่ไม่เห็นใครออกมาโวยวายนั้น ตนคิดว่าหากเห็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องก็ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง การโยกย้ายแม้จะเป็นสิทธิของรัฐบาล แต่ควรใช้หลักธรรมาภิบาล คุณธรรมด้วย
สำหรับกิจกรรมในวันที่ 28 มี.ค.นั้นใช้ชื่อ "รายการยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ" โดย 5 แกนนำพันธมิตรฯร่วมอภิปรายในหัวข้อ "พูดจา ปราศรัย บทบาทพันะมิตรฯในสถานการณ์ใหม่" อภิปราย "เหลียวลังแลหน้ารัฐบาลนอมินี" โดยมีนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย นายวีระ สมความคิด เลขาธิการ คปต. นายไชยยันต์ ไชยพร อาจารย์ ม.จุฬาลงกรณ์ เข้าร่วม
นอกจากนี้ ยังมีรายการ "งิ้วธรรมศาสตร์" และลำตัดทีมงานป้าขวัญจิตร ศรีประจัญ ทั้งนี้มีแกนนำพันธมิตรฯภาคต่างๆ ตัวแทนนักศึกษาจากหลายสถาบันเข้าร่วม ซึ่งจากการประเมินจำนวนผู้เข้าร่วมงานหอประชุมซึ่งรับได้ 3 พันคนคงจะไม่พอ ดังนั้น จะการติดตั้งจอโปรเจคเตอร์เพื่อให้รับชมด้วย
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงการโยกย้ายข้าราชการที่กำลังเกิดขึ้นอีกระลอกนี้ ว่า เป็นสิทธิของรัฐบาล และเป็นเรื่องปกติเมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามา แต่ต้องให้เหตุผลที่ชัดเจนต่อประชาชนให้ได้ว่าทำไมข้าราชการประจำ หรือหน่วยงานที่ถูกโยกย้ายเป็นองค์กร หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเครือข่าย
ส่วนกรณีที่รัฐบาล มองว่า การโยกย้ายข้าราชการในช่วงรัฐประหารนั้น ทำไมถึงไม่มีใครต่อต้านกัน นายสุริยะใส ระบุว่า หากรัฐบาลเห็นว่า การโยกย้ายที่เกิดขึ้นในช่วงรัฐประหารที่ไม่เป็นธรรม รัฐบาลไม่ควรเอากรณีนั้นมาเป็นตัวอย่างหรือปฏิบัติตาม ซึ่งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อยากเห็นการใช้ธรรมาภิบาล หรือคุณค่าประสิทธิภาพเป็นตัวประเมินในการโยกย้ายมากกว่า
ย้อน ผบ.ทร.อ้างเสียงส่วนใหญ่ แล้วรัฐประหารทำไม
อนึ่ง เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา นายสุริยะใส ได้แถลงว่า พันธมิตรฯ ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ท้วงติงและเสนอแนะต่อการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งพันธมิตรพร้อมรับฟังทุกความเห็น โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมในวันที่ 28 มีนาคม ที่หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ นั้น ในขณะนี้มีกระแสตอบรับเข้าร่วมจำนวนมาก คงเป็นเพราะการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ยึดมั่นแนวทางสันติวิธี และกรอบรัฐรรมนูญ
แต่ก็มีบางข้อท้วงติงที่เข้าใจผิดต่อกิจกรรมดังกล่าว ไปคิดว่าเป็นการชุมนุมเหมือนที่ผ่านๆ มา ซึ่งต้องบอกว่าไม่ใช่การชุมนุม เป็นการจัดกิจกรรมในลักษณะเวทีอภิปรายทางวิชาการ โดยรูปแบบและเนื้อหาจะมีทั้งงานภาคการเมืองเป็นการอภิปรายของหลายฝ่ายทั้งนักวิชาการ เยาวชนนักศึกษา ตัวแทนองค์กรแนวร่วม และแกนนำพันธมิตรฯ นอกจากนี้งานภาควัฒนธรรมก็จะมีทั้งดนตรีเพื่อชีวิตและการแสดงละครการเมือง ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียด
ส่วนกรณีที่ ผบ.ทร. พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ออกมาตำหนิการเคลื่อนไหวว่าเร็วเกินไปต้องให้โอกาสรัฐบาลและอย่าเอาเสียงส่วนน้อนมาตัดสินเสียงส่วนใหญ่นั้น พันธมิตรยินดีรับฟังและเรายังยืนยันว่ายังให้โอกาสในการทำงาน และสนับสนุนรัฐบาลให้จริงจังต่อการแก้ปัญหาประเทศไม่ใช่ทำตัวเป็นนอมินีฟอกผิดให้คนๆ คนเดียว
และที่บอกกว่าอย่าเอาเสียงส่วนน้อยมาตัดสินเสียงส่วนใหญ่ ก็ขอถามกลับไปยัง ผบ.ทร.ว่าแล้วไปรัฐประหารรัฐบาล พตท.ทักษิณ ทำไมในเมื่อเขามาจากเสียงส่วนใหญ่ อย่าเอาผลการเลือกตั้งไปชี้ถูกชี้ผิดทุกเรื่อง เพราะในอดีตก็มีบทเรียนให้กับทุกฝ่ายโดยเฉพาะผู้มีอำนาจ หากไม่สรุปบทเรียนประชาชนก็ต้องออกแรงตักเตือนซึ่งถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ