พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ.ให้สัมภาษณ์ถึง สถานการณ์การเมืองว่า จากสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งที่รุนแรงคิดว่าขณะนี้น่าจะดีขึ้น แต่ในเมื่อยังไม่มีการเลือกนายกรัฐมนตรีได้อย่างชัดเจนว่าจะมาจากฝั่งไหนก็อาจมปัญหาบ้างอย่างไรก็ตามพรรคการเมืองควรจะคำนึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์จะเห็นว่าแต่ละฝ่ายพยามที่จะดึง ส.ส.ให้ไปอยู่ในฟาก ของตัวเองให้มากที่สุด
ผมพูดในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่งว่าจุดที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือเรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หลังจากที่มีรัฐธรรมนูญใหม่ มีรัฐบาลและมีนายกรัฐมนตรี แล้วถึง 2 คน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการบริหารที่ผ่านมายังมีอุปสรรคค่อนข้างมากยังไม่สามารถดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น ซึ่งผมก็หวังว่าหากมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และพรรคการเมืองมีจุดยืนเพื่อประเทศชาติจริงๆ ก็น่าจะนำพาประเทศชาติได้อย่างราบรื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากจะมีการสลับขั้วเพื่อให้ประเทศชาติสามารถเดินไปได้น่าจะเป็นทางออกที่ดีใช่หรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า น่าจะเปิดโอกาสให้พรรคการเมือง อีกฟากหนึ่งมาลองบริหารประเทศดู ซึ่งจากการดำเนินการที่ผ่านมามันมีอุปสรรค ค่อนข้างมาก ทั้งอำนาจฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติในรอบปีที่ผ่านมามีการปิดประชุมสามัญ ซึ่งในอดีตจะมีการสรุปผลงาน แต่ครั้งล่าสุดไม่มีการแถลงผลงานเลย จะเห็นได้ว่า ผลงานของนักการเมืองค่อนข้างจะน้อยมาก อยากจะให้การเมืองของไทยสามารถขับเคลื่อนไปได้โดยที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศ
ส่วนหากผู้นำรัฐบาลคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กองทัพจะรับได้หรือไม่นั้น พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ในส่วนของกองทัพเราก็คงจะไม่เข้าไปแทรกแซง ใครก็แล้วแต่ที่เข้ามา และตั้งใจที่จะบริหารประเทศ โดยที่ไม่ยึดประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือของพรรค คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่คงน่าจะให้การสนับสนุน
ส่วนผู้นำควรยึดหลักอะไรในการบริหารประเทศที่อยู่ในช่วงความชัดแย้งนั้น พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ที่ผ่านมามีข้อขัดแย้ง โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเราจะต้องรีบดำเนินการ เพราะว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 หลังจากที่ใช้มาแล้ว ซึ่งมีมาตราต่างๆ ที่นักการเมืองพยายามที่จะนำมาเป็นประเด็น ซึ่งอยากให้นักการเมืองรีบดำเนินการตามบทเฉพาะกาลว่าปกติจะต้องมีการออกกฎหมายลูกให้ทันภายใน 1 ปี ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน ภายในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2552 ก็จะครบ 1 ปี แต่ตอนนี้กฎหมายลูกยังไม่สามารถที่จะนำออกมาใช้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แสดงท่าทีว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ จัดตั้งรัฐบาลก็จะไม่ยอมรับ กังวลหรือไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนที่ผ่านมาที่คนไทยฆ่ากันเอง พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า คนไทยทุกคนน่าจะนำบทเรียนที่เกิดขึ้นในอดีตว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจากการที่ไม่ยอมรับกฎหมาย กฎกติกา ทำให้ประเทศชาติเสียหายน่าจะเปิดโอกาสให้พรรคการเมือง เข้ามาบริหารตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งถ้าหากเขาดำเนินการหรือบริหารไม่ได้ก็จะต้องปล่อยให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยน่าจะดีกว่ามาใช้กฎหมู่ เมื่อถามว่า แสดงว่าพรรคเพื่อไทยควรเปิดโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ความเห็นของตนน่าจะให้ประเทศชาติเดินไปได้
ส่วนที่มีการมองกันว่าการจัดขั้วรัฐบาลครั้งนี้ มีกองทัพเข้าไปแทรกแซง จนถูกมองว่าเป็นการปฏิวัติซ่อนรูปนั้น พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า คนไทยทุกคนไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไรต้องมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย คำว่าทหารแทรกแซง ในส่วนตัวยังไม่มีใครมาถามตน ซึ่งตนก็จะแสดงความคิดเห็นในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง แต่คงจะไม่ไปบีบบังคับว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ในส่วนของทหาร ก็คงจะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากกลุ่ม นปช.ดำเนินการเคลื่อนไหวเหมือนกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกองทัพมีการเตรียมพร้อมรับมืออย่างไร พล.อ.อ. อิทธพร กล่าวว่า กองทัพก็จะต้องปฏิบัติเหมือนกับที่ผ่านมา เราไม่อยากให้มีการปะทะกัน และคงไม่อยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเราจะปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่เลือกข้าง ซึ่งทหารจะปฏิบัตินอกเหนือจากอำนาจหน้าที่คงไม่ได้ จะมี พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ความมั่นคง กฎอัยการศึก เพราะฉะนั้นการที่ทหารจะออกมาก็คงจะอยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าช่วงนี้ ผบ.เหล่าทัพ ได้มีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง อย่างไรบ้าง พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า เราก็พูดคุยกันตลอด แต่ไม่มีอะไรที่บ่งบอก เป็นที่ชัดเจน แต่จะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ผมอยากฝากให้นักการเมือง นึกถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก อย่าต่อรองกันจนจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะจะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้ามีคนเสนอให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นนายกรัฐมนตรี ถือว่าเหมาะสมหรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า คิดว่าคงอยากเป็นทหารมากกว่า ไม่อยากยุ่งการเมือง
ด้านพล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร.กล่าวว่าพรรคใดก็ได้ที่จะนำพาประเทศชาติ เดินหน้าต่อไปได้ โดยให้มีความขัดแย้งน้อยที่สุด และเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศ ใครจะจับขั้วใคร ไม่ทราบ แต่ขอให้ได้รัฐบาลที่เข้ามาแล้วไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ส่วนกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงอาจไม่ยอมรับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์นั้น ระบบเป็นอย่างไร ต้องเป็นเช่นนั้น คิดว่าคงไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้
ส่วนแนวคิดรัฐบาลเพื่อชาตินั้น พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่าอะไรก็ได้ที่จะนำพาประเทศชาติให้พ้นวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ ให้พี่น้องประชาชน โดยทุกฝ่ายต้องร่วมมือ ร่วมใจกันเพื่อประเทศชาติ ทั้งนี้ มาตรา 74 ระบุว่า ข้าราชการต้องมีความเป็นกลาง ทางการเมือง ขอพูดเป็นกลางที่คิดว่าเป็นทางออกที่ดีว่า ใครก็ได้ที่เข้ามาทำให้ประเทศชาติดีขึ้น ตนรับได้ทั้งนั้น ไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือทะเลาะ ตีกัน สิ่งที่ดีที่สุดคือ ร่วมมือกันทำงานได้ ผมพอใจแล้ว
ผมพูดในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่งว่าจุดที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือเรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หลังจากที่มีรัฐธรรมนูญใหม่ มีรัฐบาลและมีนายกรัฐมนตรี แล้วถึง 2 คน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการบริหารที่ผ่านมายังมีอุปสรรคค่อนข้างมากยังไม่สามารถดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น ซึ่งผมก็หวังว่าหากมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และพรรคการเมืองมีจุดยืนเพื่อประเทศชาติจริงๆ ก็น่าจะนำพาประเทศชาติได้อย่างราบรื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากจะมีการสลับขั้วเพื่อให้ประเทศชาติสามารถเดินไปได้น่าจะเป็นทางออกที่ดีใช่หรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า น่าจะเปิดโอกาสให้พรรคการเมือง อีกฟากหนึ่งมาลองบริหารประเทศดู ซึ่งจากการดำเนินการที่ผ่านมามันมีอุปสรรค ค่อนข้างมาก ทั้งอำนาจฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติในรอบปีที่ผ่านมามีการปิดประชุมสามัญ ซึ่งในอดีตจะมีการสรุปผลงาน แต่ครั้งล่าสุดไม่มีการแถลงผลงานเลย จะเห็นได้ว่า ผลงานของนักการเมืองค่อนข้างจะน้อยมาก อยากจะให้การเมืองของไทยสามารถขับเคลื่อนไปได้โดยที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศ
ส่วนหากผู้นำรัฐบาลคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กองทัพจะรับได้หรือไม่นั้น พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ในส่วนของกองทัพเราก็คงจะไม่เข้าไปแทรกแซง ใครก็แล้วแต่ที่เข้ามา และตั้งใจที่จะบริหารประเทศ โดยที่ไม่ยึดประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือของพรรค คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่คงน่าจะให้การสนับสนุน
ส่วนผู้นำควรยึดหลักอะไรในการบริหารประเทศที่อยู่ในช่วงความชัดแย้งนั้น พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ที่ผ่านมามีข้อขัดแย้ง โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเราจะต้องรีบดำเนินการ เพราะว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 หลังจากที่ใช้มาแล้ว ซึ่งมีมาตราต่างๆ ที่นักการเมืองพยายามที่จะนำมาเป็นประเด็น ซึ่งอยากให้นักการเมืองรีบดำเนินการตามบทเฉพาะกาลว่าปกติจะต้องมีการออกกฎหมายลูกให้ทันภายใน 1 ปี ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน ภายในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2552 ก็จะครบ 1 ปี แต่ตอนนี้กฎหมายลูกยังไม่สามารถที่จะนำออกมาใช้ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แสดงท่าทีว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ จัดตั้งรัฐบาลก็จะไม่ยอมรับ กังวลหรือไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์เหมือนที่ผ่านมาที่คนไทยฆ่ากันเอง พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า คนไทยทุกคนน่าจะนำบทเรียนที่เกิดขึ้นในอดีตว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจากการที่ไม่ยอมรับกฎหมาย กฎกติกา ทำให้ประเทศชาติเสียหายน่าจะเปิดโอกาสให้พรรคการเมือง เข้ามาบริหารตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งถ้าหากเขาดำเนินการหรือบริหารไม่ได้ก็จะต้องปล่อยให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยน่าจะดีกว่ามาใช้กฎหมู่ เมื่อถามว่า แสดงว่าพรรคเพื่อไทยควรเปิดโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ความเห็นของตนน่าจะให้ประเทศชาติเดินไปได้
ส่วนที่มีการมองกันว่าการจัดขั้วรัฐบาลครั้งนี้ มีกองทัพเข้าไปแทรกแซง จนถูกมองว่าเป็นการปฏิวัติซ่อนรูปนั้น พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า คนไทยทุกคนไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไรต้องมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย คำว่าทหารแทรกแซง ในส่วนตัวยังไม่มีใครมาถามตน ซึ่งตนก็จะแสดงความคิดเห็นในฐานะที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง แต่คงจะไม่ไปบีบบังคับว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ในส่วนของทหาร ก็คงจะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากกลุ่ม นปช.ดำเนินการเคลื่อนไหวเหมือนกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกองทัพมีการเตรียมพร้อมรับมืออย่างไร พล.อ.อ. อิทธพร กล่าวว่า กองทัพก็จะต้องปฏิบัติเหมือนกับที่ผ่านมา เราไม่อยากให้มีการปะทะกัน และคงไม่อยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเราจะปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่เลือกข้าง ซึ่งทหารจะปฏิบัตินอกเหนือจากอำนาจหน้าที่คงไม่ได้ จะมี พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ความมั่นคง กฎอัยการศึก เพราะฉะนั้นการที่ทหารจะออกมาก็คงจะอยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่าช่วงนี้ ผบ.เหล่าทัพ ได้มีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง อย่างไรบ้าง พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า เราก็พูดคุยกันตลอด แต่ไม่มีอะไรที่บ่งบอก เป็นที่ชัดเจน แต่จะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ผมอยากฝากให้นักการเมือง นึกถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก อย่าต่อรองกันจนจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะจะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้ามีคนเสนอให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นนายกรัฐมนตรี ถือว่าเหมาะสมหรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า คิดว่าคงอยากเป็นทหารมากกว่า ไม่อยากยุ่งการเมือง
ด้านพล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร.กล่าวว่าพรรคใดก็ได้ที่จะนำพาประเทศชาติ เดินหน้าต่อไปได้ โดยให้มีความขัดแย้งน้อยที่สุด และเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศ ใครจะจับขั้วใคร ไม่ทราบ แต่ขอให้ได้รัฐบาลที่เข้ามาแล้วไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ส่วนกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงอาจไม่ยอมรับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์นั้น ระบบเป็นอย่างไร ต้องเป็นเช่นนั้น คิดว่าคงไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้
ส่วนแนวคิดรัฐบาลเพื่อชาตินั้น พล.ร.อ.กำธร กล่าวว่าอะไรก็ได้ที่จะนำพาประเทศชาติให้พ้นวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ ให้พี่น้องประชาชน โดยทุกฝ่ายต้องร่วมมือ ร่วมใจกันเพื่อประเทศชาติ ทั้งนี้ มาตรา 74 ระบุว่า ข้าราชการต้องมีความเป็นกลาง ทางการเมือง ขอพูดเป็นกลางที่คิดว่าเป็นทางออกที่ดีว่า ใครก็ได้ที่เข้ามาทำให้ประเทศชาติดีขึ้น ตนรับได้ทั้งนั้น ไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือทะเลาะ ตีกัน สิ่งที่ดีที่สุดคือ ร่วมมือกันทำงานได้ ผมพอใจแล้ว