xs
xsm
sm
md
lg

"สภาประชาชน"การเมืองภาคประชาชน

เผยแพร่:   โดย: เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

.

สภาประชาชน ต่างจากสภาผู้แทนราษฎรอย่างไร

คำตอบ คือ สภาผู้แทน เป็นสภา “ตัวแทน” ส่วนสภาประชาชน เป็นสภา “ตัวจริง”

นี่เป็นความต่างในรูปแบบ ซ้ำยังต่างกันด้วยชื่อ ราษฎร กับ ประชาชน อีกนั่น

ก่อนไปถึงความต่างในเนื้อหาขอขยายความต่างของชื่อ คือ คำว่า ราษฎร กับ ประชาชน เสียก่อนว่าสองคำนี้มีนัยแสดงพัฒนาการของความเป็น “พลเมือง” ในประเทศไทยตามยุคตามสมัยจากอดีตถึงปัจจุบันอย่างดียิ่ง

พลเมืองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชนั้น ก็คือ ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน หรือ พสกนิกร ซึ่งหมายถึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ผู้ทรงเป็นพระประมุขแผ่พระบรมโพธิสมภาร ร่มแผ่นดินให้แก่พลเมืองนั่นเอง

เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ เราเริ่มเรียกพลเมือง เป็น “ราษฎร” จึงเริ่มมีสภาผู้แทนราษฎรนั้น

คำว่า ประชาชน เพิ่งใช้กันจริงจังหลังเหตุการณ์ผันผวนทางการเมืองจากการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อไม่กี่สิบปีมานี่กระมัง

อย่างไรก็ตาม ขอให้สังเกตคำว่า “ประชาธิปไตย” ที่มาจากคำ ประชา กับ อธิปไตย หมายถึง อำนาจของประชาชน นั่นเอง

อำนาจของประชานี้ ถูกใช้โดย “ตัวแทน” ในระบอบสภาผู้แทนราษฎรตลอดมา ซึ่งที่ถูกแล้วสมควรเปลี่ยนจากสภาผู้แทนราษฎรเป็นสภาผู้แทนประชาชนเสียด้วยซ้ำไป

แต่เอาเถิด สภาผู้แทนราษฎรได้กลายเป็นศัพท์เฉพาะอันทรงคุณค่า และความหมายที่สะท้อนยุคสมัยของการได้ถูกสถาปนาอย่างสมควรยิ่งไปแล้ว

สภาผู้แทนราษฎรเป็นสภาสูงสุด ดังเป็นสถาบันหลักทางนิติบัญญัติและบริหาร โดย “ตัวแทน” ของประชาชนคัดเลือกกันเข้ามาตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนั้น

ครั้นเมื่อสภา “ตัวแทน” ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวแทนของประชาชนแท้จริง ทั้งระบบพรรคการเมืองวิธีเลือกตั้ง รวมถึงการฉ้อฉลบิดเบือนหลักเกณฑ์กติกาต่าง ๆ ดังนำมาสู่วิกฤตในปัจจุบัน จึงสมควรต้องทบทวนเรียกร้องให้ปฏิรูปการเมืองเก่าให้เป็นการเมืองใหม่อย่างกว้างขวางในวันนี้

นอกจากต้องปฏิรูปรัฐธรรมนูญถึงขั้นร่างรัฐธรรมนูญใหม่กันเลย ดังเรียกร้องให้มีหลักเกณฑ์ เรื่อง สภาผู้แทนเขตพื้นที่และผู้แทนกลุ่มอาชีพ ซึ่งควรต้องระดมความเห็นให้หลากหลายกว้างขวาง อันยังไม่ลงตัวแล้ว

ข้อเรียกร้องสำคัญอีกหนึ่งเรื่องคือ “สภาประชาชน”

คำถามอาจมีว่า ทำไมต้องมีสภาประชาชนในเมื่อมีสภาผู้แทน ทั้งจากเขตพื้นที่และกลุ่มอาชีพอยู่แล้ว

คำตอบเบื้องต้นดังเกริ่นไว้ว่าสภาผู้แทนเป็นสภา “ตัวแทน” ส่วนสภาประชาชนเป็นสภา “ตัวจริง”

สองสภานี้นอกจากต่างกันโดยรูปแบบแล้ว ยังต่างกันโดยเนื้อหา ทั้งอำนาจหน้าที่และสถานะที่ไม่ซ้ำซ้อน กลับจะเสริมซึ่งกันและกันด้วย เหล่านี้เป็นสาระสำคัญที่ควรมีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

ขอยกตัวอย่างสภาประชาชนในรูปแบบหนึ่ง ใครเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไรก็ช่วยกันติเติมเสริมต่อ หรือจะเสนอเป็นอย่างอื่นอย่างไรก็ช่วยแสดงความเห็นได้เลย นี่เป็นเพียงตัวอย่างรูปแบบหนึ่งเท่านั้น

๑. ที่มาของสภาประชาชน มาจากการจัดตั้งจากระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ถึงสภาประชาชน ดังนี้
สภาระดับหมู่บ้านมีตัวแทน ๑ คนต่อ ๑ หลังคาเรือน คัดเลือกและมอบหมายให้เป็นตัวแทนของหมู่บ้านละไม่เกิน ๒ คน ขึ้นไปสู่สภาระดับตำบล คัดเลือกและมอบหมายเป็นตัวแทนตำบลละไม่เกิน ๒ คน ขึ้นไปสู่สภาระดับอำเภอ อำเภอละไม่เกิน ๒ คน คัดเลือกและมอบหมายเป็นตัวแทนอำเภอละไม่เกิน ๒ คน ขึ้นไปสู่สภาระดับจังหวัด แล้วคัดเลือกและมอบหมายเป็นตัวแทนจังหวัดละไม่เกิน ๒ คน ขึ้นไปสู่สภาประชาชน (๗๖ จังหวัด ๆ ละ ๒ คน = ๑๕๒ คน)

๒. การดำเนินงานของสภาประชาชน จัดให้มีเวทีสมัชชาประชาชน ในระดับหมู่บ้านให้ชาวบ้านมารวมตัวชุมนุมกันในลักษณะทำ “ข้าวหม้อแกงหม้อ” มาเลี้ยงดูกัน (ปลอดจากผลประโยชน์ทั้งปวง) โดยมีแกนนำ (อาสาสมัครจากหมู่บ้านและจากที่อื่น) จัดเวทีสมัชชาประชาชนด้วยเนื้อหา เหล่านี้

- รายงานสภาพการณ์เรื่องราวข่าวสารบ้านเมือง

- ผลประโยชน์ชุมชน

- ปัญหาชุมชน

- ข้อเสนอที่เป็นมติชุมชน

- คัดเลือกตัวแทนและมอบหมายให้นำมติของสภาหมู่บ้านนำเสนอต่อสภาประชาชนตำบล

นอกจากนี้ควรมีกิจกรรมอื่นเสริมตามความเหมาะสม เช่น กลุ่มศึกษา -สัมพันธ์เครือข่าย – งานวัฒนธรรม ฯลฯ

เวทีสมัชชาประชาชนระดับหมู่บ้านนี้ จัดให้มีประมาณเดือนละครั้ง หรือกำหนดขึ้นตามความเหมาะสมทั้งเวลาและสถานที่ เช่น ศาลาประชาคม ลานวัด สวนสาธารณะ ฯ

๓. อำนาจหน้าที่ของสภาประชาชน นอกจากมติที่ได้จากเวทีสมัชชาตามลำดับขึ้นไปถึงสภาประชาชน (๑๕๒ คน) แล้ว สภาประชาชนควรมีอำนาจตรวจสอบการดำเนินงานภาครัฐในทุกระดับ มีอำนาจฟ้องร้องต่อศาลในคดีความทางการเมืองที่เกี่ยวกับความทุจริตและความไม่ชอบธรรม รวมทั้งเสนอถอดถอนผู้ใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรมด้วย

นอกจากนี้สภาประชาชน มีหน้าที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและกิจกรรมเพื่อปลูกจิตสำนึกทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้แก่ประชาชนในชุมชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ควรมีสถานีโทรทัศน์ ถ่ายทอดเวทีสมัชชาประชาชนในระดับหมู่บ้านเป็นรายการประจำ นอกเหนือจากสื่ออื่น ๆ เช่น สถานีวิทยุชุมชน สื่อหนังสือพิมพ์ประจำชุมชน ฯลฯ

สภาประชาชนต้องเป็นองค์กรภาคประชาชนที่ไม่ขึ้นต่อองค์กรภาครัฐ เพื่อความบริสุทธิ์โปร่งใส สมาชิกทุกคนของสภานี้ ซึ่งก็คือทุกคนในทุกครอบครัว สลับสับเปลี่ยนขึ้นไปเป็นตัวแทนในทุกระดับ ตัวแทนนี้เป็นเพียงผู้นำมติเสนอตามความเห็นชอบของสภาหมู่บ้านนั่นเอง

ดังนั้น ขอเสนอว่าสมาชิกสภาทุกคนต้องเสียสละไม่มีค่าจ้างเงินเดือน และผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น และหากจะมีค่าใช้จ่ายจำเป็นทุกคนต้องช่วยบริจาคตามความจำเป็นนั้น ๆ

สภานี้เป็นสภาราษฎร์อยู่นอกสภารัฐ นอกจากไม่ซ้ำซ้อนกับภาครัฐแล้ว สภานี้ยังช่วยให้ภาครัฐเข้มแข็ง สังคมมั่นคง และเป็นประชาธิปไตยแท้จริง ด้วยอำนาจของประชาชนมาจากประชา “ตัวจริง” นี่เอง


กำลังโหลดความคิดเห็น