“อิทธิพร” ส่งสัญญาณ “ชายกระโปรง” หมดความชอบธรรม ลั่นต้องคืนอำนาจประชาชนตามมติ คตร. เตือนนรกป่วนกรุงย่ำยีศาล รธน.โดนเชือดแน่ ปลัดกลาโหมขอร้องทุกฝ่ายยุติก่อนวันที่ 5 ธ.ค. ขู่กองทัพเคลื่อนพลแน่หากมีการปะทะ
วันนี้ (1 ธ.ค.) พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงษ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวว่า จากวิกฤตที่เกิดขึ้น คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม (คตร.) ที่มีตัวแทนจากทุกภาคส่วนได้มีการเสนอให้มีการคืนอำนาจให้กับประชาชน และเลือกตั้งใหม่ ส่วนรัฐบาลจะขาดความชอบธรรมในการบริหารอำนาจหรือไม่นั้นก็ขอให้ดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าประเทศเราจะเดินต่อไปค่อนข้างยากเพราะมีการต่อต้านมากมาย และที่ทำงานของรัฐบาลก็ไม่สามารถเข้ามาบริหารได้ ซึ่งท่านจะอยู่บนความขัดแย้งต่อไปก็จะทำให้ประเทศไม่สามารถดำเนินการได้ต่อไป ทุกอย่างติดขัดไปหมด ทางที่ดีควรคืนอำนาจของประชาชนตามครรลองระบอบประชาธิปไตย
พล.อ.อ. อิทธพร กล่าวว่า ประเทศเราปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ เพราะฉะนั้น ตุลาการเป็นอำนาจของศาลสถิตยุติธรรม ที่จะต้องพิจารณาให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เพราะฉะนั้น เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินออกมาก็ต้องยอมรับคำตัดสิน ใครละเมิดก็ต้องมีความผิด อีกทั้งช่วงนี้ใกล้ช่วงวันเฉลิมฯ ทุกคนควรจะนึกถึงความสงบเรียบร้อย นึกถึงในหลวง คนส่วนมากจะพูดว่ารักในหลวง ท่านต้องคิดก่อนว่าการกระทำที่ทำให้ในหลวงทรงไม่สบายพระราชหฤทัย ต้องคิดก่อนที่จะทำ อย่าให้เหตุการณ์ลุกลามต่อไปเรื่อยๆ หรือก่อให้เกิดเหตุที่ทำให้เกิดความเสียใจในวันอันเป็นมงคลนี้
“คงเป็นหน้าที่ของตำรวจ เพราะศาลถือเป็นสถานสถิตเป็นอำนาจตุลาการที่ทุกคนต้องยอมรับ ถ้าทุกคนไม่ยอมรับอำนาจตุลาการหรืออำนาจศาล ประเทศจะวุ่นวายแค่ไหน หากไม่มีกฎกติกา แม้แต่ศาลสั่งก็ยังไม่เชื่อ ก็คงจะต้องดำเนินการในขั้นเด็ดขาด” ผบ.ทอ.กล่าว
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปสู่สงครามกลางเมือง พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ทุกคนต้องช่วยกันป้องกัน ช่วยกันแนะนำว่าสิ่งใดเป็นสิ่งถูกต้อง สิ่งใดเกิดความรุนแรง เราก็น่าจะหลีกเลี่ยง ทุกคนก็เป็นห่วงในเรื่องนี้ ต้องช่วยกันดูแล ไม่ให้สถานการณ์มันลุกลาม ไปจนถึงเกิดจลาจล
เมื่อถามว่า หากเกิดเหตุการณ์วุ่นวายสองฝ่ายปะทะกันทหารจะออกมาระงับเหตุหรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกเหล่าทัพได้ออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ให้สองฝ่ายปะทะกัน เราจะใช้กำลังทหารรักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันไม่ให้สองฝ่ายปะทะกัน
เมื่อถามว่า หากคำพิพากษายุบพรรคออกมาจะเกิดสุญญากาศทางการเมือง ไม่มีคนบริหารประเทศ ทหารจะมีความชอบธรรมในการออกมายึดอำนาจหรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ผบ.ทบ.ก็ยืนยันมาตลอดว่าทหารจะไม่มีปฏิวัติ ซึ่งเหตุการณ์ยังไม่ไปถึงขนาดนั้นจะไปกำหนดอย่างนั้นคงไม่ถูกต้อง คงให้ผลแค่นี้ เมื่อถามว่า รัฐบาลลักษณะไหนจะเหมาะสมที่สุดในการเข้ามาดูแลสถานการณ์ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ต้องดูจากสถานการณ์ ไม่อยากจะตอบ
ด้าน พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า กรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคดียุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ไม่เกี่ยวข้องกับกองทัพ คงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว กองทัพไม่ได้คุยกัน ปล่อยให้เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ เราไม่เข้าไปยุ่งหรือกดดันอะไร ไม่ใช่หน้าที่กองทัพ ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยเป็นหน้าที่ตำรวจดูแลสำนักงานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีปัญหาอะไร ยังไม่เห็นคำขอจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใช้พื้นที่กองทัพตัดสิน เชื่อว่าคงจะไม่ใช้สถานที่อื่น
“เชื่อว่าสถานการณ์การเมืองจะคลี่คลายไปได้ หากทั้งสองฝ่ายมีความคิดจะเริ่มเจรจากัน จากเดิมที่ไม่เคยมีตรงนี้เลย ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายคิดว่าการเจรจาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด น่าจะเป็นเรื่องที่ดีในการเริ่มต้น ส่วนจะได้ข้อยุติหรือไม่คงต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร” พล.อ.อภิชาต กล่าว
เมื่อถามว่า หากตัดสินยุบพรรคพลังประชาชนปัญหาจบหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เป็นเรื่องของตุลาการตัดสิน เป็นเรื่องทางการเมือง ผลยังไม่เกิดว่าจะออกมารูปแบบใด เพียงแต่คาดการณ์เท่านั้นว่าจะถูกยุบพรรค ซึ่งทั้ง 3 พรรคจะถูกตัดสินในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ อาจจะยอมหรือไม่ยอมอาจจะมีปฏิกิริยาอะไรเป็นเรื่องฝ่ายการเมือง
เมื่อถามว่า คิดว่าทุกอย่างจะคลี่คลายก่อนวันที่ 5 ธันวาคมหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า อยากให้เป็นอย่างนั้น จะให้ตนกราบขอร้องอยากให้ทุกฝ่ายดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อน 5 ธันวาคมนี้ เมื่อถามว่า พันธมิตรฯ บอกจะยุติชุมนุมหากยุบพรรคพลังประชาชน พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า คิดว่าเป็นเรื่องดีหากเขาจะออกจากสนามบินโดยเร็ว หากเขาประกาศอย่างนั้นเป็นเรื่องดี เขาอาจจะมีเงื่อนไขอีกอย่างตามมา ตนเองคงไม่สามารถเสนอแนะหรือให้ข้อคิดเห็นแก่เขาได้
“รัฐบาลยืนยันมาตลอดว่า ท่านคงไม่ยุบสภาและลาออก ท่านมองว่าเราไปบีบคั้นท่าน กองทัพไม่ได้กำหนดเป็นจุดยืน แต่พูดกันในที่ประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ร่วม (คตร.) เป็นความคิดเห็นของผู้ที่มาประชุมร่วมกันทั้งหมด ไม่ใช่ความเห็นของ ผบ.ทบ.เพียงท่านเดียว และไม่ใช่ความเห็นชอบของผู้นำเหล่าทัพ แต่ ผบ.ทบ.ท่านเป็นผู้แถลงข่าว อาจทำให้เข้าใจว่า เป็นความคิดเห็นของ ผบ.ทบ. แต่ความจริงยืนยันว่าผู้ที่อยู่ในที่ประชุมทั้งหมดเห็นชอบให้ ผบ.ทบ.แถลงข่าวในลักษณะแบบนั้น” ปลัดกลาโหม กล่าว
ส่วนแนวทางของ ส.ศิวรักษ์ แนะนำให้นายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอพระราชทานทางออกให้แก่บ้านเมืองน้น พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์ ไม่อยากให้ดึงพระองค์ท่านเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องความขัดแย้ง เมื่อถามว่า ทุกฝ่ายควรถอยคนละก้าวเพื่อหาจุดร่วมเดียวกัน พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เสนอแนะมาว่าควรต่างคนต่างถอย จะไม่มีใครแพ้ทั้งสองฝ่ายจะเป็นผู้ชนะ เป็นชัยชนะของประชาชนในภาพรวม คือ ความสงบที่เกิดขึ้นในประเทศชาติ
พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างนายกฯ กับ ผบ.ทบ. ไม่น่ามีปัญหาอะไร และนายกฯ ยังต่อสายพูดคุยกับ ผบ.ทบ.อยู่ตลอด เชื่อว่าคงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนกระแสข่าว ปลด ผบ.เหล่าทัพ หลังจากที่ได้ปลด ผบ.ตร.ไปแล้ว พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันว่าไม่มีแนวความคิดนี้มาโดยตลอด และต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ ดังนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“ความจริงกองทัพยินดีให้การสนับสนุนกับรัฐบาลโดยตลอด ไม่ได้มีความคิดเห็นที่ขัดแย้ง หรือขัดขืนอะไร แต่อำนาจตามกฎหมายที่จะให้เราทำนั้นไม่มี ขณะนี้ใช้ พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งอำนาจหน้าที่อยู่กับพนักงานที่นายกฯตั้ง คือ ตำรวจ และให้ทหารเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน หากตำรวจไม่ร้องขอ ทหารคงเข้าไปทำอะไรไม่ได้ ฝ่ายรับผิดชอบคงพยายามที่จะดูแลว่าทางออกไหนเป็นทางออกที่ดีที่สุด และคงมีทางออกชัดเจนว่าควรทำอย่างไร” พล.อ.อภิชาติ กล่าว
เมื่อถามว่า การย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ตนคิดว่า ผบ.เหล่าทัพ ไม่ใช่ลิง คงไม่ได้หวั่นไหวกับเรื่องตรงนั้น เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่หลังประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ยังไม่อะไรที่เด็ดขาด พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ตำรวจทำดีที่สุดแล้วในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ คิดว่าทุกฝ่ายพยายามทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด เหตุการณ์ขณะนี้มองแง่ดี คือ เริ่มพูดคุยกันมีความคิดที่จะเจรจากัน น่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีได้ ถ้าไม่มีมือที่ 3 เข้ามาป่วน สถานการณ์จะคลี่คลายไปได้ในเร็ววันนี้ ซึ่งพันธมิตรก็คิดว่าการเคลื่อนไหวน่าจะจบลงก่อนวันที่ 5 ธ.ค.นี้
พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เราไม่อยากเห็นประชาชนต้องรับบาดเจ็บล้มตาย หรือกระทบกระทั่งกันระหว่างตำรวจกับประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่เราห่วง หากกระทบกระเทือนถึงตรงนั้น ประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน กองทัพจะต้องเดือดร้อนด้วยแน่นอน เราไม่อยากเห็นประชาชนบาดเจ็บล้มตาย เราพูดตลอดว่าการใช้กำลังเข้าสลายไม่ควรเกิดขึ้น ควรใช้การเจรจาเป็นหลัก หรือถอยกันคนละก้าว ทั้งสองฝ่ายยอมกัน คงไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่า เหตุใดการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนต่างประเทศ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เราอาจจะใช้กันบ่อยกันไป สมัยก่อนนายทหารชั้นยศแค่พลตรี ผบ.พล แค่ออกมาพูดนิดเดียวก็หยุดกันหมดแล้ว ขณะนี้ไม่ว่าใครจะพูด ไม่มีผลกระทบหรือไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แสดงออกให้เห็นถึงการพัฒนาของระบอบประชาธิปไตยในแนวทางที่ดีขึ้น ทุกคนรู้ว่ากองทัพมีความเป็นประชาธิปไตยขึ้น ภาพลักษณ์ของทหารสมัยก่อนกลับปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมากบนพื้นฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าการเป็นประชาธิปไตยมากเกินไปทำให้คนไม่กลัวกฎหมาย พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย กองทัพจะยืนอยู่บนพื้นฐานของการปฏิบัติตามกฎหมายโดยตลอด เราคิดว่าเมื่อจบทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ใครที่ทำอะไรไว้ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามที่เขาได้ทำไว้ เชื่อว่าทุกคนพร้อมจะยอมรับการตัดสินจากตุลาการ