“พล.อ.พัลลภ” เผยเดินทางไปพบจับเข่าคุยกับ “ทักษิณ” ที่ปักกิ่ง ก่อนถูกเพิกถอนหนังสือเดินทางเข้าอังกฤษ รับได้คุยกันเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และความรู้สึก “แม้ว” ที่มีต่อสถาบัน แต่กลับถูกโจมตี
วันนี้ (10 พ.ย.) พล.อ. พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) กล่าวภายหลังเดินทางไปพบ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ตนเกิดความสับสน เพราะประเทศชาติไม่มีความมั่นคง เกิดความแตกแยกในบ้านเมืองเป็นก๊กเป็นเหล่า และทำท่าว่าจะเกิดสงครามการเมือง สัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อน จปร.7 ได้หารือ และล็อบบี้ให้ตนไปช่วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
“ผมจึงหารือกับเพื่อนว่า การเมืองใหม่ที่เสนอมาจะเสนอเข้าสู่อำนาจรัฐได้อย่างไร ถ้าไม่มีอำนาจรัฐ ก็ไม่สามารถไปต่อได้ เมื่อไม่มีปฏิวัติรัฐประหาร รัฐธรรมนูญก็ไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่มีใครตอบได้ ทุกคนนิ่งหมด และในการเดินทางไปประเทศจีนกับเพื่อนร่วมรุ่น จปร.7 ประมาณ 3-4 คน บังเอิญรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ประเทศจีน ก็ติดต่อขอเข้าพบ เพราะอยากเจอ เพื่อถามเรื่องที่มีคนกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ 2 เรื่อง คือ เรื่องที่มีคนกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงเรื่องที่ถูกกล่าวหาอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายในประเทศทุกวันนี้ และจะทำอย่างไรให้ประเทศอยู่ได้อย่างสันติสุข”พล.อ.พัลลภ กล่าว
พล.อ.พัลลภ กล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่า มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งตนก็เชื่ออย่างนั้น เพราะพวกเราที่จบมาจากโรงเรียนทหาร ตำรวจ ถูกหล่อหลอมมาให้ยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ถามกลับมาว่า เชื่อหรือไม่ ซึ่งจากการที่สังเกตจากคำพูด สีหน้า และลักษณะท่าทาง จึงมีความเชื่อ และมีอย่างหนึ่งคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ อีกทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังยืนยันว่า มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว เพราะจบมาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เคยสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน
เมื่อถามว่า ได้ถาม พ.ต.ท.ทักษิณ เกี่ยวกับกรณีที่ถูกกล่าวหาในเรื่องความไม่จงรักภักดีหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เจ็บปวด และกังวลมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะถูกกล่าวหาว่าไม่เคารพต่อสถาบัน รวมทั้งต้องการเปลี่ยนแปลงสถาบัน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่าไม่เคยคิดสักนิดเดียว นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังย้ำอีกว่า กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทั้งหมด
ส่วนปัญหาเรื่องความแตกแยกของคนในชาตินั้น พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความเห็นตรงกัน คือ ไม่อยากเห็นคนไทยต้องหาฆ่ากัน และเกิดความแตกแยก ตนถามไปว่าจะยุติปัญหาได้อย่างไร พ.ต.ท. ทักษิณ บอกว่ามีทางเดียว คือ ถ้าพันธมิตรฯ ยุติบทบาท ก็จะทำให้กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งมี พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ก็จะยุติบทบาทลงเช่นกัน ทุกอย่างก็จะยุติลง
“ปัญหาขณะนี้อยู่ที่พันธมิตรฯ รัฐบาลก็ต้องบริหารประเทศไป เพราะรัฐบาลเข้ามาตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย และได้รับการโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างถูกต้อง ถ้าไม่ไว้ใจรัฐบาล องค์กรตรวจสอบในวันนี้มีเยอะ ก็สามารถตรวจสอบ และดำเนินคดีได้ นี่คือคำตอบที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้บอกกับผม”พล.อ.พัลลภ ระบุ
ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้แนวทางในการแก้ไขปัญหาพันธมิตรฯ หรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้คำว่า ถ้าพันธมิตรฯ ยุติเท่านั้น แต่เรื่องแนวทางไม่ได้พูดถึง ตนมีประสบการณ์เยอะ ให้ไปคิดเองว่าจะยุติอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ ถามว่า สามารถคุยกับ พล.ต.จำลอง ได้หรือไม่ ตนบอกว่า พล.ต.จำลอง วันนี้ไปไกลแล้ว คุยกันไม่รู้เรื่อง พูดอย่างไรเขาคงไม่ฟัง ตนพยายามจะคุยกับ พล.ต.จำลอง หากมีโอกาส ทั้งนี้พันธมิตรฯ ขาด พล.ต.จำลอง เพียงคนเดียว ตนคิดว่าจะทำให้สถานการณ์แกว่ง เพราะแกนนำมีเพียงแต่ พล.ต.จำลอง กับนายสนธิ ลิ้มทองกุล เท่านั้น
“พ.ต.ท.ทักษิณ มีความเป็นห่วงประเทศชาติมาก โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ เพราะทั่วโลกประสบกับปัญหาเศรษฐกิจ ดังนั้นประเทศไทยจะลำบากทั้งปีนี้ โดยปีหน้าจะรุนแรง ฉะนั้นถ้าบริหารจัดการไม่ได้ ประเทศชาติจะลำบาก พ.ต.ท.ทักษิณ มีความเป็นห่วง ส่วนเรื่องคดีความนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าไม่มีปัญหา ก็ขอให้ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเดินทางกลับเข้าประเทศไทยได้ เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองยังไม่เป็นปกติ ต้องรอให้เป็นปกติก่อน ถึงจะเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม”พล.อ.พัลลภ ระบุ
ส่วนกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำการถอนพาสปอร์ตแดงของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าไม่มีปัญหา เพราะยังมีอีกหลายประเทศที่ยังรองรับเขาอยู่ ตอนนี้ต้องขอเวลานิดหนึ่ง แล้วจะกลับมาเคลียร์ปัญหาทั้งหมด แต่โอกาสที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางกลับประเทศไทยเป็นไปได้สูง คงจะต้องรอระยะเวลาสักนิดหนึ่ง เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปในแนวทางที่ถูกต้อง เพราะขณะนี้มันไม่ถูกต้อง พูดง่ายๆ ว่ามีการใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย อย่างพันธมิตรฯ ใช้กฎหมู่บังคับ จึงไม่เป็นไปตามกฎหมาย ฉะนั้นในการเดินทางกลับประเทศไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังลำบาก แต่ท่านติดตามการเมืองไทยอยู่ตลอด เพราะยังมีความเป็นห่วง และกังวลเรื่องสถาบันมาก
เมื่อถามถึงพันธมิตรฯ จะยุติบทบาทลงอย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ต้องยุติด้วยข้อกฎหมาย เพราะวันนี้ที่เขาเอามาอ้างนั้น มันไม่ใช่ เช่น อ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ แต่กลับไปยึดทำเนียบรัฐบาล และสร้างบังเกอร์ ซึ่งเป็นภาพที่ไม่ดีต่อประเทศ ยิ่งกว่าสงครามเวียดนามเสียอีก เหมือนอยู่ในสภาวะสงคราม ไม่สง่างามต่อประเทศ คนที่มาเที่ยวก็ไม่อยากจะมา และทำให้คนไม่อยากมาลงทุน
เมื่อถามว่า มองบทบาทของกองทัพตอนนี้อย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า บทบาทของทหารในขณะนี้อยู่ในสภาวะลำบาก เพราะการปฏิวัติที่ผ่านมาประสบความล้มเหลว ทำให้ทหารเราจะต้องระวังตัวมากขึ้น ทหารจะออกมาทำอะไรก็ยากมาก โดยเฉพาะที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง แต่เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะให้นโยบาย ส่วนทหารเองก็คิดว่าทุกคนพร้อมที่จะอยากเห็นบ้านเมืองสันติสุข แต่อยู่ในสภาวะที่ทำอะไรไม่ได้
เมื่อถามว่า ถ้าหากมีการปะทะกันของประชาชน ทหารจะต้องออกมาระงับเหตุการณ์ใช่หรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ทหารจะต้องออกมาแน่ แต่จะต้องมีเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อน โดยทหารจะออกมาในลักษณะควบคุมเหตุการณ์มากกว่าทำการปฏิวัติ เพราะบทเรียนคราวที่แล้ว ทำให้ทหารเข็ดขยาด ประเทศชาติเสียหาย ส่วนบทบาทผู้นำทหารในขณะนี้เป็นอย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ผบ.เหล่าทัพ ทุกคนเป็นคนดี ใช้ได้ แต่ถูกเรียกร้องจากพันธมิตรฯ ให้ทหารทำการปฏิวัติ ซึ่งมีทั้งชม และด่า ทั้งนี้เรื่องการปฏิวัติ ทหารจะไม่ทำ
“น่าเห็นใจ ผบ.เหล่าทัพ ที่ถูกกดดัน ทางที่ดีที่สุด คือ ทาง ผบ.เหล่าทัพ จะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะเข้าไประงับเหตุการณ์ หากเกิดการจลาจล หรือเกิดเหตุนองเลือดระหว่างประชาชนกับประชาชน ส่วนแนวความคิดที่ทหารจะปฏิวัตินั้น แทนที่สงครามจะเล็ก ก็จะกลายเป็นสงครามขนาดใหญ่ ทำให้ประเทศชาติเสียหายบอบช้ำไปมากขึ้นกว่านี้ ผมเห็นว่ารัฐบาลอยู่ภายใต้การกดดันแบบนี้ทำอะไรก็ไม่ได้ มีแต่คนด่า ตอนนี้อยู่อย่างลำบาก ภาวการณ์เป็นผู้นำจะต้องอดทนสูง ซึ่งน่าเห็นใจนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ และ รมว.กลาโหม”พล.อ.พัลลภ ระบุ
เมื่อถามว่า หากรัฐบาลทาบทามให้ดำรงตำแหน่งรองนายกฯ ด้านความมั่นคง จะรับตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตนดูอยู่ว่าถ้าเข้าไปแล้วสามารถช่วยอะไรได้หรือไม่ ถ้าเข้าไปแล้วสามารถช่วยแก้ไขปัญหาประเทศชาติได้ ก็จะเข้าไป ทั้งนี้ตนไม่ได้อยู่ข้างพันธมิตรฯ แล้ว แต่ตนจะอยู่ข้างประชาชนคนไทยที่จะทำให้ประเทศชาติเกิดความมั่นคง ซึ่งการเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งนี้ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ต่างประเทศ ไม่ได้เป็นผู้ประสานให้เข้าพบตามที่มีการนำไปพูดบนเวทีพันธมิตรฯ แต่อย่างใด