ASTVผู้จัดการรายวัน - ผบ.ทบ.ระบุ จะส่งทหารไปดุแลความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญ เฉพาะที่ร้องขอมาเท่านั้น พร้อมปฏิเสธ"เทพเทือก"ขอกำลังทหารไปอารักขานายกรัฐมนตรี ขณะที่ตำรวจยังคงประชุมเครียด หาตัวโชเฟอร์แท็กซี่สีส้ม ที่อยู่ใกล้เหตุการณ์ ขณะที่กลุ่มคนร้ายส่งสัญญาณกันมากที่สุด ล่าสุด กำลังตำรวจ-ทหารรวม 31 นาย อารักขาเข้มหน้าบ้านนายกฯ ฝ่าย"ตุ๊ดตู่" เจ้าของโรงงานน้ำแข็งโต้"เทพไท" ปัญญาอ่อน ที่ระบุ "ทักษิณ"จ้างมือปาอุจจาระ 3 ล้านบาท
วานนี้ (4 ก.พ.) มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญ ภายหลังจากที่คนร้ายปาถุงบรรจุสิ่งปฏิกูลเข้าไปยังบ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ ถึงการส่งทหารไปดูแลความปลอดภัยบุคคลวีไอพีว่า การดูแลบุคคลสำคัญคงต้องเป็นไปตามกฎหมาย คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดูแล ยกเว้น ในบางส่วนเท่านั้นที่มีการร้องขอมา อย่างไรก็ตาม การไปอยู่กับบุคคลสำคัญต่างๆ การทำงานของทหารจะอยู่ภายใต้การกำกับของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก โดยทหาร เป็นแค่ผู้ช่วยเจ้าพนักงาน
เมื่อถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้ประสานมาที่กองทัพบก เพื่อขอทหารไปดูแลความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี เพิ่มเติมหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่มี สถานการณ์ไม่น่าจะมีอะไร จึงยังไม่มีการหารือ
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผบก.น.5 เรียกประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดีนี้ พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.สส.บก.น.5 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.5 เข้าร่วมประชุม ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พ.ต.อ.สมบัติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ภาพกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่ารถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อและรุ่นใด เนื่องจากภาพที่ได้มาจากกล้องไม่ชัดเจน แต่รูปพรรณสัณฐานของคนร้ายมีความชัดเจนขึ้น
ส่วนรถยนต์แลนด์โรเวอร์ต้องสงสัยตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นรถของประชาชน ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุครั้งนี้ ซึ่งฝ่ายสืบสวนได้ติดตามตัวมาสอบปากคำแล้ว เนื่องจากรถคันดังกล่าวจอดอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ อาจจะเห็นเหตุการณ์ แต่จากการสอบปากคำทราบว่าไม่เห็นเพราะขับรถออกไปก่อน แต่ได้ข้อมูลบางส่วนที่เป็นประโยชน์ในเรื่องของแนวทางการสืบสวน ทางฝ่ายสืบสวนยังได้พยายามติดตามประชาชนที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุและอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวมาเป็นพยาน
"นายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งการให้เร่งจับกุมคนร้ายหรือกดดันตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำตามหน้าที่และเร่งหาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้อยู่แล้ว ส่วนประเด็นรถแท็กซี่สีส้มที่พบว่าอยู่ใกล้กับคนร้ายในจังหวะที่มีการให้สัญญาณกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานไปที่สหกรณ์แท็กซี่เพื่อติดตามตัวคนขับมาสอบปากคำ"พ.ต.อ.สมบัติกล่าว
พ.ต.อ.สมบัติยังกล่าวถึงด.ต.ชัยรัตน์ นาครุ่ง ผบ.หมู่ป.สน.ทองหล่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่จนปล่อยให้เกิดเหตุดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงเหตุการณ์ที่หน้าบ้านนายกรัฐมนตรีว่า ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจำนวน 31 นาย วางกำลังรักษาการณ์โดยกระจายกันอยู่ตามจุดต่างๆ โดยรอบตัวบ้าน และยังมีชุดเคลื่อนที่เร็วคอยตระเวนอยู่รอบนอก นอกจากนี้ ทาง กทม.ยังนำถังขยะใสมาวางไว้รอบรั้วบ้าน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทิ้งขยะได้ใกล้มือ ไม่ต้องเดินออกไปไกลจากตัวบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รองผบช.น. เดินทางมาตรวจกำลังที่คอยรักษาการณ์อยู่บริเวณหน้าบ้านนายกรัฐมนตรี พร้อมเปิดเผยว่า เดินทางมาตรวจการวางกำลังตำรวจรักษาความปลอดภัยตามแผนที่ บช.น.กำหนด และตรวจดูกล้องวงจรปิดภายในบ้านเพื่อตรวจดูบุคคลและรถยนต์ต้องสงสัย ถังขยะรอบบริเวณบ้าน ซึ่งยังไม่พบสิ่งผิดปกติ นอกจากนี้ยังเป็นการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งอีกด้วย
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย แกนนำนปช. กล่าวถึงกรณีที่นาย เทพไท เสนพงษ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าเหตุปาอุจจาระใส่บ้านนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ มีการว่าจ้างกัน 3 ล้านบาท และให้ไปถามพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนั้น การให้ค่าจ้าง 3 ล้านบาทเพื่อให้ไปปาอุจจาระบ้านนายกฯ เป็นคำพูดจาที่คนปัญญาอ่อนยังคิดไม่ได้ เพราะใครจะรวยขนาดจ้างคนไปปาของแค่นี้ด้วยเงิน 3 ล้านบาท และถ้ามีคนจ่ายเงินขนาดนั้นจริงน่าจะมีไปขว้างบ้านนายเทพไทด้วยเพื่อเป็นของแถม
นายจตุพร กล่าวอีกว่า สำหรับข่าวที่ระบุว่า น.พ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ บิดานายกฯจ่ายเงินส่วนตัวเดือนละ 3 แสนบาทเพื่อเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้นายกฯ ว่า ตนภาวนาว่าคงไม่ใช่เรื่องจริง เพราะหากเป็นจริงก็ต้องถามว่าเงิน 3 แสนบาทนั้นเอาไปจ่ายให้ใครและเพื่ออะไร
นายจตุพร กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องข้อกล่าวหาที่ตนพูดตลอดว่านายอภิสิทธิ์หนีทหาร แล้วนายอภิสิทธิ์ ท้าให้ไปพูดนอกสภาเพื่อจะได้ฟ้องร้องดำเนินคดีนั้น ตนได้ไปพูดที่หน้าบก.ทบ.แล้วอัดเป็นซีดีมาให้นายกฯเรียบร้อยแล้ว จึงขอท้าให้นายกฯฟ้องตนได้แล้ว
ขณะที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ซึ่งอยู่ระหว่างถูกพักราชการ กล่าวในเรื่องเดียวกันด้วยเสียงปนหัวเราะว่า ไม่ใช่ฝีมือตนอย่างแน่นอน และไม่ใช่ลูกน้องหางแถวที่คุมไม่อยู่ อย่ามองให้ตนตกต่ำถึงขนาดต้องปาอุจจาระ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงต้องเปลี่ยนจากชื่อ เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะไปเลย คงเป็นการกระทำของพวกม็อบหรือกลุ่มคนที่ไม่พอใจนายกฯ
วานนี้ (4 ก.พ.) มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญ ภายหลังจากที่คนร้ายปาถุงบรรจุสิ่งปฏิกูลเข้าไปยังบ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ ถึงการส่งทหารไปดูแลความปลอดภัยบุคคลวีไอพีว่า การดูแลบุคคลสำคัญคงต้องเป็นไปตามกฎหมาย คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดูแล ยกเว้น ในบางส่วนเท่านั้นที่มีการร้องขอมา อย่างไรก็ตาม การไปอยู่กับบุคคลสำคัญต่างๆ การทำงานของทหารจะอยู่ภายใต้การกำกับของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก โดยทหาร เป็นแค่ผู้ช่วยเจ้าพนักงาน
เมื่อถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้ประสานมาที่กองทัพบก เพื่อขอทหารไปดูแลความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี เพิ่มเติมหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่มี สถานการณ์ไม่น่าจะมีอะไร จึงยังไม่มีการหารือ
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผบก.น.5 เรียกประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดีนี้ พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.สส.บก.น.5 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.5 เข้าร่วมประชุม ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พ.ต.อ.สมบัติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ภาพกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีความเกี่ยวข้องกับคดีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่ารถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อและรุ่นใด เนื่องจากภาพที่ได้มาจากกล้องไม่ชัดเจน แต่รูปพรรณสัณฐานของคนร้ายมีความชัดเจนขึ้น
ส่วนรถยนต์แลนด์โรเวอร์ต้องสงสัยตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นรถของประชาชน ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุครั้งนี้ ซึ่งฝ่ายสืบสวนได้ติดตามตัวมาสอบปากคำแล้ว เนื่องจากรถคันดังกล่าวจอดอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ อาจจะเห็นเหตุการณ์ แต่จากการสอบปากคำทราบว่าไม่เห็นเพราะขับรถออกไปก่อน แต่ได้ข้อมูลบางส่วนที่เป็นประโยชน์ในเรื่องของแนวทางการสืบสวน ทางฝ่ายสืบสวนยังได้พยายามติดตามประชาชนที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุและอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวมาเป็นพยาน
"นายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งการให้เร่งจับกุมคนร้ายหรือกดดันตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำตามหน้าที่และเร่งหาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้อยู่แล้ว ส่วนประเด็นรถแท็กซี่สีส้มที่พบว่าอยู่ใกล้กับคนร้ายในจังหวะที่มีการให้สัญญาณกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานไปที่สหกรณ์แท็กซี่เพื่อติดตามตัวคนขับมาสอบปากคำ"พ.ต.อ.สมบัติกล่าว
พ.ต.อ.สมบัติยังกล่าวถึงด.ต.ชัยรัตน์ นาครุ่ง ผบ.หมู่ป.สน.ทองหล่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่จนปล่อยให้เกิดเหตุดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงเหตุการณ์ที่หน้าบ้านนายกรัฐมนตรีว่า ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจำนวน 31 นาย วางกำลังรักษาการณ์โดยกระจายกันอยู่ตามจุดต่างๆ โดยรอบตัวบ้าน และยังมีชุดเคลื่อนที่เร็วคอยตระเวนอยู่รอบนอก นอกจากนี้ ทาง กทม.ยังนำถังขยะใสมาวางไว้รอบรั้วบ้าน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทิ้งขยะได้ใกล้มือ ไม่ต้องเดินออกไปไกลจากตัวบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รองผบช.น. เดินทางมาตรวจกำลังที่คอยรักษาการณ์อยู่บริเวณหน้าบ้านนายกรัฐมนตรี พร้อมเปิดเผยว่า เดินทางมาตรวจการวางกำลังตำรวจรักษาความปลอดภัยตามแผนที่ บช.น.กำหนด และตรวจดูกล้องวงจรปิดภายในบ้านเพื่อตรวจดูบุคคลและรถยนต์ต้องสงสัย ถังขยะรอบบริเวณบ้าน ซึ่งยังไม่พบสิ่งผิดปกติ นอกจากนี้ยังเป็นการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งอีกด้วย
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย แกนนำนปช. กล่าวถึงกรณีที่นาย เทพไท เสนพงษ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าเหตุปาอุจจาระใส่บ้านนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ มีการว่าจ้างกัน 3 ล้านบาท และให้ไปถามพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนั้น การให้ค่าจ้าง 3 ล้านบาทเพื่อให้ไปปาอุจจาระบ้านนายกฯ เป็นคำพูดจาที่คนปัญญาอ่อนยังคิดไม่ได้ เพราะใครจะรวยขนาดจ้างคนไปปาของแค่นี้ด้วยเงิน 3 ล้านบาท และถ้ามีคนจ่ายเงินขนาดนั้นจริงน่าจะมีไปขว้างบ้านนายเทพไทด้วยเพื่อเป็นของแถม
นายจตุพร กล่าวอีกว่า สำหรับข่าวที่ระบุว่า น.พ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ บิดานายกฯจ่ายเงินส่วนตัวเดือนละ 3 แสนบาทเพื่อเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้นายกฯ ว่า ตนภาวนาว่าคงไม่ใช่เรื่องจริง เพราะหากเป็นจริงก็ต้องถามว่าเงิน 3 แสนบาทนั้นเอาไปจ่ายให้ใครและเพื่ออะไร
นายจตุพร กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องข้อกล่าวหาที่ตนพูดตลอดว่านายอภิสิทธิ์หนีทหาร แล้วนายอภิสิทธิ์ ท้าให้ไปพูดนอกสภาเพื่อจะได้ฟ้องร้องดำเนินคดีนั้น ตนได้ไปพูดที่หน้าบก.ทบ.แล้วอัดเป็นซีดีมาให้นายกฯเรียบร้อยแล้ว จึงขอท้าให้นายกฯฟ้องตนได้แล้ว
ขณะที่พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ซึ่งอยู่ระหว่างถูกพักราชการ กล่าวในเรื่องเดียวกันด้วยเสียงปนหัวเราะว่า ไม่ใช่ฝีมือตนอย่างแน่นอน และไม่ใช่ลูกน้องหางแถวที่คุมไม่อยู่ อย่ามองให้ตนตกต่ำถึงขนาดต้องปาอุจจาระ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงต้องเปลี่ยนจากชื่อ เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะไปเลย คงเป็นการกระทำของพวกม็อบหรือกลุ่มคนที่ไม่พอใจนายกฯ