xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ยื่นถอดถอน “นพเหล่” ชี้จงใจลงนามร่วมหนุนเขมร ขัดต่อ รธน.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ฝ่ายค้าน”ยื่นวุฒิฯ ถอดถอน “นพดล”แล้ว โทษฐานทำความผิด ตาม ม.190 จงใจ -ฝ่าฝืน รธน.ขั้นร้ายแรง แม้ลาออก ก็ไม่มีผล ป.ป.ช. ยังเดินหน้าต่อ พร้อมสั่งทีม กม.จ้องฟันคดีอาญาซ้ำ เผยเตรียมเชือด “นายกฯ-ครม.” คิวต่อไป แย้ม อาจมี รมต.5 รายรอด เพราะลาประชุม วันที่17 มิ.ย.

เมื่อเวลา12.00 น. วันที่ 10 ก.ค. ที่รัฐสภา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) พร้อมคณะ ได้ยื่นหนังสือต่อ นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่1 เพื่อขอให้ถอดถอนนาย นพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 พร้อมจำนวนรายชื่อ ส.ส. 1ใน4 ตามรัฐธรรมนูญ โดยนายนิคม กล่าวว่า ขอเวลาตรวจสอบรายชื่อตาม มาตรา 117ก่อน และจะส่งให้ป.ป.ช.ดำเนินการต่อโดยเร็ว

นายสาทิตย์ กล่าวภายหลังการยื่น ว่า การตรวจสอบคงใช้เวลาไม่นานและยื่นต่อ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนข้อหาที่ถอดถอดนาย นพดล คือ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญ ซึ่งในคำร้องจะยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า รมว.ต่างประเทศ มีเจตนาที่จะจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา190 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไปแล้วว่าคำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา เป็นหนังสือสัญญาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190

นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า การถอดถอนครั้งนี้ฝ่ายค้านระบุเหตุหลัก 3 ข้อคือ 1.รมว.ต่างประเทศมีเจตนาพิเศษที่เร่งรัด ฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ให้แถลงการณ์ร่วมมีผลโดยเร็ว ซึ่งเราเชื่อว่าเอกสาร หลักฐานทั้งหลายยืนยันว่าการเจรจาในเรื่องนี้เริ่มต้นที่เกาะกง เมื่อวันที่14พ.ค.51 ที่รมว.ต่างประเทศเดินไปทางกับน้องเขย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และในวันนั้นมีข้อครหาเบื้องต้นแล้วว่า เป็นการแลกกันกับผลประโยชน์ ซึ่งเจตจนพิเศษนี้นำมาซึ่งการไปเจรจา กับคณะที่ประเทศฝรั่งเศส ในวันที่22-23 พ.ค.51 และที่ผิดปกติมากคือหลังจากการเจรจาไปแล้วมีการลงมติ ครม.เห็นชอบย้อนหลังไปผูกพัน วันที่ 22-23 พ.ค.51 ด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่งเพราะหลักฐานปรากฏในตอนหลังว่า ในวันที่22-23 พ.ค.51นั้น รมว.ต่างประเทศยังไปลงนามกำกับในร่างของคำแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวด้วย

นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า 2.มีคนท้วงติงกรณีแถลงการณ์ร่วมอาจจะเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เพราะก่อนหน้าที่ ครม.จะมีมติในวันที่17 มิ.ย.51แต่ รมว.ต่างประเทศ ยังยืนยันที่จะดำเนินการแสดงว่ามีเจตนาที่จะฝ่าฝืน รัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง และ3.รมว.ต่างประเทศ คนนี้เป็นนักกฎหมาย จบนิติศาสตร์ จบเนติบัณฑิต สมควรที่จะรู้รัฐธรรมนูญและข้อกฎหมายอย่างชัดเจน เพราะถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของ นายนพดล หลายครั้งที่พรรคได้อ้างนายนพดล ได้พูดชัดถึงอนุสัญญากรุงเวียนนาซึ่งเป็นเรื่องของสนธิสัญญา และได้พูดถึง รัฐธรรมนูญมาตรา 190 แต่ได้บิดเบือนข้อเท็จจริงในการชี้แจง เพื่อที่จะให้แถลงการณ์ร่วม ไทย-กัมพูชามีผล

นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า ทั้งหมดจึงชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมของ รมว.ต่างประเทศ จงใจฝ่าฝืน ซึ่งเป็นการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องใช้คำว่าผิดอย่างร้ายแรง ซึ่งผลกระทบที่จะตามมาทีหลังคือ กรณีที่ประเทศไทยจะเสี่ยงต่อการเสียดินแดน อย่างที่ทุกคนเป็นห่วงอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตามการยื่นถอดถอนนายนพดล ครั้งนี้เป้ฯเพียงขั้นต้นเท่านั้น เพราะขั้นตอนต่อไปจะต้องดูว่า มี รัฐมนตรีคนใดที่เข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งในวันนี้( 10ก.ค.) เลขาธิการ ครม.ได้ยื่นเอกสาร สรุปผลการประชุม ครม.วันที่17และ 24 มิ.ย.51 ซึ่งมีรายชื่อรัฐมนตรีที่เข้าประชุมและลาประชุมชัดเจน ทั้งนี้สิ่งที่พรรคดูอยู่คือความเกี่ยวพันกับนายกรัฐมนตรี ดังนั้นคำร้องถอดถอนที่น่าจะดำเนินการต่อไป ก็จะเกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้กำลังดูเอกสาร หลักฐาน อยู่เพราะต้องยอมรับว่าเอกสาร หลักฐานในเรื่องนี้มีความจงใจที่จะปกปิด เป็นไปได้อย่างไรที่มติ ครม. วันที่27 พ.ค.51ซึ่งย้อนหลังไปผูกพันการลงนามที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ 22-23 มิ.ย. ไม่มีการเปิดเผยมาก่อน และมติ ครม.เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.51ก็ไม่ปรากฏหลักฐานทางราชการใดๆทั้งสิ้น แม้แต่ในมติ ครม. วันที่24 มิ.ย. 51หรือจนกระทั่งวันนี้ที่ฝ่ายค้านขอเอกสารไปก็ยังไม่ได้ ดังนั้นอาจมีความจำเป็นที่ฝ่ายค้านจะต้องไปกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อไปขอเอกสารเหล่านี้ด้วย

“ข้อที่ผิดปกติเหล่านี้ถือเป็นภาระหนักอย่างยิ่งของฝ่ายค้านที่จะต้องไปรวบรวมหลักฐาน ซึ่งในเบื้องต้นเชื่อว่า นายกรัฐมนตรีหนีไม่พ้นที่จะต้องมีความรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น และข้อหาก็คงจะเหมือนกัน คือส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ”นายสาทิตย์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าเท่าที่ดูรายชื่อการประชุม ครม. มีรัฐมนตรีคนใดบ้างที่เกี่ยวข้อง นายสาทิตย์ กล่าวว่าจากกาตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รัฐมนตรีที่เข้าประชุม ครม. เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.51มีลาการประชุม 5 คน เท่าที่จำได้มี น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯและรมว.คลัง พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน ส่วนอีก 3 คนจำชื่อไม่ได้ แต่รัฐมนตรีสำคัญๆอยู่ครบ นอกจากนั้นยังมีข้าราชการจากกระทรวงการต่างประเทศ และกรมแผนที่ทหาร ทั้งนี้สิ่งที่รออยู่คือเอกสารที่เกี่ยวกับ มติ ครม. วันที่ 17มิ.ย.51 ที่สำคัญคือจะต้องมีหนังสือต้นเรื่องจากกระทรวงการต่างประเทศ ที่ถือว่าสำคัญมาก เพราะทางสำนักเลขา ครม. อ้างว่า กระทรวงการต่างประเทศอ้างเป็นความลับ ชั้นความลับมาก ตนจึงได้เรียนกับเลขาธิการครม. ไปว่า ระเบียบทางราชการเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเสียดินแดน เรื่องเขาพระวิหาร เป็นเรื่องกระทบต่อสังคมและประเทศไทยในวงกว้าง สมควรที่จะเปิดเผยข้อเท็จจริงได้แล้ว

เมื่อถามว่า แสดงว่ามติ ครม.17มิ.ย.51จะเป็นเหตุผลสำคัญในการที่จะถอดถอน รัฐมนตรีคนอื่นๆได้ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ต้องดูหลักฐานอื่นๆด้วย แต่ขณะนี้มีพอสมควรแล้ว ทั้งนี้ในเรื่องเอกสารที่เกี่ยวข้องถือว่าเป็นเร่องสำคัญ เพราะถ้าร้องถอดถอนไปแล้วก็เป็นหน้าที่ของคนที่ถูกร้องถอดถอน ต้องไปชี้แจงเอาเอง

“เรื่องถอดถอนนี้พวกเราจำเป็นต้องทำคงไม่ใช่เป็นเรื่อวงการล้มรัฐบาลหรืออย่างไร แต่เป็นการทำหน้าที่ในการปกปักษ์รักษาแผ่นดินเกิดและถือว่าเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน”นายสาทิตย์ กล่าว

นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการาดำเนินคดีอาญาเอาผิดกับนายนพดลนั้น ทีมกฎหมายของพรรคกำลังดำเนินการอยู่ และทาง ส.ว.ก็จะยื่นดำเนินคดีอาญา ตามมาตรา 275 อยู่แล้ว ซึ่งเราก็ต้องทำทุกทาง ทั้งนี้การถอดถอนนายนพดล ถึงแม้ว่านายนพดลจะลาออกก็ไม่มีผล เพราะถือว่าการถอดถอนมีผลแล้ว และ ป.ป.ช. ก็ต้องไปดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป และถ้าพบความผิดใดที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะนักการเมือง ก็อาจจะต้องส่งไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองด้วย และเรื่องนี้ต้องทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่าคนเป็นรัฐมนตรีต้องรักษาผลประโยชน์ให้ประเทศชาติ และทุกเรื่องที่เขียนมนคำถอดถอน ทำให้เหก้นได้ชัดว่านายนพดล บิดเบือนข้อเท็จจริงและจงใจเจตนาพิเศษที่จะจงใจฝ่าฝืนอย่างชัดแจ้ง โดยไม่เกรงว่านี่คือเรื่องความผิดตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ



กำลังโหลดความคิดเห็น