รองประธานวุฒิฯ ดิ้นพายเรือช่วยโจรต่อ เรียกประชุมวิปวุฒิฯ เดินหน้าหนุนตั้ง ส.ส.ร.3 ตามผลหารือ “ฝ่ายเดียว” อ้าง ส.ว.ส่วนใหญ่หนุนแก้ ม.291 คนค้านมีแค่ ส.ว.บางกลุ่มและพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมล่าชื่อ 70 ส.ว.หนุนแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เสียงเป็นเอกฉันท์ โอดรู้ตัวดีตกเป็นเป้า แต่ทำไปเพราะประธานวุฒิฯ มอบหมาย
ที่รัฐสภา วันนี้ (22ต.ค.) นายนิคม ไวยรัชพานิช ส.ว.ฉะเชิงเทรา รองประธานวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวภายหลังการประชุมกรรมาธิการ ว่า ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงผลการประชุม 4 ฝ่าย รวมถึงการดำเนินการยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 50 มาตรา 291 เพื่อให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ชุดที่ 3 (ส.ส.ร.3) ซึ่งในที่ประชุมวิปวุฒิสภา มีทั้งผู้เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย และในการประชุมวุฒิสภาวันที่ 24 ต.ค.นี้ จะนำเรื่องดังกล่าวแจ้งต่อที่ประชุมถึงการดำเนินการดังกล่าวด้วย เพื่อให้ ส.ว.ทั้ง 149 คน ได้รับทราบและแสดงความคิดเห็น และสอบถามจุดยืนของประธานวุฒิสภา แต่จะไม่มีการลงมติ เพราะเป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกแต่ละคนว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
เมื่อถามถึงกรณีที่ ส.ว.กลุ่มหนึ่ง ดำเนินการรวบรวมรายชื่อ ส.ว.เพื่อสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายนิคม กล่าวว่า ทราบมาว่า ขณะนี้รวบรวมรายชื่อได้แล้ว 20-30 คน ความจริงใช้เสียงสมาชิกรัฐสภาเพียง 1 ใน 5 คือ 126 คนเท่านั้น ก็ได้แล้ว แต่อยากให้เสียงเป็นเอกฉันท์ ซึ่งใจตนคิดว่ารวบรวมได้ 60-70 คนก็เพียงพอแล้ว เพื่อให้เห็นว่าฝ่ายนิติบัญญัติก็เป็นที่แก้ปัญหาได้ เดี๋ยวจะกล่าวหาว่าใช้กำลังข่มขืนกัน
นายนิคม กล่าวว่า บางกลุ่มที่อยากจะเห็นการเมืองใหม่ หรือต้องการนายกฯ พระราชทานก็สามารถใช้เวที ส.ส.ร.ได้ เมื่อถามว่า จุดยืนของวุฒิสภาต่อการแก้ไขมาตรา 291 อย่างไร นายนิคม กล่าวว่า มั่นใจว่า เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วย บางคนที่นิ่งไม่ได้หมายความจะไม่ทำอะไรเลย ตนยังเชื่อว่า เสียงของวุฒิสภาจะเป็นเอกฉันท์ถึงจะมีบางกลุ่มไม่เห็นด้วยก็ตาม ถึงแม้ช่องทางนี้จะเห็นแสงริบหรี่ แต่ก็ดีกว่าไม่เห็นแสงอะไรเลย
เมื่อถามว่า จะขัดต่อท่าทีของ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ที่ถอนตัวจากการประชุม 4 ฝ่ายหรือไม่ นายนิคม กล่าวว่า จุดยืนของประธานวุฒิสภาก็เห็นด้วยตั้งแต่แรก แม้ตอนนี้จะมีปัจจัยมาทำให้ท่าทีของท่านเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ไม่เป็นผลอะไร เพราะเสียงจากทุกฝ่ายเห็นด้วย ยกเว้นแค่พรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ว.กลุ่มเดียวเท่านั้น
เมื่อถามว่า ในที่ประชุมวิปวุฒิสภาได้พูดถึงบทบาทของกลุ่ม 40 ส.ว.หรือไม่ นายนิคม กล่าวว่า ก็มีการพูดถึงว่าควรยอมความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ไม่ใช่ว่าใครไม่เห็นด้วยก็หาว่าไม่ถูกต้อง เราต้องยอมรับบทบาทในแต่ละกลุ่ม ทุกคนเรียกร้องในความเป็นกลาง กลุ่ม 40 ส.ว.ก็เรียกร้องในความเป็นกลาง แต่วิธีปฏิบัติที่ผ่านมาเชื่อว่าประชาชนรู้ว่าเป็นอย่างไร
“ผมก็ถูกพาดพิงว่า การเข้าร่วมยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ไปสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาล รู้ดีว่าตกเป็นเป้า แต่ข้อเท็จจริงแล้วไปทำหน้าที่เพราะได้รับมอบหมายจากประธานวุฒิสภา เมื่อที่ประชุม 4 ฝ่ายมีมติตามนั้น แล้วยังไม่มีใครบอกยกเลิก ผมก็ต้องเดินหน้าต่อ และที่เราออกแบบโครงสร้าง ส.ส.ร.ก็พยายามให้ฝ่ายการเมืองเข้ามามีส่วนน้อยที่สุด เพื่อให้เป็นเวทีทุกฝ่ายมีที่ลง ใครเห็นต่างอย่างไรก็มาร่วมได้ แต่ที่เปิดให้ผู้ที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองเป็น ส.ส.ร.ได้นั้นเป็นการเปิดกว้างๆ เท่านั้น เพราะเราต้องส่งเสริมประชาธิปไตย แต่สามารถทบทวนขั้นแปรญัตติได้ แต่จะให้ปลอดจากการเมืองร้อยเปอร์เซ็นต์คงเป็นไปไม่ได้” นายนิคม กล่าว
อนึ่ง สำหรับการประชุม 4 ฝ่าย เพื่อหารือถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อตั้ง ส.ส.ร. 3 เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ในความเป็นจริง อาจกล่าวได้ว่าเป็นเพียงการประชุม 1 ฝ่าย เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศถอนตัวตั้งแต่รัฐบาลใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ส่วนวุฒิสภานั้น นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ได้ขอลาประชุม และไม่ได้มอบหมายให้ใครเป็นตัวแทนเข้าประชุม จึงเหลือแต่เพียงฝ่ายรัฐบาล และสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถือว่าเป็นฝ่ายเดียวกันเพราะประกอบไปด้วย ส.ส.พรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาล 5 พรรคเหมือนกัน
ส่วน นายนิคม ไวยรัชพานิช ที่เข้าประชุมในวันดังกล่าว เป็นการเข้าประชุมโดยพลการ ไม่ได้รับมอบหมายจากประธานวุฒิสภา และไม่ได้มีมติจากที่ประชุมวุฒิสมาชิก แต่ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนฯ ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวเชิญเข้าประชุม นอกจากนี้ นายนิคม ยังมีความใกล้ชิดกับ นายสุชาติ ตันเจริญ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย หัวหน้ากลุ่มบ้านริมน้ำ และได้รับเลือกตั้งเพราะใช้ฐานคะแนนเสียงของ นายสุชาติ อีกด้วย
นายประสพสุข เคยให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ว่า หลังจากที่ได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบเพื่อขอลาไม่เข้าร่วมประชุม 4 ฝ่าย ก็ไม่ได้มีคำสั่ง หรือออกหนังสือให้ นายนิคม หรือสมาชิกวุฒิสภาคนหนึ่งคนใดเข้าร่วมประชุมในฐานะตัวแทนวุฒิสภา และวุฒิสภาไม่ได้มีมติเสียงข้างมากให้สมาชิกเข้าร่วมประชุม 4 ฝ่ายด้วย ดังนั้น การเข้าร่วมประชุมของ นายนิคม ถือเป็นความคิดเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับมติของวุฒิสภา นอกจากนี้ นายประสพสุข ยังแสดงความกังวลว่า ส.ส.ร.3 จะนำไปสู่ความรุนแรง จากความเห็นที่แตกต่างในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกด้วย
แฉแหกตา! มติ 3 ฝ่ายตั้ง ส.ส.ร.-รอง ปธ.วุฒิฯ เข้าร่วมส่วนตัว