โผ ครม.“มาร์ค1” ยังไม่ลงตัว ลูกทีม ปชป.โวย “สุเทพ” ให้เก้าอี้ รมว.พาณิชย์ กระทรวงสำคัญทางเศรษฐกิจกับ “มัชฌิมาฯ” เตรียมนำเข้าถกในการประชุม กก.บห.และ ส.ส.พรรควันนี้ เผยทาบ “ประมนต์” นั่งรองนายกฯ ร่วมทีมเศรษฐกิจกับนายกฯ ส่วนคลังลงตัว “กรณ์” คุมเอง ด้าน “สุเทพ” ย้ำโผ ครม.เสร็จแน่วันนี้ รับ “ประวิตร” นั่งกลาโหม “บิ๊กป๊อก” ปัดอยู่เบื้องหลัง พร้อมชี้ กรณี “อภิสิทธิ์” หนีทหารจบไปนานแล้ว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า การจัดรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะจบในวันพฤหัสบดีที่ 18 ธ.ค.อย่างไรก็ตาม จะเปิดเผยชื่อก่อนจะมีพระบรมราชโองการคงไม่เหมาะสม สื่อมวลชนคงต้องไปหาเอาเอง ส่วนที่มีการวิจารณ์กันว่า การจัดรายชื่อ ครม.ทำให้เกิดปัญหาภายในพรรคประชาธิปัตย์นั้นตนไม่ได้ยินว่าจะเกิดปัญหา เชื่อว่า ในพรรคประชาธิปัตย์นั้นระบบพรรคแข็งแรง อยู่มานานกว่า 63 ปี จึงไม่คิดว่าการจัด ครม.จะมีปัญหา เท่าที่จัดมาตลอดก็ไม่มีปัญหา
ส่วนที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเตือนว่า ส.ส.อย่าแย่งเก้าอี้กัน และให้ นายสุเทพ กับ นายอภิสิทธิ์ ยึดหลักการพิจารณาคนดี เข้ามาเป็นรัฐมนตรีนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ได้ข่าวจากสื่อ ยังไม่ได้พบ นายชวน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐมนตรียังไม่ได้คัดเลือกกัน แต่ยืนยันว่า การจัด ครม.นั้นไม่มีโผล่วงหน้า ไม่มีโควตาภาคนั้นภาคนี้ ดูที่ตัวบุคคล และความสามารถ ความเหมาะสม และได้ทำงานให้พรรคและบ้านเมืองมาจนเป็นที่ไว้วางใจ
สำหรับโควตาพรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายสุเทพ ยอมรับว่า ตัวเลขมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่กระทรวงที่เคยรับปากให้เขาดูแล และที่เขาเคยดูแลมาก่อนยังเหมือนเดิม ส่วนที่มีข่าวว่าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาจะเหลือเพียงตำแหน่งเดียวนั้นคงไม่จริง
รับ “ภูมิใจไทย” ขอแลกเก้าอี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวที่ว่า พรรคภูมิใจไทย หรือ พรรคมัชฌิมาธิปไตยเดิม ขอแลกเก้าอี้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็น รมว.พาณิชย์นั้น นายสุเทพ กล่าวยอมรับว่า ใช่ เป็นการตกลงกันมาก่อนแล้ว ดังนั้น พรรคภูมิใจไทย จะได้ 1 รมว.กับอีก 1 รมช.เป็นไปตามที่ได้รับปากกันไว้ ส่วนจะเป็นใครนั้นเขาจะพิจารณาและมาปรึกษากับเรา ซึ่งเราให้เกียรติเขา พิจารณา แต่ถ้าจะเป็นคนนอกคงต้องขอดูหน้าตากันหน่อย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ ทาบทาม นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการ UNCTAD กับ นายประมนต์ สุทธีวงศ์ ประธานหอการค้าไทย มาร่วมทีมเศรษฐกิจ นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องการทาบทามทั้ง 2 คนนี้ หรือคนอื่น ช่วยกรุณาถาม จาก นายอภิสิทธิ์ เอาเอง เพราะพรรคมอบให้ นายอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจตัวจริง ส่วนตนทำหน้าที่ประสานงานกับนักการเมือง และพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น
ปชป.ได้โควตา รมต.14-15 ตำแหน่ง
นายสุเทพ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้น จะมีรัฐมนตรีประมาณ 14-15 คน โดยต้องหารือกันในคณะกรรมการบริหารพรรคก่อน จากนั้นจะพิจารณาให้ความเห็นชอบว่าจะมอบให้ใครเข้าไปทำหน้าที่ดูแลกระทรวงไหน แล้วนำเข้าสู้ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ ส.ส.ชองพรรค และหากมีการทักท้วง จะนำกลับมาเข้าที่ประชุมในคณะกรรมการบริหารพรรคใหม่ แต่ถ้าผ่าน ก็เรียบร้อย ส่วนตำแหน่ง รมว.คลังนั้น ตนพูดแทนกรรมการบริหารพรรคไม่ได้ ดี๋ยวเขาโกรธ ส่วนคนนอกที่จะเข้ามาร่วมนั้นจะมี 1-2 คน โดยแน่นอนว่า รมว.กลาโหม จะเป็นคนนอก
“ขอบคุณปลัดกระทรวงกลาโหมที่ออกมาเตือน แต่ผมไม่มีนิสัยที่จะไปครอบงำใคร วันนี้เป็นเลขาธิการพรรคทำงานรับใช้และเป็นลูกน้องคุณอภิสิทธิ์ ไม่คิดครอบงำ ขอให้ปลัดกระทรวงกลาโหมสบายใจได้ และผมจะได้ระวังบทบาทของตัวเอง เพิ่มความสำรวมให้มากยิ่งขึ้น”
รับ “ประวิตร” เหมาะนั่ง รมว.กลาโหม
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ.มาเป็น รมว.กลาโหม พรรคจะสลัดคราบสีเขียวมาช่วยจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้มาเกี่ยวข้อง และไม่มีสีเขียวไหนมาเกี่ยวข้อง นอกจากตนไปขอคำปรึกษา ในบางเรื่อง ซึ่งต่อไปตนคงต้องไปขอคำปรึกษาจากผู้บัญชาการเหล่าทัพอีกหลายเรื่องด้วยกัน เพราะเป็นรัฐบาลต้องพึ่งพากำลังจากกองทัพเพื่อมาพัฒนาประเทศในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ทั้งนี้ พล.อ.ประจิตร มีคุณสมบัติเหมาะสม แต่ก็อาจมีคนอื่นที่เหมาะสมและดีเหมือนกันซึ่งตนยังไม่ได้ทำการบ้าน
คุม สตช.อยู่ที่นายกฯจะพิจารณา
ส่วนข่าวที่ว่า นายสุเทพ จะไปดูแลงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าตัวเองจะไปนั่งตรงไหน และยังไม่ได้คิด แล้วแต่ นายกรัฐมนตรีจะให้ไปทำงานตรงไหน แต่ตนตั้งใจจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ และทำให้เรียบร้อย หลังจากนี้จะเอาอย่างไรก็มาตกลงกัน
ผู้สื่อข่าวถมว่า การให้ นายอภิสิทธิ์ รับภาระดูแลด้านเศรษฐกิจอย่างหนัก โดยที่ไม่มีกันชนจะทำให้เสี่ยงเกินไปหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ประชาชน คนไทย พ่อค้า นักธุรกิจ เขาเสี่ยงอยู่ทุกวัน ถือเป็นภาระหน้าที่ที่นายกรัฐมนตรีต้องลงมาดูแล ด้วยตัวเอง ในเมื่ออาสาเข้ามารับใช้ประเทศชาติแล้วจะมัวมาห่วงตัวเองทำไม ตนมั่นใจว่า นายอภิสิทธิ์ นำเศรษฐกิจของประเทศไทยไปได้ เพราะเป็นคนหนุ่มมีความรู้ ความมุ่งมั่น และมีความสามารถ เข้ากับบุคคลอื่นได้ และยังเข้ากับสากลได้
ประชาธิปัตย์วุ่นโผ ครม.ไม่ลงตัว
สำหรับความเคลื่อนไหวการจัดสรรเก้าอี้ คณะรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ 1 แม้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ในการบัญชาการจัดกระบวนทัพต่างๆ ประกาศว่า หลังการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีแล้ว ประชาชนจะได้เห็นหน้าตาของ ครม.ชุดนี้ แต่จนถึงขณะนี้ยังคงมีการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีกันอยู่ โดยเฉพาะภายในพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นพรรคแกนนำแต่ล่าสุดได้โควตาเพียง 14 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ มีกระแสข่าวว่า นายสุเทพ จะไม่รับเก้าอี้ รมว.มหาดไทย เพราะกลัวจะเป็นสายล่อฟ้า ถูกโจมตีจากเรื่องต่างๆ และยังถูกวิจารณ์ว่าจะไปครอบงำการบริหารงานของนายอภิสิทธิ์ โดยล่าสุดนายสุเทพ ได้เข้าหารือกับ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอให้รับตำแหน่ง รมว.มหาดไทย แทน แต่ นายบัญญัติ ปฏิเสธ พร้อมทั้งแนะนำว่าตามยุทธศาสตร์ การเมืองเลขาธิการพรรคควรเป็น รมว.มหาดไทย จึงมีแนวโน้มว่า นายสุเทพ จะนั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.มหาดไทย
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ซึ่งพรรคมัชฌิมาธิปไตย ได้ขอไว้ระหว่างติดต่อขอให้มาสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่พรรคมัชฌิมาธิปไตย เคยรับในรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาให้พรรคประชาธิปัตย์ แต่ปรากฏว่า เกิดแรงกดดันภายในพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเห็นว่ากระทรวงพาณิชย์เป็นกระทรวงที่สำคัญในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่สำคัญไทยกำลังจะเป็นประธานการประชุมอาเซียน รมว.พาณิชย์ จึงมีความสำคัญมาก แต่เมื่อนายสุเทพ ได้หารือกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคมัชฌิมาฯ ที่ยืนยันตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ต้องยอมปล่อยไป
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเย็นวานนี้ (17 ธ.ค.) นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วน ได้มีการเรียกหารือกับคณะทำงานด้านเศรษฐกิจอีกครั้ง ก่อนที่จะยื่นข้อเสนอให้ ผู้บริหารพรรคทบทวนอีกครั้ง และในการประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ในวันนี้ (18 ธ.ค.) ได้มีสมาชิกบางส่วนเตรียมที่จะซักถามเหตุผลในเรื่องนี้ เนื่องจากสร้างแรงกระเพื่อมต่อากรจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ในส่วนของพรรคอย่างมาก เพราะมีความเป้นไปได้ว่าจะต้องลดเก้าอี้ลงจาก 18 ที่นั่งเหลือแค่ 14-16 ที่นั่ง
ทาบ “ประมนต์” นั่งรองนายกฯ
มีรายงานข่าวด้วยว่า แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทาบทาม นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าไทย มานั่งตำแหน่ง รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ เพื่อทำงานควบคู่กับนายอภิสิทธิ์ ที่จะมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ โดยจะมีการทำงานในรูปของคณะกรรมการ เพื่อไม่ให้แต่ละกระทรวงมีอิสระแยกจากกัน
สำหรับกระทรวงที่มีความชัดเจนแล้ว คือ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค เป็น รมว.คลัง ส่วน รมช.คลัง เป็นโควตาคนนอก (ขณะนี้อยู่ระหว่างการทาบทาม) มี นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ จากพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เป็น รมช.คลัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค เป็นรองนายกฯ ควบ รมว.มหาดไทย นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย (อีก 1 เก้าอี้เป็นของกลุ่มเพื่อนเนวิน ที่ยังคงช่วงชิงกันกับพรรคเพื่อแผ่นดิน) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ.นั่ง รมว.กลาโหม
นายไพฑูรย์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค นั่ง รมว.แรงงาน คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมว. วิทยาศาสตร์ นายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.ทรัพยากรฯ นายเทอดพงษ์ ไชยนันท์ รมว.สาธารณสุข นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.ยุติธรรม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ รมช.ศึกษาฯ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯดูแล ด้านสื่อสารมวลชน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นั่ง รมต.ประจำสำนักนายกฯ ดูแลด้านกฎหมาย นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ นั่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ประธานสภาที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี
ส่วนตำแหน่งที่ยังไม่ชัดเจน คือ รมว.ต่างประเทศ ที่แม้จะมีชื่อ นายกษิต ภิรมย์ เข้าชิงอยู่ แต่มีกระแสข่าวว่ายังมีการทาบทามคนนอกด้วย ซึ่งขณะนี้มีชื่อของ นายสาโรจน์ ชวนะวิรัช อดีตปลัดกระทรวงต่างประเทศ เคยทำงานร่วมกับรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์มาก่อน นอกจากนี้ยังมีสมาชิกบางส่วนเตรียมเสนอชื่อ นายเกียรติ สิทธีอมร หลังจากที่พลาดเก้าอี้ รมว.พาณิชย์
ขณะที่ นายธีระ สลักเพชร นายสาธิต ปิตุเตชะ อยู่ระหว่างการตัดสินใจ หากแกนนำพรรคให้เก้าอี้กับนายธีระก็จะได้ไปนั่ง รมว.วัฒนธรรม แต่หาก นายสาธิต ได้รับการคัดเลือกก็จะไปนั่ง รมช.พาณิชย์ ขณะที่โควตาของกทม. ยังมีปัญหากันระหว่าง นายองอาจ คล้ามไพบูรณ์ กับ นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ซึ่งหากนายองอาจได้รับการคัดเลือกก็จะไปนั่ง รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
“อนุพงษ์” ปัดอยู่เบื้องหลัง “ประวิตร” นั่ง รมว.กห..
พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวผลักดัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ.เป็น รมว.กลาโหม ว่า ไม่ทราบว่าใครจะเป็นตำแหน่งใด เป็นเรื่องของพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลเป็นผู้พิจารณา ซึ่ง 2 รัฐบาลที่ผ่านมาผู้ที่เป็น รมว.กลาโหม ไม่ใช่ทหารก็ทำงานได้เรียบร้อย ตนทำงานในหน้าที่ไม่เอนเอียงว่าจะเป็นทหารหรือพลเรือน ยืนยันว่าไม่ว่าจะตั้งใคร ทหารทุกคนทำตามหน้าที่ไม่มีวาระส่วนตัวหรือเรื่องอื่น
“ผมกับท่าน (พล.อ.ประวิตร) รับราชการมาด้วยกันเกือบทั้งชีวิตโดยหลักการ เรื่องงานมีทั้งเห็นด้วยและมีความขัดแย้ง ไม่น่ามีปัญหาอะไร ซึ่งเรื่องความเหมาะสม พูดตอนนี้ไม่น่าจะดีควรจะให้ผู้รับผิดชอบเป็นผู้พิจารณาจะดีกว่า”
ส่วน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะควบตำแหน่ง รมว.กลาโหมนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า แล้วแต่ฝ่ายการเมืองจะพิจารณาความเหมาะสม แต่หากเป็นบุคคลนี้ไม่น่ามีปัญหา
ปัญหา “มาร์ค” หนีทหารสอบจบไปแล้ว
ส่วนที่มีการโจมตี นายอภิสิทธิ์ หนีทหารนั้น ผบ.ทบ.กล่าวว่า มีการสอบสวนอยู่แล้ว ตนไม่ค่อยรู้เรื่องเดิม เพราะเรื่องผ่านมาตั้ง 21 ปีแล้ว ซึ่งมีหลักฐานการสอบสวนอยู่ ความจริงเรื่องมันจบไปแล้ว ตัวเนื้อความก็จบไปแล้ว ไม่ว่าจะด้านกฎหมาย และท่านได้รับตำแหน่งเป็นทหารไปแล้ว หากใครคิดว่าหลักฐานมีปัญหาคงสอบสวนกันอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามถึงเสียงวิจารณ์ที่ว่าทหารแทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนยืนยันอย่างเดิมว่า เราคำนึงถึงประเทศชาติจะได้ผลประโยชน์อย่างไรเท่านั้น ตนไม่ได้เข้าไปจัดรัฐบาล ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวในขณะนั้น หากท่านใดสอบถาม หรือปรึกษามา ตอบได้แค่ไหนก็ตอบ แต่การตอบของตนจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ส่วนที่สื่อมาลือกันว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ตนไม่ได้พูด สื่อไปเอามาจากไหนตนไม่ทราบ พูดเพียงอย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรก็แล้วแต่ประเทศชาติให้เดินต่อไปได้ และทุกฝ่ายหันมาสมัครสมานสามัคคี นึกถึงความเป็นคนไทยชาติไทยด้วยกัน และต่อสู้ปัญหาของชาติด้วยกันไม่ใช่จะคิดมาแบ่งว่าใครจะชนะ ตนดำรงตัวอย่างนี้เสมอมา ท่านทราบดีว่า ฝ่ายหนึ่งก็หาว่าไม่ได้ทำ อีกฝ่ายหนึ่งก็หาว่าตนไปซ่อนรูป ตนอยู่ตามปกติ กองทัพถึงจะอยู่กับตนได้ ยืนยันว่า ตนไม่มีวาระ ต้องไปถามคนอื่น
แนะรัฐบาลดูแลทุกฝ่ายแม้แต่ นปช.
ส่วนที่ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โจมตีกองทัพนั้นพล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า พื้นฐานของตน รักคนอีสาน คิดว่าจะทำอย่างไร ให้คนอีสานมีชีวิตที่ดี เขาจะรักใครตนไม่ขัดขวาง รัฐบาลต้องทำให้คนด้อยโอกาส มีชีวิตที่ดีขึ้น และสร้างความมั่นใจ คงจะไปบังคับให้เขารักคนโน้นคนนี้ไม่ได้ หากเขาโกรธต้องค่อยพูดจา ทั้งนี้ตนอยากพูดคุยกับเขา หากให้ทหารในพื้นที่ไปพูดคุย กับประชาชนชาวอีสานได้ หากไม่มองว่า เป็นการเข้าไปก้าวก่ายในเรื่องการเมือง
“ผมคิดว่า เขาไม่ผิด เขาไม่เรียกว่า นปช.หรือเสื้อแดง ผมคิดว่า เขาเป็นคนที่รัฐบาลต้องดูแล ยืนยันว่า หากเรียกว่า พวกนั้น พวกนี้สถานการณ์คงไม่จบ การแสดง ความรักหรือชอบของเขา ไม่ได้ถือว่าผิด แต่ต้องทำความเข้าใจว่า หากใครทำผิดต้องว่ากันไปตามกฎหมาย ใครเข้ามา ทำหน้าที่รัฐ ต้องดูแลไม่ให้คนแบ่งพรรค แบ่งพวก”
ผู้สื่อข่าวถามว่า เชื่อมั่นการบริหารงานของ นายอภิสิทธิ์ หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นทั้งนั้น ไม่ว่าใครเข้ามาสู่อำนาจรัฐ ที่ผ่านมา ตนทำงานไปตามหน้าที่ และไม่ว่าใครมาถืออำนาจรัฐต้องช่วยกันร่วมมือ ถ้าทำได้ดีจะเกิดผลรวมที่ดีกับทุกคน หากทำไม่ดีก็มีกลไกที่จะเข้าไปตรวจสอบถ่วงดุล