โฆษก พท.ปัดรับผิดชอบทั้งทาง กม.และทางการเมือง หากศาล รธน.วินิจฉัย พ.ร.ก.กู้เงินไม่ขัด รธน.ย้อน แค่วาทกรรมของนักการเมืองรุ่นเก่า เพื่อกลบความผิดพลาดตัวเอง เหน็บ ปชป.เปลี่ยนนโยบายเป็น 99 วันกู้ทันที สร้างหนี้ทั่วไทย เผย ประชุม กก.บห.18 พ.ค.จ่อเลือกหัวหน้าพรรคใหม่ หลังเหลิม-มิ่งขวัญแหยง ปัดนั่ง หน.พรรค และ 21 พ.ค.เตรียมสัมมนา ส.ส.ด้าน “สุรพงษ์” จวก รัฐสร้างหนี้แล้วโยนความผิดให้ รบ.“สมัคร-สมชาย”
วันนี้ (17 พ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล เรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยรับผิดชอบหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 จำนวน 4 เเสนล้านบาท ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ว่า พรรคไม่ต้องรับผิดชอบทั้งในทางกฎหมายและทางการเมือง เพราะการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้นพรรคใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา185ที่ต้องการให้เกิดการตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล อีกทั้งมาตรา185วรรคสองก็ยังบัญญัติว่า เมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎรได้รับความเห็นแล้ว ให้รอการพิจารณา พ.ร.ก.ดังกล่าวไว้ก่อนจนกว่าจะได้รับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่หากรัฐบาลจะรีบกู้เงินก็ยังทำให้ในช่วงเวลานี้ เพราะ พ.ร.ก.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้แล้วเพียงแต่ว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพ.ร.ก.ดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ รัฐบาลต้องรับผิดชอบ
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า พรรคทำหน้าที่เเทนประชาชนในการตรวจสอบรัฐบาลตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ เพราะเห็นว่าครม.ใช้อำนาจโดยมิชอบ หลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากรัฐสภาในการตรา พ.ร.ก.ดังกล่าว ฉะนั้น สิ่งที่ นายชินวรณ์ ระบุว่า พรรคต้องรับผิดชอบนั้น เป็นเพียงวาทกรรมทางการเมืองของนักการเมืองจากพรรคเก่าแก่ เพื่อกลบความผิดพลาดของตัวเองเท่านั้น ขอเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์ว่ากำลังคิดและทำอะไร จึงซ่อนเร้นและกำหนดว่าการกู้เงิน4แสนล้านบาทนั้นไม่ต้องส่งเงินเข้าคลังก่อน และยังจัดสรรให้กระทรวงต่างๆ โดยตัดอำนาจการตรวจสอบของรัฐสภาไป
นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่ ครม.เห็นชอบการขึ้นภาษีน้ำมันลิตรละ5บาทว่า หากย้อนไปดูช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์หาเสียงไว้ ในนโยบาย 99 วันทำได้ทันที มีการระบุว่าหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลจะยกเลิกกองทุนน้ำมันและนำเงินมาลดราคาน้ำมันลิตรละ 2 บาท ซึ่งนโยบายสวยหรูนี้พรรคประชาธิปัตย์ลืมไปแล้วหรือไม่ จึงเปลี่ยนนโยบายเป็น 99 วันกู้ทันทีสร้างหนี้ทั่วไทย แสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลเมื่อไหร่ก็ถนัดกู้เมื่อนั้น
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวด้วยว่า หลังปิดสมัยประชุมสภาแล้ว ในวันที่ 21 พ.ค.พรรคเพื่อไทยจะจัดสัมมนา ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.ที่โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ โดยการสัมมนาครั้งนี้มีจุดประสงค์ให้ ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.ของพรรครับทราบนโยบาย รวมทั้งยุทธศาสตร์ทางการเมืองของพรรค ทั้งนี้ จะมีการเชิญ นายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี มาบรรยายเรื่องเศรษฐกิจ และเชิญ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย มาบรรยายเรื่องทิศทางการเมืองในสถานการณ์ปัจจุบันด้วย โดยจะมีการระดมความเห็นในที่ประชุมเพื่อกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ของพรรคต่อไป ซึ่ง ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคจะนำข้อมูลที่ได้จากการประชุมเพื่อไปชี้แจงกับประชาชนให้รับทราบ
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะลาออกจากตำแหน่ง และมีการเสนอให้พลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีต ผบ.สส.มารับตำแหน่งแทนนั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ส.ส.ของพรรคได้เรียกร้องว่า คณะกรรมการบริหารพรรคควรจะมีส.ส.เข้าไปเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย และหัวหน้าพรรคควรเป็นส.ส.เพื่อทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อรักษาสิทธิต่างๆ ของพรรค เช่น การออกรายการวิทยุและโทรทัศน์เพื่อชี้แจงกับประชาชน แต่ถ้าหากหัวหน้าพรรคเป็นคนนอกก็จะต้องหารือกันอีกครั้ง โดยในวันที่ 18 พ.ค.เวลา 11.00 น.พรรคจะมีการประชุมวิสามัญกรรมการบริหารพรรคเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า ในวันที่ 21 พ.ค.พรรคจะสัมมนา ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.ในประเด็นใดบ้าง เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าพรรคต้องการบุคคลแบบใดในการทำหน้าที่ เช่น สถานการณ์วันนี้พรรคต้องการผู้นำทางการเมืองหรือต้องการผู้นำทางเศรษฐกิจ หรือต้องการผู้นำทางการเมืองและเศรษฐกิจรวมกันเพื่อเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งต้องมาพิจารณาว่าบุคลากรที่มีในพรรคเช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรค นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.สัดส่วน นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม หรือจะเชิญคนนอก เช่น นายโอฬารหรือพลเอกชัยสิทธิ์ให้เข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งต้องแล้วแต่ความเห็นของที่ประชุม
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย แจ้งว่า สำหรับ ร.ต.อ.เฉลิม และ นายมิ่งขวัญ นั้น ค่อนข้างแน่ชัดว่าจะไม่ขอรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยต่อจาก นายยงยุทธ เพราะไม่ต้องการเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงทำให้ต้องมีการเลือกกันใหม่ว่า จะให้ใครมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ระหว่าง นายวิทยา พ.อ.อภิวันท์ และ นายเผดิมชัย หากพรรคไม่สามารถเกลี้ยกล่อม ร.ต.อ.เฉลิม และ นายมิ่งขวัญ ได้
ส่วนกรณีที่ นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 พร้อมญาติวีรชน เรียกร้องให้มีการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ที่อ่าวไทย ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งพบหัวกะโหลกมนุษย์นั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า พรรคได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน หากมีข้อมูลอีกมุมหนึ่งก็จะขยายผลและส่งให้นายวิทยานำไปใช้อภิปรายในสภาต่อไป ดังนั้นรัฐบาลต้องทำความจริงให้ปรากฏ เพราะเป็นการชำระประวัติศาสตร์ที่ค้างคาใจ แม้จะต้องใช้งบประมาณกี่ร้อยล้านบาทเพื่อนำตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมดขึ้นมาตรวจสอบก็ต้องทำ และหากพรรคพบข้อมูลว่ารัฐบาลลับ ลวง พรางในเรื่องนี้ ก็จะนำข้อมูลที่ได้มาเผยแพร่ และอาจจะร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติด้วย
ด้าน นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานเศรษฐกิจของพรรค แถลงถึงการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทว่า เหตุผลที่พรรคเพื่อไทยพยายามออกมาพูดถึงเรื่องการออก พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาทของรัฐบาลนั้น เพราะต้องการชี้แจงให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลพยายามหมกเม็ด ปกปิดเรื่องที่รัฐบาลไปก่อหนี้ไว้ และโยนให้เป็นความรับผิดชอบของนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่าเป็นผลมาจากการใช้จ่ายของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ดังนั้น พรรคต้องเปิดเผยความจริงให้ประชาชนทราบว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการซ่อนรูป ซ่อนเงื่อนในเรื่องนี้ และที่สำคัญ คือ ซ่อนค่าเค หรือค่าเก๋าเจี๊ยะ หรือค่าคอมมิชชันเพื่อหาประโยชน์เข้าตัวเอง เพราะการออกเป็นพ.ร.ก.นั้นรัฐบาลสามารถนำเงินไปใช้ได้เลยโดยไม่ต้องนำเข้าสภา ส.ส.ไม่มีสิทธิ์ซักถามความจำเป็นหรือความโปร่งใสในการใช้จ่ายเหมือนกับการออกเป็น พ.ร.บ.ถือเป็นประวัติศาสตร์การกู้เงินที่ผิดวินัยการเงินการคลังอย่างร้ายแรง นอกจากนี้ รัฐบาลยังตั้งโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 2 อีก 1.43 ล้านบาท ซึ่งจะต้องมีการกู้เงินอีกอย่างแน่นอน ดังนั้นพรรคจะตีแผ่เรื่องนี้ในการอภิปรายของสภาด้วย
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องรัฐบาลและวิปรัฐบาลว่า ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงด้วย เปิดใจให้กว้าง ให้ ส.ส.ได้อภิปรายในรายละเอียด รวมทั้งให้มีการถ่ายทอดสด พรรคเพื่อไทยจะกระชากหน้ากากของรัฐบาลออกมาให้ประชาชนได้เห็นว่า มีการจัดสรรงบประมาณไปตามกระทรวงต่างๆ อย่างอิ่มหนำสำราญ ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลมีชีวิตชีวาและสดชื่นขึ้น ดังนั้นที่พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าประชาชนต้องมาก่อนนั้น วันนี้จะได้เห็นว่า ประชาชนตายก่อนอย่างแน่นอน
“ขอฝากไปถึงประชาชนว่า อย่าเข้าใจผิดว่ารัฐบาลหาเงินไม่ได้จนทำให้ไม่มีโครงการอะไรออกมา เพราะที่จริงแล้วรัฐบาลสร้างภาพปรับลดงบประมาณปี 53ลงเพื่อให้ประชาชนสงสาร อ้างว่าเศรษฐกิจไม่ดี แล้วเอาเงินไปใช้ลงทุนนอกงบประมาณ เราไม่ได้ค้านการออกพ.ร.ก.หรือพ.ร.บ. แต่เราเห็นว่ามีการกู้มาใช้ไม่ถูกกาลเทศะ กู้มาเพื่อสนองพรรคพวก เพื่อสนองการเมืองของพรรคตัวเอง เพราะโครงการต่างๆล้วนลอกเลียนแบบมาจากสมัยรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย แต่เอามาใช้ผิดเวลา ไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจ ไม่พัฒนาตัวเอง ไม่รู้ว่าจะเอาเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร ทั้งนี้ หนี้สินที่เห็นได้ชัดๆว่ารัฐบาลนี้จะทำให้เกิดขึ้นคือนับล้านล้านบาท” นายสุรพงษ์ กล่าว