ก่อนเลือกตั้ง นายสมัคร สุนทรเวช ประกาศว่าเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่เมื่อมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ จะปฏิบัติตามและรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ
เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรี นายสมัครจึงเป็นหัวหน้ารัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่หุ่นเชิดหรือนอมินีของใครต่อไปอีก เว้นเสียแต่นายสมัครจะยอมตนลงเป็นทาสเสียเองเท่านั้น
สามเดือนมานี้จุดยืนและท่าทีของนายสมัครยังคลุมเครือ ซึ่งน่าเห็นใจและเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะตกปากรับคำกับเจ้าของพรรคเขาไว้ แต่ในขณะเดียวกันน้ำใจลึกก็สำนึกในหน้าที่รับผิดชอบต่อบ้านเมือง และคำปฏิญาณที่ได้ถวายสัตย์ไว้
ดังนั้นสามเดือนมานี้จึงได้เห็นสภาพกวัดแกว่งหวั่นไหวไปมาหาแน่นอนอันใดมิได้
ทำให้สภาพรัฐบาลกลายเป็นรัฐบาลลูกกรอก และถูกกล่าวหาว่าไม่แก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองและปัญหาของคนไทย 63 ล้านคน มุ่งแต่จะแก้รัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว จนแผ่นดินเกิดวิกฤตเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า
แล้วสถานการณ์ก็มาถึงทางสองแพร่ง
แพร่งหนึ่ง นายสมัครจะเป็นตัวของตัวเอง เป็นหัวหน้ารัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ดูแลทุกข์สุขและแก้ไขปัญหาประชาชน 63 ล้านคน นำพาชาติออกมาจากวิกฤตนองเลือดของสงครามประชาชน และหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ปฏิวัติ ก้าวไปสู่การฟื้นฟูชาติและเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพครบ 4 ปี
แพร่งหนึ่ง นายสมัครยังยอมตนเป็นทาสของใครบางคน นำชาติเข้าสู่สงครามประชาชนที่คนไทยต้องฆ่ากันเองทั้งแผ่นดิน กระทั่งสิ้นชาติในที่สุด และอาจเกิดเหตุปฏิวัติที่รุนแรงขึ้น กระทั่งนายสมัครเองก็อาจจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้
นายสมัคร สุนทรเวช จะเลือกเดินทางไปทางไหน?
การตัดสินใจครั้งนี้จะมีผลเชิงประวัติศาสตร์ของประเทศชาติ ของประชาชน และของตระกูลสุนทรเวช รวมทั้งบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลและผู้คนในพรรคพลังประชาชนด้วย
ว่าจะสำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติ ต่อประชาชน ต่ออนาคตของตนเองและครอบครัว หรือว่าจะคิดสั้นหวังเอาแต่ประโยชน์เฉพาะหน้าอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ถ้าเลือกเอาหนทางสายแรก นายสมัคร สุนทรเวช จะต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้
ยุติและขัดขวางการฉีกรัฐธรรมนูญ 2550 เร่งแก้ไขปัญหาวิกฤตข้าวยากหมากแพง โจรผู้ร้ายชุกชุมในบ้านเมืองให้ลุล่วงโดยเร็วที่สุด พิทักษ์รักษาอธิปไตยของชาติ ทั้งบริเวณเขาพระวิหารและสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เอาคนไม่ดีออกไปจากอำนาจ และเอาคนดีเข้ามามีอำนาจในบ้านเมืองตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เพื่อการนี้ นายสมัคร สุนทรเวช จะต้องปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ โดยคำนึงถึงประเทศชาติ ของพระศาสนาและพระมหากษัตริย์ ตลอดจนประชาชนเป็นที่ตั้ง ปลดแอกตนเองให้พ้นจากความเป็นข้าทาสบริวารหรือหุ่นเชิดของคนอื่น
นายสมัคร สุนทรเวช สามารถสามัคคีกับแกนนำในพรรคพลังประชาชนที่ยังสำนึกรับผิดชอบต่อบ้านเมืองบางส่วนได้ สามารถดึงพรรคร่วมรัฐบาลมาเป็นพันธมิตรได้ สามารถประสานพรรคฝ่ายค้านมิให้กดดันและให้มีความผ่อนปรนในการร่วมกันแก้ไขปัญหาของชาติและประชาชนได้
ทำให้กลุ่มคนชั่วในพรรคไม่สามารถบีบคั้นกดดันหรือจิกหัวบงการให้ทำลายชาติบ้านเมืองได้อีกต่อไป
แต่ถ้านายสมัคร สุนทรเวช เลือกอีกหนทางหนึ่ง ก็ปล่อยให้กระบวนการฉีกรัฐธรรมนูญเดินหน้าต่อไป ส่งเสริมให้คนชั่วมีอำนาจต่อไป กำจัดคนดีออกจากอำนาจต่อไป อุ้มชูการย่ำยีกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณี และการทรยศต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชนต่อไป
สนับสนุนให้เสียดินแดนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยปล่อยให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปตามยถากรรมต่อไป และทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยให้เขมรขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารซึ่งรุกดินแดนไทย 10.5 ตารางกิโลเมตร เพื่อให้คนบางคนได้รับสัมปทานแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยจากเขมร ซึ่งมีมูลค่า 5,500,000 ล้านบาท เพื่อประโยชน์ส่วนตนต่อไป ซึ่งใครต่อใครอาจได้รับส่วนแบ่งบ้างไม่มากก็น้อย
ถ้าเลือกหนทางแรก รัฐบาลก็จะอยู่ครบเทอม อยู่ครบ 4 ปี และกอบกู้ฟื้นฟูชาติบ้านเมือง นำความสงบสุขกลับสู่บ้านเมืองได้สำเร็จ
แต่ถ้าเลือกหนทางหลัง วิกฤตทุกด้านก็จะถูกขับเคลื่อนในอัตราเร่งไปสู่ระดับสูงสุด เศรษฐกิจก็จะพังพินาศ ข้าวยากหมากแพงจะรุนแรงถึงขนาดไม่มีกิน จะเกิดการปะทะถึงขั้นนองเลือด จะเกิดการปฏิวัติไม่ว่าโดยผู้พิทักษ์รักษาชาติบ้านเมืองหรือโดยประชาชนผู้รักชาติ
นายสมัคร สุนทรเวช จะพาชาติบ้านเมืองไปทางไหน? ประชาชนผู้รักชาติต้องจับจ้องมองอย่างไม่กระพริบตาแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว.
เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรี นายสมัครจึงเป็นหัวหน้ารัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่หุ่นเชิดหรือนอมินีของใครต่อไปอีก เว้นเสียแต่นายสมัครจะยอมตนลงเป็นทาสเสียเองเท่านั้น
สามเดือนมานี้จุดยืนและท่าทีของนายสมัครยังคลุมเครือ ซึ่งน่าเห็นใจและเข้าใจได้ว่าเป็นเพราะตกปากรับคำกับเจ้าของพรรคเขาไว้ แต่ในขณะเดียวกันน้ำใจลึกก็สำนึกในหน้าที่รับผิดชอบต่อบ้านเมือง และคำปฏิญาณที่ได้ถวายสัตย์ไว้
ดังนั้นสามเดือนมานี้จึงได้เห็นสภาพกวัดแกว่งหวั่นไหวไปมาหาแน่นอนอันใดมิได้
ทำให้สภาพรัฐบาลกลายเป็นรัฐบาลลูกกรอก และถูกกล่าวหาว่าไม่แก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองและปัญหาของคนไทย 63 ล้านคน มุ่งแต่จะแก้รัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว จนแผ่นดินเกิดวิกฤตเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า
แล้วสถานการณ์ก็มาถึงทางสองแพร่ง
แพร่งหนึ่ง นายสมัครจะเป็นตัวของตัวเอง เป็นหัวหน้ารัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ดูแลทุกข์สุขและแก้ไขปัญหาประชาชน 63 ล้านคน นำพาชาติออกมาจากวิกฤตนองเลือดของสงครามประชาชน และหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ปฏิวัติ ก้าวไปสู่การฟื้นฟูชาติและเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพครบ 4 ปี
แพร่งหนึ่ง นายสมัครยังยอมตนเป็นทาสของใครบางคน นำชาติเข้าสู่สงครามประชาชนที่คนไทยต้องฆ่ากันเองทั้งแผ่นดิน กระทั่งสิ้นชาติในที่สุด และอาจเกิดเหตุปฏิวัติที่รุนแรงขึ้น กระทั่งนายสมัครเองก็อาจจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้
นายสมัคร สุนทรเวช จะเลือกเดินทางไปทางไหน?
การตัดสินใจครั้งนี้จะมีผลเชิงประวัติศาสตร์ของประเทศชาติ ของประชาชน และของตระกูลสุนทรเวช รวมทั้งบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลและผู้คนในพรรคพลังประชาชนด้วย
ว่าจะสำนึกรับผิดชอบต่อประเทศชาติ ต่อประชาชน ต่ออนาคตของตนเองและครอบครัว หรือว่าจะคิดสั้นหวังเอาแต่ประโยชน์เฉพาะหน้าอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ถ้าเลือกเอาหนทางสายแรก นายสมัคร สุนทรเวช จะต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้
ยุติและขัดขวางการฉีกรัฐธรรมนูญ 2550 เร่งแก้ไขปัญหาวิกฤตข้าวยากหมากแพง โจรผู้ร้ายชุกชุมในบ้านเมืองให้ลุล่วงโดยเร็วที่สุด พิทักษ์รักษาอธิปไตยของชาติ ทั้งบริเวณเขาพระวิหารและสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เอาคนไม่ดีออกไปจากอำนาจ และเอาคนดีเข้ามามีอำนาจในบ้านเมืองตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เพื่อการนี้ นายสมัคร สุนทรเวช จะต้องปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ โดยคำนึงถึงประเทศชาติ ของพระศาสนาและพระมหากษัตริย์ ตลอดจนประชาชนเป็นที่ตั้ง ปลดแอกตนเองให้พ้นจากความเป็นข้าทาสบริวารหรือหุ่นเชิดของคนอื่น
นายสมัคร สุนทรเวช สามารถสามัคคีกับแกนนำในพรรคพลังประชาชนที่ยังสำนึกรับผิดชอบต่อบ้านเมืองบางส่วนได้ สามารถดึงพรรคร่วมรัฐบาลมาเป็นพันธมิตรได้ สามารถประสานพรรคฝ่ายค้านมิให้กดดันและให้มีความผ่อนปรนในการร่วมกันแก้ไขปัญหาของชาติและประชาชนได้
ทำให้กลุ่มคนชั่วในพรรคไม่สามารถบีบคั้นกดดันหรือจิกหัวบงการให้ทำลายชาติบ้านเมืองได้อีกต่อไป
แต่ถ้านายสมัคร สุนทรเวช เลือกอีกหนทางหนึ่ง ก็ปล่อยให้กระบวนการฉีกรัฐธรรมนูญเดินหน้าต่อไป ส่งเสริมให้คนชั่วมีอำนาจต่อไป กำจัดคนดีออกจากอำนาจต่อไป อุ้มชูการย่ำยีกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณี และการทรยศต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชนต่อไป
สนับสนุนให้เสียดินแดนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยปล่อยให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปตามยถากรรมต่อไป และทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยให้เขมรขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารซึ่งรุกดินแดนไทย 10.5 ตารางกิโลเมตร เพื่อให้คนบางคนได้รับสัมปทานแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยจากเขมร ซึ่งมีมูลค่า 5,500,000 ล้านบาท เพื่อประโยชน์ส่วนตนต่อไป ซึ่งใครต่อใครอาจได้รับส่วนแบ่งบ้างไม่มากก็น้อย
ถ้าเลือกหนทางแรก รัฐบาลก็จะอยู่ครบเทอม อยู่ครบ 4 ปี และกอบกู้ฟื้นฟูชาติบ้านเมือง นำความสงบสุขกลับสู่บ้านเมืองได้สำเร็จ
แต่ถ้าเลือกหนทางหลัง วิกฤตทุกด้านก็จะถูกขับเคลื่อนในอัตราเร่งไปสู่ระดับสูงสุด เศรษฐกิจก็จะพังพินาศ ข้าวยากหมากแพงจะรุนแรงถึงขนาดไม่มีกิน จะเกิดการปะทะถึงขั้นนองเลือด จะเกิดการปฏิวัติไม่ว่าโดยผู้พิทักษ์รักษาชาติบ้านเมืองหรือโดยประชาชนผู้รักชาติ
นายสมัคร สุนทรเวช จะพาชาติบ้านเมืองไปทางไหน? ประชาชนผู้รักชาติต้องจับจ้องมองอย่างไม่กระพริบตาแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว.